จับมือผบ.ตร.กัมพูชา ลุยแก๊งคอลฯข้ามชาติ
‘บิ๊กปั๊ด’ ผบ.ตร.บินด่วนกัมพูชา ช่วยเหลือ 66 คนไทยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ร่วมหารือและขอบคุณ ผบ.ตร. กัมพูชาที่เปิดปฏิบัติการร่วมช่วยเหลือคนไทยถูกหลอกทำงานผิดกฎหมาย เผยยังมีบางส่วนหลบหนี หากอพยพไม่ทันบังคับคนไทยเซ็นสัญญายอมรับหนี้สิน ทั้งนี้นับจากต.ค.64 ช่วยคนไทยกลับบ้านแล้วกว่า 700 คน สถานทูตไทยในพนมเปญระบุตั้งแต่ปีที่แล้ว คนไทยถูกหลอกมาทำงานผิดกฎหมายกว่า 2,500 คน ส่วนกรณีพิธีกรสาวตกเป็นเหยื่อสูญเงินนับล้าน ปล่อยโฮถูกลวงให้โอนเงินจนเกลี้ยงบัญชี อ้างชื่อและรูป ผกก.สภ.ระนองขู่ดำเนินคดีฟอกเงิน ด้านผกก.ชี้แจงถูกแอบอ้างจริง เตือนอย่าหลงเชื่อ ยืนยันสถานีตำรวจไม่ติดต่อประสานทางโทรศัพท์

ร่วมมือ – พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. นำคณะหารือและขอบคุณพล.ต.อ.เน็ท สะเวิน ผบ.ตร.กัมพูชา ที่ช่วยเหลือ 66 ชาวไทยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ที่สำนักงานตำรวจกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 เม.ย.

วันที่ 12 เม.ย. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ผอ.ศพดส.ตร. เดินทางไปกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เข้าพบ พล.ต.อ.เน็ท สะเวิน ผบ.ตร.ประเทศกัมพูชา เพื่อขอบคุณความร่วมมือเปิดปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกมาทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา หลังจากตำรวจไทยและกัมพูชาร่วมเปิดปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยใน 3 เมืองหลักช่วงสองวันที่ผ่านมาคือ เมืองปอยเปต เมืองพระสีหนุ และกรุงพนมเปญ ช่วยเหลือคนไทยออกมาได้ 66 คน แบ่งเป็นกรุงพนมเปญ 31 คน เมืองพระสีหนุ 31 คน สถานทูตที่พนมเปญ 2 คน และเมืองบาร์เว็ท 2 คน ทั้งนี้ ผบ.ตร.ยังหารือแนวทางการนำพาคนไทยทั้งหมดเดินทางกลับประเทศไทย รวมถึงแนวทางความร่วมมือป้องกันการหลอกลวงคนไทยมาทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา ขณะนี้คนไทยทั้งหมดที่ได้รับการช่วยเหลือยังอยู่ในความดูแลของตำรวจกัมพูชาทั้งที่เมืองพระสีหนุและกรุงพนมเปญ

กลุ่มคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือล่าสุดเผยว่า ยังมีคนไทยถูกนายทุนจีนเคลื่อนย้ายหลบหนีก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าทลายอีกจำนวนมาก เพราะข่าวการเปิดปฏิบัติการรั่วไหลจนบางส่วนย้ายจุดหลบหนีไปได้ หากจุดใดอพยพไม่ทันก็จะบังคับให้คนไทยเซ็นสัญญายอมรับหนี้สินเฉลี่ยหัวละ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชาจะต้องประสานความร่วมมือใกล้ชิด ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาที่ช่วยเหลือส่งตัวคนไทยที่ถูกหลอกมาทำงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาส่งคนไทยกลับประเทศไทยแล้วกว่า 700 คน และจากการประสานงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา สามารถช่วยเหลือคนไทยเพิ่มเติมได้อีก 66 คน

ด้านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ระบุว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงวันนี้มีคนไทยขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานผิดกฎหมายมากกว่า 2,500 คน เฉพาะต้นปีนี้สามเดือนแรกมากถึง 250 คน เตือนคนไทยว่างานสบายรายได้สูงไม่มีอยู่จริง อย่าตกเป็นเหยื่อมาหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ

สำหรับความคืบหน้ากรณีพิธีกรสาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็น ผกก.สภ.เมืองระนอง หลอกให้โอนเงินเกลี้ยงบัญชีสูญนับล้าน วันเดียวกัน ที่ สน.ทองหล่อ น.ส.ภัทธีมา โกมลบวรกุล อายุ 37 ปี อาชีพพิธีกรและขายของออนไลน์ ผู้เสียหาย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ น.ส.ภัทธีมาเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2565 เวลา 11.30 น. มีเบอร์แอบอ้างเป็นศุลกากรโทร.มาแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมาย สิ่งเสพติด บัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชี 15 เล่ม และ พาสปอร์ต 10 เล่ม ส่งไปต่างประเทศ ได้รับแจ้งมาจาก สภ.เมืองระนอง เป็นคดีใหญ่มาก เป็นการฟอกเงินระดับประเทศ ถ้าไม่ได้ทำผิดต้องไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองระนอง แต่ตน ไม่สะดวกเดินทางไป เขาก็อ้างว่าจะโอนสายไปที่ สภ.เมืองระนอง

น.ส.ภัทธีมากล่าวต่อว่า ต่อมาตนได้คุยกับคนที่อ้างเป็นตำรวจ บอกว่าถ้ายืนยันว่าไม่ได้ทำผิดต้องถูกสอบสวนด้วยการยืนยันตัวตนผ่านวิดีโอคอล จากนั้นเขาก็แอดไลน์มา เป็นรูปโลโก้ สภ.เมืองระนอง และโทร.มาให้เปิดวิดีโอคอล เห็นหน้าคนที่อ้างเป็นตำรวจเพียงแป๊บเดียวเขาก็รีบปิดกล้อง เมื่อถามไปว่าทำไมต้องปิดกล้อง เขาบอกว่าเป็นผู้ต้องสงสัยไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับตำรวจ พร้อมขึ้นเสียงใส่ ขู่จะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ตนจึงเงียบ จากนั้นเขาให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและทำทีให้สารวัตรสอบสวนไปตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าตนเป็นผู้ต้องสงสัย พร้อมกับส่งรูปบัตรข้าราชการมาให้ พอตนตรวจสอบข้อมูลพบว่าเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.เมืองระนอง จริง รู้สึกกังวลและกลัวจึงให้ข้อมูลทุกอย่างรวมทั้งข้อมูลบัญชีธนาคาร เขาอ้างว่าจำเป็นต้องอายัดเงินไว้เพื่อพิสูจน์ว่าเงินที่ได้มานั้นบริสุทธิ์ โดยจะนำข้อมูลไปให้ปปง. หลังตรวจสอบจะโอนเงินคืนให้ เลขบัญชีที่ส่งมาเป็นชื่อบุคคลอ้างว่าเป็นบัญชีลับของข้าราชการ ตนอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจจึงโอนเงินให้หมดทุกบัญชี 4 ครั้ง รวม 1 ล้านบาท หลังจากโอนไปแล้วเข้าไปดูในไลน์ปรากฏว่าคนที่อ้างตัวเป็นตำรวจลบข้อมูลออกทั้งหมด รู้ว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวานนี้ร้องไห้ตลอด เสียใจที่สูญเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้หามาง่ายๆ

ที่ สภ.เมืองระนอง พ.ต.อ.พรพรหม จักษุรักษ์ ผกก.สภ.เมืองระนอง ให้สัมภาษณ์กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำรูปไปแอบอ้างว่าเป็นรูปตนจริงและตำแหน่งจริง แต่หมายเลข 13 หลักในบัตรไม่ใช่ของตน ทราบข่าวมาระยะหนึ่งแล้วว่ามีผู้นำชื่อตนและสถานีตำรวจไปแอบอ้าง แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว เราดำเนินการได้เพียงเท่านี้ บัญชีที่ให้โอนไปไม่ทราบว่าโอนไปบัญชีใด จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ ต้องสอบถามสถานีตำรวจที่รับแจ้งความ ล่าสุดสถานีตำรวจต่างๆ สอบถามตนมาเช่นกัน ขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างส่วนราชการ โดยเฉพาะสถานีตำรวจจะไม่ติดต่อประสานทางโทรศัพท์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน