หลังได้ประกัน-หายตัว จนท.ปิดอาศรมชัยภูมิ ขีดเส้นรื้อ-ให้สาวกออก เล็งแจ้งเพิ่มอีก4ข้อหา รอผลตรวจพิสูจน์11ศพ
แฉเจ้าของสำนักพระบิดาหลบไปอยู่ คำม่วน‘ภูผาม่าน’ ขอนแก่น เตรียมตั้งสำนักใหม่ ใกล้ผานกเค้า เขตภูกระดึง จ.เลย ด้านจนท.นำป้ายติดห้ามเข้าสำนักฤๅษีที่คอนสาร ใครฝ่าฝืนถูกดำเนินคดี ขณะที่ลูกศิษย์เร่งขนย้ายข้าวของออกไป ทางอปท.พร้อมช่วยขนย้าย ปศุสัตว์จังหวัดเร่งสำรวจสัตว์เลี้ยงในสำนัก พบมีทั้งวัว ควาย กวางพันธุ์รูซ่า ไก่ไข่ ไก่พื้นเมืองจำนวนหนึ่ง ไก่งวงจำนวนหนึ่ง เป็ดเทศ สุนัข แมว อีกัวน่า ให้เจ้าของนำหลักฐานมาแสดงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากกรณีนายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ พร้อมพ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย สว. (สอบสวน) สภ.คอนสาร นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นพ.สสจ.ชัยภูมิ นำหมายศาลบุกเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีพระบิดา ซึ่งมีนายทวี หนันลา อายุ 74 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 1 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม หมู่ที่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ อีกเป็นรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนายทวีซึ่งได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ ไม่มีใครทราบว่าหลบไปอยู่ที่ไหนนั้น

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ที่ติดตามการหลบซ่อนตัวของนายทวี หนันลา ได้ร่องรอยชัดเจนว่า ล่าสุดหลบไปซ่อนอยู่ที่ไร่แห่งหนึ่ง ในต.คำม่วน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ใกล้กับผานกเค้า เขตภูกระดึง จ.เลย เพื่อรอให้เรื่องเงียบ พร้อมเตรียมตั้งสำนักสงฆ์ใหม่ในบริเวณดังกล่าวอีก

ปิดสำนัก – จนท.ติดป้ายห้ามเข้า-ออกสำนักฤๅษีพระบิดา ของนายทวี หนันลา ที่ถูกดำเนินคดีหลายข้อหา บริเวณพื้นที่สาธารณะบ้านกุดแคน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ล่าสุดพบไปโผล่ภูผาม่าน ใกล้ภูกระดึง เตรียมเปิดสำนักใหม่

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่นำป้ายขนาดใหญ่ซึ่งเป็นป้ายกำหนดพื้นหวงห้ามที่เข้า-ออกภายในเขตพื้นที่ไปติดที่สำนักพระบิดา โดยเขียนข้อความระบุว่า “ด้วยเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอ.คอนสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คอนสาร เจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลคอนสาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีพระบิดา ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ ทำเลเลี้ยงสัตว์ กุดแคน หมู่ที่ 2 บ้านกุดแคน ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยมีลักษณะเป็นกระท่อม เพิงหลังคามุงหญ้า 22 หลัง และมีคนพักอาศัยอยู่ราว 30 คน ในเนื้อที่ 26-45 ไร่”

โดยมีพระฤๅษีพระบิดา หรือนายทวี หนันลา ซึ่งอ้างตนเป็นพระฤๅษีของพระบิดา เป็นเจ้าสำนักปกครองดูแลอยู่จากการตรวจสอบภายในอาคารพบว่ามีการนำศพมาเก็บไว้ในโลงกระจายอยู่ตามกระท่อมแต่ละแห่งรวม 11 ศพ จึงอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34 เรื่อง การกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะที่อาจเกิดเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไปประกอบกับคำสั่งจังหวัดชัยภูมิที่ 714/2565 เรื่องมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อโควิด-19 สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูงของจังหวัดชัยภูมิ

ทางองค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง จึงขอประกาศให้พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนภายในสำนักฤๅษีวันนี้หลังจากปิดทางเข้า-ออกแล้ว ผู้ที่นับถือลัทธิดังกล่าวขนย้ายสิ่งของออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงเศษขยะ สิ่งของสกปรกกระจัดกระจายบริเวณภายด้านใน ไม่ว่าจะเป็นกระท่อมหลังใหญ่ และกระท่อมหลังเล็กที่อยู่โดยรอบ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณลัทธิประหลาดแห่งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เก็บอาหารที่คาดว่าเป็นสิ่งของที่นำไปขายให้ชาวชุมชนใกล้เคียงออกไปทั้งหมด เพื่อไปตรวจสอบและทำลาย

ด้านนายสัญญา แสนเภา นักทรัพยากรบุคคล องค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภายในลัทธิแห่งนี้ พร้อมให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในสำนักแห่งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยขนสิ่งของในเบื้องต้น ส่วนรถจะใช้ขนย้าย ขอให้ผู้ที่จะขนย้ายนำมาเอง เพื่อส่งกลับภูมิลำเนา

นายสัญญาเปิดเผยว่า หลังจากตนออกมาประกาศเพื่อเป็นไปตามกฎหมาย เพราะจะได้เป็นไปตามคำสั่งตามที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่ามีชาวลัทธิดังกล่าวนี้ออกจากพื้นที่ไปตั้งแต่เมื่อคืน และเมื่อวาน แต่ยังมีสิ่งของที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทางอบต.ดงกลางพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือหรือขนย้ายออกไป

นางศรีสมัย โชติวณิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิกล่าวว่า การส่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.คอนสาร เข้าร่วมตรวจสอบในพื้นที่พบว่าในพื้นที่ภายในสำนักประหลาดมีสาวกหรือลูกศิษย์นำสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร และเลี้ยงขายหลายอย่าง ประกอบด้วยวัว 11 ตัว ควาย 5 ตัว กวางพันธุ์รูซ่า 15 ตัว ไก่ไข่ 35 ตัว ไก่พื้นเมืองจำนวนหนึ่ง ไก่งวงจำนวนหนึ่ง เป็ดเทศ 17 ตัว สุนัข 80 ตัว แมว 20-28 ตัว อีกัวน่า 1 ตัว หนูตะเภา 24 ตัว เบื้องต้นให้อาหารคือฟางแห้งอัด 6 ก้อนนำไปให้วัว ควายได้กินเป็นอาหาร ซึ่งได้แจ้งผู้เป็นเจ้าของสัตว์ โค-กระบือ หากจะขอนำออกไปเลี้ยง ได้แนะนำหาหลักฐานการเป็นเจ้าของผู้ครอบครองมายื่นต่อฝ่ายปกครองดำเนินการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งกวางพันธุ์รูซ่า จะประสานสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ จ.ชัยภูมิ เข้ามาดูแลด้วย ส่วนสุนัข แมว ต้องนำมาทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ทุกตัว พร้อมหาผู้อุปการะที่ต้องการนำไปเลี้ยงต่อไป

ด้านพ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังวานนี้ทางชุดผู้ว่าฯชัยภูมิ มอบหมายรองผวจ.ชัยภูมิ พร้อมตน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจค้นตรวจสอบอายัดหลักฐานการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อฤๅษีเจ้าสำนักลัทธิดังกล่าวเพิ่มเติม พร้อมสั่งปิดสำนักดังกล่าวและให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ทั้งหมดให้เสร็จภายในไม่เกิน 10 วันจากนี้ไป เนื่องจากมีการดำเนินคดีเบื้องต้น 2 ข้อหาไปแล้ว ในข้อหาบุกรุกป่าพื้นที่สาธารณะที่ทางป่าไม้ตรวจสอบรวมมีพื้นที่สำนักดังกล่าวทั้งหมด 26 ไร่ และร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ซึ่งใน 2 ข้อหาเบื้องต้นที่มีการส่งฟ้องศาลฝากขัง แต่ศาลอนุมัติให้ฤๅษีดังกล่าวได้รับการประกันตัวออกไปแล้วมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65 ล่าสุดยังไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวฤๅษี ผู้ต้องหารายนี้ได้หลังได้ประกันตัวไปแล้ว

พ.ต.อ.วัฒนชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกหลายข้อหาเพิ่ม ทั้งข้อหาการรักษาโรค ผิดพ.ร.บ.เวชกรรม ที่ไม่เป็นไปตามหลักสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากจนท.สสจ.ที่เกี่ยวข้อง รอรวบรวมหลักฐานอยู่, ข้อหาการเคลื่อนย้ายศพจัดการศพที่พบรวม 11 ศพที่ยังรอผลตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการระบุแจ้งผลมาถึง รวมทั้งมีการเกี่ยวข้องว่าน้ำเหลืองจากศพที่นำมาใช้รักษาโรคที่ผิดกฎหมายด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย รวมทั้งอีกหลายข้อหาที่พบจาการเข้าตรวจค้นพื้นที่สำนักดังกล่าวรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.65 ตามหมายศาล

“ที่พบทั้งมีการผลิตอาหาร ยารักษาโรค จำหน่ายที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร รอผลตรวจหาเชื้อและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันมาอยู่ในขณะนี้ แต่ทางสสจ.ยังไม่แจ้งผลมาถึง รวมทั้งพบมีการแปรรูปตัดไม้หวงห้าม หรือไม้พะยูงในพื้นที่สำนักดังกล่าวอีกจำนวนมากหลายสิบท่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบรวบรวมหลักฐานยังไม่ส่งตัวแทนแจ้งร้องทุกข์ต่อตำรวจเพิ่ม จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อหาเรื่องนี้เพิ่มได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พร้อมรับดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ทันที ก่อนที่จะเชิญตัว เจ้าสำนักลัทธิรักษาโรคประหลาดรายนี้มา รับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกต่อเนื่องตามขั้นตอนกฎหมายได้ต่อไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน