นอภ.ยัน-ไม่เคยระบุตัวเลขด้านโฆษกวัดแจงไม่มีใครรู้ฮึ่มแจ้งจับผู้เปิดเผยข้อมูล

รุมโต้วุ่นข่าวเงินฝากหลวงปู่แสงในบัญชีแบงก์มีถึง 180 ล้าน นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญยันไม่เคยพูดถึงจำนวน ระบุเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ยกเว้นหลวงปู่กับธนาคารที่รับฝากเท่านั้น แต่ยอมรับคุยกับผู้สื่อข่าว ที่ไปหาว่าจะสร้างพระเครื่องเพื่อระดมทุน มาพัฒนาจังหวัด ด้านโฆษกวัดแจงการเปิดเผย ข้อมูลใดๆ อยู่ที่หลวงปู่เท่านั้น ระบุสอบถามนายอำเภอถึงต้นตอข่าวแล้ว ไม่เคยระบุตัวเลขดังกล่าว เตรียมตั้งทนายดำเนินคดีผู้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวด้วย

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่วัดป่าอรัญญาวิเวก ต.ไก่คำ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ว่ายังคงมีประชาชนจำนวนมากที่เดินทาง มาจากต่างจังหวัดและในตัวจังหวัดมาที่วัดแห่งนี้ เพื่อรอเวลาเข้ากราบหลวงปู่แสง ญาณวโร ตามเวลาที่วัดกำหนดกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้า มีกระแสข่าวว่า นายธนูศักดิ์ เสมอภาค นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ ออกมาเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นถึงกรณีเงินฝากหลวงปู่แสง ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประจำธนาคาร ธนชาต สาขาอุบลราชธานี ที่คาดว่ามีกว่า 180 ล้านบาท พร้อมเปิดเผยว่าเป็นการฝากอย่างเดียว ไม่เคยถอน ที่สามารถสร้างถนนและโรงพยาบาลได้ เพราะลูกศิษย์ร่วมบริจาค

จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถาม กับนายเฉลิมชัย จันทะโคตร ลูกศิษย์หลวงปู่แสง ที่ได้รับมอบหมายเป็นโฆษกวัด โดยกล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมาก ที่มีข่าวออกมาว่านายอำเภอเปิดเผยยอดเงินฝากของหลวงปู่ ตามที่ปรากฏออกไป ซึ่งเรื่องนี้ได้แถลงข่าวไปแล้วว่า ห้ามมิให้ผู้ใด นำข้อมูลทางการเงินของหลวงปู่ ออกไปเปิดเผย นอกจากตัวหลวงปู่เอง ซึ่งได้สอบถามไปยังนายอำเภอแล้ว และนายอำเภอก็ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวถึงตัวเลขเงิน 180 ล้าน เรื่องตัวเลขเงินของหลวงปู่ ไม่มีใครรู้ นอกจากธนาคารกับตัวหลวงปู่ เนื่องจากการตรวจเช็กบัญชี ไม่มีลูกศิษย์คนไหนสามารถตรวจเช็กได้ หลังจากนี้หากสื่อท้องถิ่นยังคงให้ข่าวออกไปเป็นเท็จ ทางวัดจะประสานกับทนายความดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาการ อาพาธของหลวงปู่แสงนั้น ตั้งแต่เช้า ยังมีอาการ เหนื่อยล้า และเพลีย เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ยืนยันข้อมูลเรื่องเงิน 180 ล้าน ไม่เป็น ความจริง

หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Thaweesak Boontham ได้โพสต์รูปข่าวที่เกี่ยวกับประเด็นเงิน 180 ล้านบาท พร้อมข้อความ “แถลงแก้ข่าวให้ด้วยครับ จากการสอบถามท่านนายอำเภออำนาจเจริญ ท่านไม่เคย พูดเรื่องยอดเงินในบัญชีหลวงปู่ การที่ลงข่าวดังกล่าวโดยอ้างแหล่งข่าวซึ่งไม่เป็นความจริงอาจก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นการกระทำ ที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เเจ้งเพื่อทราบเเละอาจมีการดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป ทนายความวัดป่าอรัญญาวิเวก ทนายความหลวงปู่แสง”

ขณะนายธนูศักดิ์ เสมอภาค นายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า มีผู้สื่อข่าวได้เดินทาง มาพบตน เพื่อขอรับเหรียญหลวงปู่แสง จึงได้คุยกันว่าจังหวัดอำนาจเจริญจะสร้างพระ เพื่อนำเงินในส่วนนั้นมาพัฒนาอำเภอชานุมาน เป็นการสร้างพระที่รูปด้านหน้าเป็นหลวงปู่แสง ด้านหลังเป็นรูปยักษ์คุ เพื่อที่อยากจะได้ยักษ์สักตนไว้ที่อำเภอชานุมาน มีอาคารจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร เพื่อพี่น้องได้นำสินค้าไปจำหน่ายที่อำเภอชานุมาน

ส่วนประเด็นเรื่องเงินจำนวนนั้น นายอำเภอ เมืองอำนาจเจริญ เปิดเผยว่าตอนที่ได้นั่งคุยเล่นกัน ผู้สื่อข่าวก็มีประโยคหนึ่งขึ้นมาว่าหลวงปู่มีเงิน 80 ล้านจริงไหม ก็ได้บอกไปว่าเรื่องเงินของหลวงปู่นั้นไม่มีใครทราบว่า มีเท่าไหร่ มีเพียงผู้จัดการธนาคารเท่านั้นที่ทราบ และยอดเงินเองก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องให้หลวงปู่เป็นคนเปิดเผยเอง เงินนี้ฝากมาหลายปีแล้วไม่เคยถอน และที่ได้ตอบไป เพราะถามว่าหลวงปู่มีเงิน 80 ล้านใช่ไหม โดยหลักที่ตนนับถือหลวงปู่ก็บอกแค่ว่าน่า จะมากกว่านั้น แต่ผมไม่ได้บอกว่ามีเงิน 180 ล้าน และก็ขอยืนยันว่าไม่ทราบว่าเงินหลวงปู่มีเท่าไหร่ แต่ด้วยความเป็นคนไทย มีใครถามว่ามากเท่าไหร่ก็อยากให้มีมากกว่านั้น และขอยืนยันว่าข่าวที่นำเสนอออกไปนั้นไม่เคยพูดหรือให้ข่าวเลยว่าหลวงปู่มีเงิน 180 ล้านบาท ซึ่งก็ได้พูดคุยกับทางลูกศิษย์วัดและทนายแล้วว่าความจริงตนไม่ได้พูดอย่างที่เขียนข่าว แต่อย่างใด

ที่รัฐสภา นายสายันต์ สายเจียง เลขาธิการองค์กรประสานงานกลางพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และคณะ ยื่นหนังสือถึง นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ส.ส.ชัยภูมิ พรรค เพื่อไทย ในฐานะรองประธานกมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา บุกรุกวัดป่าดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร อันเป็นพฤติการณ์ที่ทำร้ายจิตใจ ชาวพุทธ และเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย

นางพรเพ็ญกล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอขอบคุณองค์กรประสานงานกลางพระพุทธ ศาสนาฯ ที่มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งกมธ.มีความรักและความห่วงใยต่อทุกศาสนา และไม่นำเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ภายในกมธ. ตลอดจนมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำนุบำรุงและปกป้องทุกศาสนาอย่าง เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ จากเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ส่วนตัวมีความเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ เกี่ยวเนื่องกับพระสงฆ์ เราไม่ใช่ตุลาการในการ ตัดสินชี้ผิดหรือถูก หากพบพระสงฆ์กระทำความผิดทางวินัยก็ควรร้องเรียนไปทางฝ่ายสงฆ์ ให้ดำเนินการตามขั้นตอน หรือหากเป็นความผิด ทางกฎหมายก็ต้องแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ซึ่งกมธ.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการชี้ความผิด ดังกล่าวว่าถูกหรือผิด โดยตนจะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา เพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน