อ้าง‘สันติ’ว่าจ้าง5แสน ล่าไอ้มาดเผ่นชายแดน

จับแล้วไอ้วัฒน์ ร่วมทีมฆ่าสามี-ภรรยา และลูก 4 ศพหมกบีเอ็มฯ ที่ไต้หวัน เผย ตร. ติดตามจับกุมได้ที่ จ.กาฬสินธุ์ รับสารภาพเป็นคนฆ่าเอง อ้างสันติ หัวโจก วางแผนทั้งหมด ปมขัดแย้งทางธุรกิจ ก่อนว่าจ้างตนและเพื่อนมาร่วมทีมฆ่า พร้อมให้ค่าจ้าง 5 แสน แต่สุดท้ายได้เพียง 2 หมื่นบาท ตร.กองปราบฯเร่งล่า ‘ไอ้มาด’อีกคนที่ร่วมทีม สั่งสกัดชายแดนหวั่นหนีออกนอกประเทศ พร้อมจัดชุดไปทำคดีที่ไต้หวันด้วย

จากกรณีเหตุฆาตกรรมสยอง 4 ศพที่ไต้หวัน โดยตำรวจไต้หวันระบุพบศพนายประเสริฐ โนราษ อายุ 31 ปี และน.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อายุ 35 ปี สามีภรรยา และลูกแฝดในครรภ์อีก 2 ศพ ถูกฆ่าหมกรถบีเอ็มฯ ก่อนภาพวงจรปิดจับภาพคนร้าย ซึ่งพบว่าคนร้ายคือนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ซึ่งหลบหนีกลับมายังประเทศไทย และติดต่อขอมอบตัว ขณะที่ตร.เชื่อมีเพื่อนร่วมลงมือก่อเหตุด้วย ตามที่เสนอข่าวไปตามลำดับ

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ควบคุมตัวนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมา สอบสวน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรมสามี ภรรยา ที่กำลังตั้งครรภ์ที่ไต้หวัน ก่อนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย โดยร่วมฆ่าสาวไทยในไต้หวัน สารภาพร่วมก่อเหตุกับนายสันติ ปมเหตุขัดแย้งธุรกิจในไต้หวัน ตำรวจเร่งติดตามตัวนายสามารถ แซ่หลี ที่ยังหลบหนีอีกคน สัปดาห์หน้าส่งทีมกองปราบฯ ร่วมสืบสวนที่ไต้หวัน

ล็อกอีก 1 – กองปราบฯ ตาม จับนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง 1 ใน 3 ผู้ต้องหาคดีฆ่า 4 ศพที่ไต้หวัน ได้ที่หมู่บ้านใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ สารภาพเป็นคนใช้ท่อนเหล็กตีเหยื่อจนตาย ตร.เร่งล่า อีกคน เมื่อ 19 มิ.ย.

พล.ต.ท.จิรภพเปิดเผยว่า การจับผู้ต้องหาครั้งนี้ หลังจากที่ตำรวจจับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ได้ที่หมู่บ้านอรุโณทัย อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา และจากการสอบสวนนายสันติให้การว่าร่วมก่อเหตุกับเพื่อนอีก 2 คน หนึ่งในนั้นคือนายธนวัฒน์ โดยสามารถจับได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์

เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ร่วมก่อเหตุกับนายสันติ โดยใช้ท่อนเหล็กตีผู้เสียชีวิต จากนั้นนำศพขึ้นรถเก๋งไปทิ้ง และหลบหนีเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายสันติเป็นคนซื้อตั๋วเครื่องบินให้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข่าวใหญ่ในไต้หวัน โดยนายสันติเป็นคนที่วางแผนก่อเหตุทั้งหมด โดยให้ผู้เสียชีวิตทั้งสองมาหาที่บ้านพักคนงาน ซึ่งนายสันติเป็นพ่อบ้านและว่าจ้างให้ทั้งสองคนมาก่อเหตุ และสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างคนละ 5 แสนบาท แต่ได้ให้เงินไปเพียง 2 หมื่นบาท

ขณะที่คำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่าปมขัดแย้งมาจากที่นายสันติขัดแย้งจากปัญหาธุรกิจที่ทำด้วยกัน ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด และตั้งมูลเหตุการก่อเหตุ ครั้งนี้ไว้ 2-3 ประเด็น ซึ่งก็เป็นไปได้หมด ส่วนจะเป็นความขัดแย้งเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น ตำรวจมีข้อมูลในการสืบสวนของทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ต้องหา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

พล.ต.ท.จิรภพเปิดเผยอีกว่า สำหรับ ผู้ต้องหาอีกคนคือนายสามารถ ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามตัว และใกล้จับตัวได้แล้ว กำลังตรวจสอบว่าหลบหนีอยู่ในประเทศหรือออกนอกประเทศไปแล้ว รวมทั้งกำลังตรวจสอบว่ามีผู้ใดช่วยเหลือหรือไม่ นอกจากนี้พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ตำรวจกองปราบปราม 6 นายไปร่วมสืบสวนกับตำรวจไต้หวัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงมูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุเป็นคนไทย 3 คน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในไทยทำได้เพียงคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนคดีอำพรางศพ เป็นคดีในไต้หวัน ส่วนคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร การดำเนินคดีจะต้องรายงานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย ซึ่งหากมีการจับผู้ต้องหาครบแล้วก็จะรายงานตามขั้นตอน และดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่นายยิ่งยศ แซ่หลี่ พี่ชายของ ผู้เสียชีวิต กล่าวขอบคุณตำรวจกองปราบปราม และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ และยืนยันว่าน้องสาวไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด ส่วนตัวไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เนื่องจากน้องสาวเป็นคนขยันทำงาน ขายอาหารเก็บเงินเก่ง และมีรายรับจำนวนมาก ส่วนการดำเนินคดีก็ขอให้ดำเนินคดีในไทยตามกระบวนการของกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน