รับ‘พงศกร’คืนรัง‘ตู่’ปรับลุกส์ ใหม่เปิดคลิปโชว์งาน

‘บิ๊กตู่’ ปรับโฉมสื่อสาร กับประชาชน โพสต์คลิปผ่าน เฟซบุ๊ก ชูกลยุทธ์ 3 แกนหลัก สร้างประเทศมั่งคั่ง รองประธานวิปรัฐบาล ฟันธง สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 หยุดแลนด์สไลด์เพื่อไทยไม่ได้ แถมยิ่งทำให้ยุทธวิธีแตกแบงก์ มีความชอบธรรมมากขึ้น ‘ชลน่าน’ แย้ม 3 แนวทางสู้สูตรหาร 500 มั่นใจได้คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ มากกว่า 15 ล้าน ‘ชินวรณ์’ ระบุ ปชป.ขอเวลาให้รัฐมนตรีแก้ต่างศึกซักฟอก อย่างน้อย 2 ช.ม. กองทัพบกแจงดราม่าฉายหนังกลางแปลง ยันกองทัพทำมานานแล้ว

‘บิ๊กตู่’ปรับโฉมสื่อสารกับปชช.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์คลิปวิดีโอ แถลงการณ์ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นเวลา 17 นาที เพื่อนำเสนอกลยุทธ์ 3 แกนหลักเพื่อสร้างอนาคต ซึ่งเป็นการปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ในการสื่อสารถึงประชาชน โดยครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและสูทโดยไม่ผูกเนกไท คล้ายกับเมื่อช่วงแรกในการเสนอตัวเข้า มาเป็นนายกฯ เปรียบเหมือนการหาเสียง ล่วงหน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอเล่าเรื่องสำคัญ คือ กลยุทธ์ภาพใหญ่ของตน ที่จะมาแก้ปัญหาปากท้อง และความยากจน ให้หมดไปเสียที ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะสั้นๆ ได้ดำเนินนโยบายระยะสั้น แก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า หรือมีโครงการลดแลกแจกแถมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า บางโครงการเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแบบนั้น ไม่ใช่วิธีที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน และแน่นอนว่าวิธีการเหล่านั้น ไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้

ตนจึงตั้งใจเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น ที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ ให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อช่วยทุกคน ให้สามารถสร้างรายได้ ได้มากขึ้นอย่างยั่งยืน ขอให้ทุกท่านเดินหน้าไปกับตน ในช่วงเวลาที่ภารกิจระยะยาวเพื่อทุกคน ที่ตนได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งตนกำลังขับเคลื่อนกลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี 3 แกนหลัก ที่จะมายกระดับความรุ่งเรืองของประเทศ เป็น 3 แกนหลักที่กำลังจะเสร็จ และกำลังจะพร้อมที่จะช่วยเราทุกคนได้ในอนาคตอันใกล้

ดีเด่น – พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณผลงานดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำ ความผิดอาชญากรรม ปี 2565 ให้แก่พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.ค.

ชู3แกนหลักยกระดับปท.มั่งคั่ง
สำหรับแกนที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ที่ใหญ่ที่สุด และบูรณาการมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โครงการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความรุ่งเรืองมั่งคั่งของทุกคน โครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

แกนที่ 2 กลยุทธ์การสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับคนไทย คือแกนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ ตนได้ขับเคลื่อน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก วันนี้เราเดินมาได้ไกลแล้ว จนผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกหลายราย แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเดินหน้าตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับผู้ผลิตยานยนต์ต่างๆ เหล่านั้น

อีกส่วนหนึ่งของภารกิจในแกนหลักที่ 2 ของตน คือ เราจะต้องทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีราคาที่ถูกลง สำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งตนจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม และความคืบหน้าเกี่ยวกับกลยุทธ์นี้ ประมาณเดือนส.ค.นี้

แกนที่ 3 กลยุทธ์ภาพในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับประเทศ เพื่อที่จะช่วยทุกคนให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้อย่างยั่งยืน คือ เรื่องเกี่ยวกับภาคการธนาคารของเรา และวิธีการทำงานของธนาคาร ตอนนี้ประเทศไทยมีประชาชนมากกว่า 30 ล้านคนที่ไม่สามารถกู้เงินได้ และบางคนอาจจะไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ ถ้าเราสามารถหาหนทาง ที่จะทำให้ประชาชน 30 ล้านคนเหล่านั้น เข้าถึงระบบธนาคาร สามารถขอเงินกู้ และใช้บริการต่างๆ จากธนาคารได้ เราจะสามารถกระตุ้นความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประเทศเราได้ด้วย

ไม่เกิน2ปีผลิดอกออกผล
นี่คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่และอนาคต ภารกิจของตนคือ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ตอนนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกือบที่จะเสร็จแล้ว เราเดินมาได้ไกลแล้ว ตามกลยุทธ์ และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้แล้ว

ขอบคุณทุกท่าน ที่ใจเย็นกับตน ให้ตนได้เอาแผนโครงการที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันมาสู่การปฏิบัติจริง ตนไม่ใช่คนที่แสดงออกหรือนำเสนออะไรได้เก่งนัก แต่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้นจริงได้ บางครั้งอาจจะพูดอะไรที่ฟังดูตลก แต่ขอให้ทุกท่านรู้ว่า ตนบริสุทธิ์ใจ และหัวใจของตนอยู่กับประชาชนทุกคน และอยู่กับประเทศไทย

วันนี้ขอเชิญชวนทุกคน ให้มาร่วมมือกันด้วยสปิริตอีกครั้ง ร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ช่วยกันต่อสู้กับโรคระบาดความยากจน และช่วยกันสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรง ประชาชนทุกคนทุ่มเทความรู้ ความมุ่งมั่น การทำงานหนัก พลังสร้างสรรค์ จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นคนไทย “ส่วนผมจะขับเคลื่อนรัฐบาล ให้ทำโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดให้สำเร็จ ช่วยทำภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้แข็งแรง และช่วยภาคการธนาคารให้ทำงานอย่างสอดคล้องและตอบโจทย์ยุคสมัยใหม่ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ ผมเชื่อว่าเราทำได้ และเราจะได้เห็นการผลิดอกออกผล ในเวลาไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า ลงมือครับ เชื่อมไทยเดินหน้า” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

อ้างเจ็บคอ-งดจ้อการเมือง
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ได้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยให้เหตุผลว่าเจ็บคอ

เวลา 14.00 น. ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มายังตึกสันติไมตรี เพื่อเป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผลงานดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ปี 2565 ผู้สื่อข่าวถามว่า “มีอาการป่วยเจ็บคอจริงหรือไม่ หรือแค่หยอกล้อเล่นกับสื่อ” ได้รับคำตอบว่า “ไม่อยากพูดเยอะ”

ระบุสูตรหาร500ทำงานง่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ จ.กำแพงเพชร ที่มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในจ.กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ และพิษณุโลก มารอต้อนรับ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับส.ส.ถึงการถูกวิจารณ์เรื่องการทำงานว่า “มีคนว่าปัญหาอยู่ที่นายกฯ คนเดียว ทั้งที่ความจริงคนอื่นที่เป็นนายกฯ ปีสองปีแล้วไป พอเจอปัญหาก็ออกไปพอดี ให้คนใหม่มาแก้ตลอด ทำให้ภาพที่ได้เห็นคือภาพสั้นๆ เลยออกมาดูดี แต่นายกฯ อยู่มานาน ทำมา 7 ปี ระหว่างทางมีปัญหาตลอด และโดนด่าเป็นธรรมดา แต่ต้องค่อยๆ แก้ทีละเปลาะ พยายามแก้ไขปัญหาในทุกมิติ พร้อมพูดกับ ส.ส.ว่า “อยู่ช่วยกันต่อนะ ผมก็จะค่อยๆ ทำไป”

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องที่รัฐสภาลงมติเห็นด้วยกับมาตรา 23 ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เกี่ยวกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) หารด้วย 500 ว่า “เอาหารด้วย 500 ดีกว่า ทำงานง่าย”

‘ชินวรณ์’รอฟังความเห็นกกต.
ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนลงมติเห็นด้วยกับสูตรคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ว่า เป็นประเด็นความคิดเห็นทางการเมือง รัฐสภามีมติอย่างไรแล้วเราต้องปฏิบัติตามเสียงข้างมาก แต่ต้องเคารพเสียงข้างน้อย

จริงๆ แล้วพวกตนที่ยืนยันในหลักการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะแก้ไขไปทางไหนจะต้องดำเนินการตามมาตรา 132 ที่ต้องส่งเรื่องไปให้องค์กรอิสระ คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ต้องติดตามว่า กกต.จะแสดงความคิดเห็นอย่างไร จะเห็นชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือจะขอให้แก้ไข

จากนั้นจะต้องส่งเรื่องกลับมาที่รัฐสภา เพื่อมีมติให้เป็นไปตามการแก้ไขของ กกต.หรือมีมติไม่แก้ไข จากนั้นส่งนายกฯ ซึ่งต้องเก็บร่างไว้ 5 วัน ระหว่างนั้นส.ส.หรือส.ว. 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อเพื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่หากไม่มีคนยื่นก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป แต่ถ้ามีคนยื่นเรื่อง ต้องเป็นไปตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรอคำวินิจฉัยก่อน

ชี้แลนด์สไลด์พท.พุ่ง-ฟื้นแตกแบงก์
นายชินวรณ์กล่าวว่า ที่เป็นห่วงคือการตัดสินใจทางการเมืองทางใดทางหนึ่งย่อมมีผลผูกพัน เมื่อคิดแบบสัดส่วนผสมหาร 500 ทำให้เกิดปัญหาได้ ทั้งทางสารบัญญัติรัฐธรรมนูญ เมื่อเข้าไปถึงขั้นตอนการตีความจะเป็นอย่างไร ถ้าไปวางหลักให้ใช้หาร 500 ด้วยกระบวนการบางส่วนของสัดส่วนผสมมารวมกัน จะทำให้เกิดกระบวนการแตกแบงก์พัน แต่วันนี้ถ้าเกิดกรณีแตกแบงก์พันก็มีความชอบธรรม เพราะไปแก้กฎหมายให้เขาแตกแบงก์พัน และเข้าใจว่าคนที่คาดหวังว่าจะทำให้เขาไม่ได้รับคะแนนเสียงแลนด์สไลด์กลับไปทำให้เขามีคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากคะแนนบัญชีรายชื่ออันดับ 1, 2, 3 อาจเป็นพรรคที่สร้างชื่อเสียงของพรรคเองได้สูงลงมาตามลำดับ ใครตัดสินใจอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการหาร 500 ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทย(พท.) นายชินวรณ์กล่าวว่า “นั่นสิ ตนเลยไม่อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เราควรแก้บนหลักการว่าการใช้ระบบบัตรเลือกตั้งสองใบเพราะต้องการให้พรรคเข้มแข็งขึ้น ลดอิทธิพลการซื้อเสียง ตัดประเด็นเรื่องการปัดเศษ และการแตกแบงก์พันออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่บิดเบี้ยวในกระบวนการทางการเมือง

“เมื่อกลับไปสู่จุดนั้น อีกพรรคการเมืองก็มีสิทธิ์แตกแบงก์พันได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องแลนด์สไลด์ที่กลัวกันได้ ผมยืนยันว่ากระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกระบวนการทางการเมืองใดก็แล้วแต่ กระบวนการที่ตรงไปตรงมาและยึดหลักนิติธรรม เป็นกระบวนการที่ดีที่สุด” นายชินวรณ์กล่าว

‘นิกร’จี้กมธ.ฝั่งชนะรับผิดชอบ
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา กล่าวว่า มติหาร 500 มีผลที่เกี่ยวโยงกับมาตราอื่นในร่างพ.ร.ป. ดังนั้น อาจทำให้มีปัญหาได้หากไม่แก้ไขให้สอดคล้องกัน ตนจึงขอให้กมธ.เสียงข้างน้อยที่เป็นผู้ชนะในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรับผิดชอบที่จะดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ตรวจดูรายละเอียดมาตราที่รัฐสภาลงมติผ่านไปแล้วและมาตราที่รอการพิจารณาด้วย

ส่วนกรณีที่มีผู้เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเนื้อหาว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนด แต่ต้องเป็นช่วงที่ร่างพ.ร.ป.ได้รับความเห็นชอบและส่งไปยังนายกฯ แล้ว สำหรับตนพร้อมจะร่วมลงชื่อคำร้องร่วมกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาตรา 23

ส่วนขั้นตอนที่ต้องส่งเรื่องไปให้กกต.พิจารณามาตรา 23 อีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวเชื่อว่ากกต.จะยืนยันเนื้อหาที่ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือยืนตามเนื้อหาของกมธ.เสียงข้างมาก เนื่องจากเนื้อหาดังกล่าวกกต.เป็นผู้ยกร่างเสนอให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น การใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ยจะถูกส่งคืนมายังรัฐสภาให้พิจารณา จากนั้นรัฐสภาต้องประชุมเพื่อแก้ไขหรือจะยืนยัน

‘ชัยวุฒิ’เมินพท.พลิกเกม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุอาจตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย เพื่อส่งส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเดียว สู้สูตร 500 หารว่า ยังคิดไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างไร เพราะกฎหมายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ รอให้มีผลบังคับใช้ค่อยมาวิเคราะห์ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่พลิกเกมได้คนเดียว คนอื่นก็พลิกเกมได้เหมือนกัน ไม่ได้ยากอะไร และกว่าจะถึงวันนั้นคงจะมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่เสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือกผ่านส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีนโยบายและอุดมการณ์ต่างๆ มาแข่งขันกัน คงไม่ได้มีครอบครัวเพื่อไทยพรรคเดียว ต้องมี พรรคของประชาชนคนอื่นเข้ามาอีกแน่นอน เรื่องนี้ถือเป็นปกติ ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะแก้เกมด้วยการแตกแบงก์พันด้วยหรือไม่ นาย ชัยวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่โดยธรรมชาติมีหลายพรรคอยู่แล้ว เชื่อว่ามีคนลงสมัครเยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่พรรคครอบครัว ส่วนใครจะเป็นพรรคครอบครัวก็ปล่อยเขา

เมื่อถามว่าสูตรหาร 500 พรรคพลังประชารัฐ กลั่นกรองมาแล้วใช่หรือไม่ว่า พรรคจะไม่เสียเปรียบ นายชัยวุฒิกล่าวว่า อย่าไปคิดเลยว่าการออกกฎหมายมาแล้วใครจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เพราะกฎหมายที่ออกมาเป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่มาเลือกส.ส. พรรคไหนมีคะแนนนิยมของประชาชน 20 เปอร์เซ็นต์ ควรจะมีส.ส.ในสภา 20 เปอร์เซ็นต์ นี่คือหลักการของกฎหมาย ที่หาร 500 ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความคิดของนพ.ชลน่าน แสดงเจตนาเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 28 เพราะการแตกแบงก์พัน ไม่เป็นไปตามครรลองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำที่มีโทษถึงขั้นถูกยุบพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย ตามมาตรา 92 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560

พท.วาง3แนวทางสู้-ยึด15ล้านเสียง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยสู้สูตรหาร 500 ว่า เป็นเพียงแนวคิดที่เพื่อนสมาชิกพูดขึ้นมา ตนพูดในหลักการว่าหากหาร 500 เป็นจริง ต้องหากลไกวิธีการที่จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความไว้วางจากประชาชนมากที่สุด แต่เป็นเรื่องรอง ฝ่ายบริหารยังไม่ได้คิด เราคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จงใจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จงใจทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะสู้ให้ถึงที่สุดก่อน

เรื่องนี้เราจะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยจะทำคำร้องให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ยังสามารถร้องผ่านช่องทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานทางจริยธรรม รวมทั้งร้องผ่าน กกต. กรณีใช้ความเป็นคนนอกครอบงำชี้นำพรรคการเมืองโดยที่ กก.บห.หรือพรรคการเมืองยินยอมให้กระทำ เราต้องสู้ หากกระบวนการต่อสู้สัมฤทธิผลจะกลับมาหาร 100 ซึ่งจะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายหลังการอภิรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสร็จสิ้น เพราะข้อกล่าวหาที่จะยื่นร้องต่อศาลเป็นข้อกล่าวหาเดียวกับที่จะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ

“การตั้งพรรคใหม่เป็นเพียงวิธีคิด ยังมีอีกหลายวิธี เราอาจจะสู้ให้ได้เขตมากที่สุด จะลงทุนตั้งพรรคใหม่ทำไม อย่างมากสุดก็ได้ 40 คน หรือสู้ในนามพรรคเพื่อไทยเอาให้ได้ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ ตั้งเป้าให้ได้คะแนนบัญชีรายชื่อ 15 ล้านเสียงขึ้นไป ซึ่งมีโอกาสอยู่แล้ว ส่วนการตั้งพรรคใหม่ยังตอบไม่ได้ต้องประเมินจากพี่น้องประชาชนว่าทางไหนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” นพ.ชลน่านกล่าว

‘เสรี’มองสูตร500-เกินไปไกล
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานกคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า การที่รัฐสภาลงมติเปลี่ยนแปลงสูตรการ คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อในวาระสอง ในรายละเอียดพบว่าได้กำหนดเนื้อหาที่ย้อนกลับไปใช้กระบวนการให้มี ส.ส.พึงมี ก่อนที่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 จะแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การแก้ไขเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดให้ใช้การคำนวณเพื่อให้ได้ส.ส. พึงมี ซึ่งหมายถึงว่าแต่ละพรรคจะได้ส.ส.เท่าไร โดยรวมทั้งส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อด้วย

“เดิมการนับคะแนนมีแนวคิดที่สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ 1 พ.ศ.2564 ที่ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ที่แยกกัน แต่เมื่อสภาให้แก้ไขทำให้มีประเด็นส.ส.พึงมีเข้ามา เพราะใช้ 500 คนหาร เป็นการเกิดหลักการสำคัญว่าด้วย ส.ส.ทั้งหมดของแต่ละพรรคที่จะได้จำนวนเท่าไร เป็นเรื่องที่เกินไปไกล และมีได้มีเสีย ผมเป็นเสียงข้างน้อยที่ยึด หลักกฎหมาย แต่อีกฝั่งยึดเรื่องการเมือง ปรากฏการณ์หลังจากนี้เชื่อว่าต้องส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเพื่อความถูกต้อง เชื่อว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน” นายเสรีกล่าว

กลับบ้าน – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้บริหารพรรคต้อนรับนายพงศกร อรรณนพพร อดีตรมช.ศึกษาฯ นายพัชรกร อรรณนพพร บุตรชาย และนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรฟท. อดีตสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย กลับเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ 8 ก.ค.

‘พงศกร-ประภัสร์’คืนรังเพื่อไทย
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนายพงศกร อรรณนพพร อดีตประธานกก.บห.พื้นที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และนายประภัสร์ จงสงวน อดีต ผอ.เลือกตั้งกรุงเทพฯ พรรคไทยสร้างไทย กลับเข้าเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง โดยนพ.ชลน่าน สวมเสื้อพรรคให้ ทั้งสอง ต้อนรับการเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า บุคลากรทั้งสองเป็นเหมือนเลือดเนื้อเชื้อไขของพรรค เชื่อมั่นว่าประชาชนโดยเฉพาะที่ จ.ขอนแก่น เหมือนยกภูเขาออกจากอก เชื่อว่านายพงศกร จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานของพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ที่ จ.ขอนแก่น เกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าจะหารอะไรหัวใจของพวกเราจะมุ่งมั่นทำให้ประชาชนได้ และเชื่อว่าประชาชนจะช่วยกันทำให้เกิดแลนด์สไลด์ได้ วันนี้เป็นสัญญาณไปถึงผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะคิดสูตรอย่างไร พรรคเพื่อไทยไม่เคยหวั่น เรามีความพร้อม โดยเฉพาะการคิดสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หารด้วย 500 กลับยิ่งทำให้เราฮึกเหิม และยิ่งอยากทำให้เกิดแลนด์สไลด์ให้ได้

ด้านนายพงศกร กล่าวว่า ตนจะตั้งใจทำงานให้พรรคอย่างดีที่สุด ถามว่าทำไมต้องออกจากเพื่อไทยและทำไมกลับมาอีกครั้ง ขอเรียนว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บิดเบี้ยว สืบทอดอำนาจตนจึงออกไปช่วยตั้งพรรค แต่หลังจากหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเดินสายไปอีสาน ตนออกไปพบประชาชน ส่วนใหญ่บอกให้กลับมาช่วยกันทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เราก็ปฏิเสธไม่ได้

‘เจ๊หน่อย’ไม่หวั่นสมาชิกลาออก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายพงศกร และนายประภัสร์ ลาออก กลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยว่า จะไม่กระทบต่อการทำงานของพรรค ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยยืนยัน จะยังเดินหน้าเพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดส่งมอบให้กับลูกหลาน ตามอุดมการณ์ที่สร้างพรรคมา และยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนสมาชิก ไม่มีปัญหาใดๆ พรรคมีความพร้อมในการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะการแถลงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน เพื่อนำไปสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กับพี่น้องคนตัวเล็ก ให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน และต่อไปจะมีการประกาศนโยบายที่สำคัญต่างๆ ตามมา

ด้านนายประวัฒน์ อุตตะโมต รองประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า แม้จะมีเพื่อนสมาชิกลาออกไป แต่ส่วนตัวได้ทำงานร่วมกันมา 26 ปี จึงมีความสนิทสนมกัน เคารพการตัดสินใจของเพื่อน ยังรักใคร่ และความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม โดยได้พูดคุยกันเกือบทุกวัน

พรรคไทยสร้างไทยยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และในช่วงวันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป จะลงพื้นที่อีสาน มีกิจกรรมคาราวานสร้างความสุข คาราวานสร้างไทย ในหลายจังหวัดเริ่มต้นที่ร้อยเอ็ด

วิปรบ.ถกเวลารมต.แจงซักฟอก
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธาน วิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า วันนี้เป็นการประชุมวิปรัฐบาลเนื่องจากสัปดาห์หน้าเป็นวันหยุดยาวก่อนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ และวิปรัฐบาลเห็นว่าควรเชิญทุกพรรคมาร่วมหารือประเด็นเรื่องสาระญัตติของฝ่ายค้านให้ชัดเจนว่าประเด็นไหนเกี่ยวข้องกับกระทรวงใดหรือบุคคลใด ส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยตรง และมีข้อตกลงจากวิปว่าให้อภิปรายตั้งแต่ 19-22 ก.ค. ลงมติ 23 ก.ค. ฝ่ายค้านขอ 45 ชั่วโมง ฉะนั้นเวลายังเหลือ 18 ชั่วโมงเป็นของประธานสภา 3 ชั่วโมง ที่เหลือจะเป็นของครม. 15 ชั่วโมง ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนว่ารัฐมนตรีและนายกฯ จะใช้เวลาตอบอย่างไร

แม้ฝ่ายค้านระบุว่าไม่จำกัดเวลาให้ฝ่ายรัฐบาลชี้แจง แต่จะให้ชี้แจงหลังเวลา 00.30 น. ไปแล้ว ซึ่งโดยหลักการทั่วไปฝ่ายรัฐบาลควรหาเวลาตอบให้เป็นช่วงที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ตนได้รับการบ้านจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าขอเวลาให้รัฐมนตรีของพรรคให้ได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ และวิปรัฐบาลมีความเห็นร่วมกันว่าควรใช้โอกาสนี้ชี้แจงผลงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

ปชป.ขอแก้ต่างอย่างน้อย2ช.ม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า 18 ชั่วโมง ที่ได้มาจะเพียงพอหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่ใช้เวลาเพราะเป็นญัตติของฝ่ายค้าน จึงให้ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายเต็มที่ ยกเว้นฝ่ายค้านพาดพิงทำให้เสียหายก็ย่อมมีสิทธิ์ชี้แจงได้ แต่ที่กังวลคือรัฐมนตรีต้องมีสิทธิ์ลุกชี้แจงช่วงไหนก็ได้ เพราะตามข้อบังคับชัดเจนว่าเมื่อรัฐมนตรียกมือประธานต้องให้รัฐมนตรีชี้แจง

เมื่อถามว่าการบ้านที่พรรคประชาธิปัตย์ให้มาเพื่อขอเวลาในการชี้แจงกี่ชั่วโมง นาย ชินวรณ์กล่าวว่า เมื่อมาวิเคราะห์กันแล้ว เห็นว่าผู้มีประเด็นชี้แจงมากที่สุดคือพล.อ. ประยุทธ์ เพราะเมื่อไปโยงกับรัฐมนตรีอื่น พล.อ.ประยุทธ์มีสิทธิ์ชี้แจงได้อย่างต่อเนื่อง และในส่วนชั่วโมงเป็นประเด็นปากท้อง ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ให้ตนขอเวลาจากวิปรัฐบาลเพื่อชี้แจงได้อย่างเต็มที่ โดยขออย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งคิดว่าต้องเฉลี่ยกับรัฐมนตรีคนอื่น

ไกรทอง – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ควงหอกสวมบทไกรทอง แทงภาพวาดจระเข้ ศิลปะสตรีตอาร์ตบนทางเท้า ระหว่างตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นฟูคลองพระพิมล อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 ก.ค.

‘บิ๊กป้อม’ลุยฟื้นฟูคลองพระพิมล
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่จ.นนทบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการที่วัดไทรใหญ่-วัดไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยสักการะหลวงพ่อทองคำ ถวายเทียนพรรษาและสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินชมอาคารอบรมสงฆ์ ชมการจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) และชมการสาธิตปั้นหม้อดินเผา เป็นต้น พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ และการพัฒนาคลองพระพิมล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์และให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมต่อไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวมอบนโยบายว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการท่องเที่ยว กรมการพัฒนาชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาชน และเอกชน ร่วมมือพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล โดยปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ มีส่วนร่วมดูแลแม่น้ำ ลำคลอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมคลองและใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ

จากนั้นได้กล่าวเปิดโครงการพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล แล้วเยี่ยมชมวิถีชีวิตและการแสดงพื้นบ้าน ชมสตรีต อาร์ต ปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียน จำนวน 2,500 ตัว และพบปะประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนลงเรือชมสภาพคลองพระพิมล ท่ามกลางประชาชนที่มาให้กำลังใจทั้งสองฝั่งคลอง และชมสวนไทรน้อย เพื่อเยี่ยมชมศูนย์จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (สวนไทรน้อย) พร้อมเปิด “ตลาดน้ำวัดไทรน้อย” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนคนริมคลองต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน