ยกหูคุยบิ๊กป้อม-เข้าใจดี พท.เปิดทางร่วมซักฟอก ก้าวไกลเตือน‘บิ๊กตู่-หนู’อย่าฝันหวานว่าจะรอด ปธ.วิปรัฐห่วงเสียงโหวต

‘ธรรมนัส’ ยืนยันชัดๆ เลือกข้างฝ่ายค้าน 100 % โทร.คุย ‘บิ๊กป้อม’ แล้ว เข้าใจดี แจงเหตุถอนตัวตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนไม่เอารัฐบาล แบะท่าพร้อมร่วมงานเพื่อไทย ด้านเพื่อไทยเปิดทางพรรคเศรษฐกิจไทยร่วมซักฟอก จี้ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ เลิกหาม ‘บิ๊กตู่’ ก้าวไกลเตือน‘ประยุทธ์-อนุทิน’ อย่าฝันหวานว่า ‘จุรินทร์’ จะโดนถล่มหนักคนเดียว ‘พิเชษฐ’ เผย ‘ธรรมนัส-กลุ่ม16’ นัดหารือ 18 ก.ค. หรือ 19 ก.ค. ยันลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปทางเดียวกัน ส่วน ‘ประวิตร’ หารือพรรคเล็ก 17 ก.ค.คาดเช็กเสียงลงมติ ประธาน วิปรัฐบาลยอมรับกังวลเสียงในสภา

‘ธรรมนัส’เปิดใจเลือกข้างฝ่ายค้าน
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่อง 9 อสมท ถึงการประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล พร้อมประกาศเป็นฝ่ายค้านหลังพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อมส.ส.ลำปาง เขต 4 ว่า รู้ดีว่าการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เกิดอะไรขึ้น และไม่คาดคิดว่าผลจะออกมาอย่างนี้ ทำให้ตนและคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต้องมาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น

ย้อนไปดูปัจจัยเมื่อปี 2562 ข้อมูลว่าฐานคะแนนของเราอยู่ที่ 30,368 คะแนน แต่โดยภาพรวมคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใน จ.ลำปาง จะได้กว่า 140,000 คะแนน ทำให้รู้ว่าฐานมีเท่านี้ขายไม่ได้ และเมื่อการเลือกตั้งซ่อมปี 2563 มีปัจจัยหลายอย่าง ผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะจัดสรรที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากผลงานของรัฐบาล จึงประมาณได้ 61,914 คะแนน พรรคเสรีรวมไทย (สร.) ได้ 38,336 คะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนสะวิงกลับ คงไปโทษรัฐบาลไม่ได้

“เราลงพื้นที่ทราบว่าประชาชนบ่นว่าไม่ค่อยสบายใจเรื่องความไม่ชัดเจนของพรรคเศรษฐกิจไทย สรุปแล้วอยู่ฝ่ายใดกันแน่ ส่วนพรรคเสรีรวมไทย หาเสียงประเด็นเดียว คือจุดยืนที่ไม่แน่นอนของพรรคเศรษฐกิจไทย ทำให้เราพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจอยู่คือฐานคะแนนเสียงของเรายังเท่าเดิม การต่อสู้ตรงนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิป ไตย กับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งประชาชนภาคเหนือตอนบน อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน แม่ฮ่องสอน และลำปาง ไม่เอารัฐบาล” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

เผยเคลียร์‘บิ๊กป้อม’เข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศร่วมทำงานกับฝ่ายค้าน หมายถึงการทำงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า การที่ให้นายไผ่ ลิกค์ ส.ส. กำแพงเพชร นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลาออกจากคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เพราะที่ผ่านมาเป็นวิปมาตลอดตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อออกมาแล้วควรให้ชัดเจนตามมารยาททาง การเมือง และวันนี้ผู้นำฝ่ายค้านยังไม่ได้คุย กับเรา จึงยังไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน แต่อยู่ใน ขั้นตอนต่อไปที่ต้องคุยกันต่อ

“ผมได้คุยทางโทรศัพท์ และเรียนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า ขออนุญาตประกาศจุดยืนของพรรคอย่างชัดเจน ผมเล่าให้ฟังว่าผลการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เกิดอะไรขึ้น เราเหมือนพรรคอยู่ตรงกลางของเขาควายสองข้าง มันไม่ชัดเจน ฝ่ายรัฐบาลเขา ไม่ได้สนับสนุนเรา และเราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากฝ่ายรัฐบาล อีกทั้งยังถูกกระทำหลายเรื่อง ผมไม่อยากพูดตรงนี้ อีกข้างของเขาควายก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ดังนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งตรงกลางของเขาควาย จึงต้องเลือกข้างให้ชัดเจน ซึ่งพล.อ.ประวิตร มีความเข้าใจและถามว่าทำไมออกมาเป็นฝ่ายค้าน 100%” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร รั้งให้อยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ตัดพ้ออะไร ตนเรียนข้อเท็จจริงด้วยเหตุผล แต่เมื่อเรามีเหตุผลท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ เคารพการตัดสินใจของตน หลังจากที่ตนกลับเข้ากทม.ในวันที่ 15 ก.ค.นี้แล้ว จะประสานเพื่อเข้าพบ พล.อ.ประวิตรอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ตัวเล็กคิดใหญ่ – คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย จัด ‘มหกรรมคืนความสุข’ ครั้งที่ 1 ภายใต้แนวคิด ‘คนตัวเล็ก…คิดใหญ่’ ดึงหมอลำร่วมโชว์ ซอฟต์เพาเวอร์ของดีอีสาน ที่ทุ่งกุลามาเดอร์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ค.

แบะท่าร่วมงานเพื่อไทย
ต่อข้อถามว่า การโหวตการอภิปราย ไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 10 คน พล.อ.ประวิตรขอให้โหวตใครบ้าง ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้ขอ แม้แต่ตัว พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขอ ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเศรษฐกิจไทยคงไม่แตะพล.อ. ประวิตร แต่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีการขอไว้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงการโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พูดถึงเหตุผลการออกมาเป็น ฝ่ายค้าน

ส่วนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-22 ก.ค. ลงมติวันที่ 23 ก.ค. จะทำงานร่วมกับฝ่ายค้านเลยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราประกาศว่าเราทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายนิติบัญญัติ คงทำงานในทิศทางเดียวกันกับฝ่ายค้าน เมื่อถามว่า ร.อ. ธรรมนัสและพรรคเศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปได้หมด

‘นิโรธ’ยอมรับกังวลเสียงในสภา
นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า หลังตัวแทนพรรคเศรษฐกิจไทย ลาออกจากวิปรัฐบาล ยังมีกรรมการวิปอีกจำนวนมาก ทำให้ไม่มีผล กระทบอะไรต่อการทำงาน ซึ่งนายไผ่ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่า ลาออก ให้เหตุผลว่าเพื่อความสบายใจในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่เรื่องอื่นไม่ได้มีอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าถือเป็นการเล่นเกมการเมืองหรือไม่ นายนิโรธกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ พรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ได้มีการต่อรองอะไร และจากที่ฟังข่าวเขาอาจจะคิดว่าจากผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ลำปาง เขต 4 พวกเขาพ่ายแพ้ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่แพ้ เพราะ จ.ลำปางเป็นพื้นที่ไข่แดงของพรรคเพื่อไทย มีบ้านใหญ่ถึง 2 บ้าน การที่พรรคเศรษฐกิจไทย ได้คะแนนเสียงถึง 3 หมื่น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนมองว่าเก่งแล้วที่ทำคะแนนได้ถึงขนาดนี้

ต่อข้อถามว่ากังวลว่าจะคุมเสียงในสภาได้หรือไม่หลังจากพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ได้อยู่กับรัฐบาล นายนิโรธกล่าวว่า ผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ต้องมาประชุม อีกทั้งนายไผ่ บอกกับตนว่าไม่มีอะไร และหากมีเรื่องจำเป็นหรือสำคัญอะไรสามารถโทรศัพท์มาประสานได้ เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าพรรคเศรษฐกิจไทย จะไม่ยกมือโหวตให้รัฐบาล นายนิโรธกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงเลยเสียทีเดียว เพราะเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยมีถึง 10 กว่าเสียง ก็กังวล เสียงรัฐบาลอาจจะมีปริ่มหน่อย แต่ยังเกินกึ่งหนึ่ง

เมินกลยุทธ์อภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านระบุ จะปรับกลยุทธ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจัดลำดับให้พล.อ.ประยุทธ์ ถูกอภิปรายเป็นคนสุดท้าย ถือเป็นกลยุทธ์หรือหมัดเด็ดอะไรหรือไม่ นายนิโรธกล่าวว่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะตอนที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนอื่น นายกฯ จะถูกโยงไปหาอยู่แล้วทุกวัน ส่วนทีมปราบมารกับกลยุทธ์ต่างๆ ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ การเตรียมตัวรับมือซักฟอกนั้น เปรียบเหมือนถ้าเราอ่านหนังสือทั้งปีก็ไม่ต้องทำการบ้านหรือดูหนังสือสอบ อีกทั้งเวลาสอบก็ชิวๆ ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลอ่านหนังสือทั้งปี ขยันเรียนทำงาน จึงไม่ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ

“ตอนที่คุยกันในวิป 3 ฝ่ายคือคณะรัฐมนตรี รัฐบาล และฝ่ายค้าน ทางฝ่ายค้านก็นำเสนอว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายๆ ไป โดยจะแจ้งให้ประธานทราบก่อนการอภิปราย เพื่อให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้มาฟังและตอบ ถือเป็นการจัดระเบียบการอภิปรายเพื่อ ไม่ให้วกไปวนมา” นายนิโรธกล่าว

พักฟื้น – น.ส.พินทองทา ชินวัตร โพสต์ภาพพาลูกไปดูแลนายทักษิณ ชินวัตร บิดาที่ผ่าตัดถุงน้ำดีและไส้เลื่อน อยู่ระหว่างพักฟื้นที่โรงพยาบาล ในประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.

พท.เปิดทางศท.ร่วมซักฟอก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อร.อ.ธรรมนัส ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล แน่นอนว่าก็มาเป็นฝ่ายตรวจสอบ จะไม่เรียกฝ่ายค้านไม่ได้ ทิศทางการทำงานคงชัดเจนว่ารัฐมนตรีที่เขารอดูข้อมูลและจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงจะเห็นพ้องกับฝ่ายค้านและจะลงมติไปในแนวทางเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะถึงขั้นมีเสียงล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า คงต้องไปดูเสียงจริง เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่า ฝ่ายค้านที่เป็นงูเห่าถูกดึงตัว ซื้อตัวไปเยอะมาก อันนี้เป็นตัวแปรที่มีผลพอสมควร ขึ้นอยู่กับว่าจังหวะนั้นความสำนึกรับผิดชอบของผู้ที่จะลงมติ มีต่อบ้านเมืองมากน้อยขนาดไหน ข้อมูลชัดแจ้งแต่เอาเสียงข้างมากลากไปก็ค่อนข้างลำบากใจในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร จึงขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนตัดสิน

ส่วนกรณีการจัดลำดับรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านมอบให้นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านกับคณะทำงานดูรายละเอียด จัดลำดับว่าจะอภิปรายใครมากน้อยขนาดไหน ยังไม่เป็นข้อตกลงที่ชัดเจน เพียงแต่พูดคุยแนวทางว่าแนวทางไหนเหมาะสมที่สุด จะอภิปรายรัฐมนตรีหลักๆ แต่พูดถึงคนอื่นได้ด้วย ส่วนจะเอานายกฯ ไว้ลำดับไหน เป็นเพียงแนวคิด ยังไม่มีข้อสรุป

เชื่อเห็บเหาโดดหนีเพิ่มขึ้น
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าปรากฏการณ์พรรคเศรษฐกิจไทยที่ถอนตัวเช่นนี้ หลายพรรคคงพิจารณาว่าจะเดินตามแนวทางนี้ด้วยหรือไม่ใน 2 ปัจจัย คือทุกคนรู้ถึงผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาถึงการปฏิเสธรัฐบาลมีมากขึ้นเรื่อยๆ ใครยังอยู่ต่อก็จะโดนร้องยี้ไปด้วย ตามสำนวนไทยที่บอกว่าทองคำถ้าอยู่ใกล้ตะกั่วก็จะหมอง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ความนิยมของรัฐบาลยิ่งจะตกต่ำลงไปอีก เมื่อใกล้การเลือกตั้ง โอกาสที่เห็บเหาจะโดดหนีจากหมาป่วยเกิดขึ้นได้สูง ดังนั้นวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดว่าจะเลือกจังหวะที่จะลงอย่างไรตอนไหนให้ตัวเองเสียหายน้อยที่สุด

เมื่อถามว่าพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ได้ลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะสามารถร่วมอภิปรายได้หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ปรึกษาทางสภาแล้ว ข้อบังคับการประชุมสภาไม่มีอะไรปิดกั้น สามารถอภิปรายได้ ส่วนจะให้อภิปรายหรือไม่นั้น ตอนนี้เราเตรียมการอภิปรายจนลงตัวหมดแล้ว แต่หากพรรคเศรษฐกิจไทยประสงค์เราจะพิจารณากันดู แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามา

หวังศท.โหวตซักฟอกคว่ำรบ.
ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า แม้พรรคเศรษฐกิจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล คงไม่ไปถึงขั้นทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลได้ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หวังว่าเขาจะมาร่วมลงมติกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่หากจะให้รัฐบาลล้มก็ต้องหวังมือจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ หรือ ส.ส.พรรคเล็กบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลให้มาร่วมกับฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่าการถอนตัวจากรัฐบาลของพรรคเศรษฐกิจไทยสะท้อนให้เห็นอะไร นายสมคิดกล่าวว่า สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเริ่มอ่อนแอทุกวัน หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีเหตุผลที่ดี หวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคอาจยกมือร่วมกับฝ่ายค้านก็ได้ เนื่องจากรัฐบาลอยู่เกิน 3 ปีแล้ว รู้เห็นตลอดว่าอะไรถูกไม่ถูก ทุกพรรคต้องระมัดระวังเรื่องชื่อเสียงตัวเอง เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง อีกทั้งการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง สะท้อนให้เห็นแล้วว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอย่างไร เป็นตัวเลขที่นักการเมืองทุกพรรคต้องสนใจว่าคะแนนแพ้ชนะเด็ดขาดแบบนี้มาได้อย่างไร อีกทั้งยังสะท้อนไปถึงสูตร คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ที่ประชาชนไม่เห็นด้วย จึงสะท้อนให้รัฐบาลได้เห็นในทันที

จี้ภท.-ปชป.เลิกหาม‘บิ๊กตู่’
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขา นุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุน ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตลอด สะท้อนความล้มเหลวแทบทุกมิติของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แม้แต่พรรคที่เคยสนับสนุน เคยทำงานในรัฐบาล รู้ดีว่า 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ทำประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม ทำประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส แม้เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ทยอยแยกตัวออกมาตั้งพรรค การเมืองใหม่ และยืนตรงข้ามพล.อ. ประยุทธ์ ยิ่ง ร.อ.ธรรมนัสได้ลงพื้นที่ ยิ่งสัมผัสและรับรู้ว่าประชาชนไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ และต่อต้านอย่างหนัก

เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มองเห็นถึงสัญญาณลบนี้ของรัฐบาล ถ้ายังขืนพากันหามพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเอาอะไรไปพูด กับประชาชน เพราะประชาชนได้รับผล กระทบด้านเศรษฐกิจเดือดร้อนและลำบากมาก การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่ใช่การอภิปรายตามประเพณี หรืออภิปรายตามเทศกาล ไม่ใช่การอภิปรายเพื่อล้มพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทน แต่เป็นการทำหน้าที่สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในวิกฤตเศรษฐกิจสังคมการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้า

“นักการเมืองคนใดจากพรรคการเมืองใด ที่คิดจะยกมือไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดให้ดี ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และผลการเลือกตั้งซ่อมลำปางครั้งหลังสุด เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นสำคัญ ที่บ่งชี้ว่าประชาชนไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ นานแล้ว” นายอนุสรณ์กล่าว

ก้าวไกลบอก‘ตู่-หนู’อย่าฝันหวาน
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีครม.เก็งข้อสอบซักฟอก คาดนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะโดนถล่มหนักที่สุด ว่า คิดว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ในครม. ค่าครองชีพสูง จะโทษเรื่องน้ำมันตลาดโลกอย่างเดียว บอกทั้งโลกโดน คนไทยต้องยอมรับสภาพ อย่างนั้นเราคงไม่ต้องมีรมว.พาณิชย์ ไม่ต้องมีรัฐบาล แต่รัฐมนตรีคนไหน คิดว่านายจุรินทร์จะโดนคนเดียว แล้วตัวเองรอด อย่าฝันหวานไป เช่น พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข รอบนี้จะโดนหนักเช่นกัน ช่วงวันหยุดยาวก้าวไกลกำลังลับมีดให้คมที่สุด จะได้เห็นเราได้เตรียมพยานหลักฐานซักฟอก เอาผิดต่อรัฐบาลอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าร.อ.ธรรมนัส มาเป็นฝ่ายค้าน ยินดีรับหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งลำปางชัดเจนว่า ประชาชนไม่เอาข้างที่คุณเลือกอยู่ ถึงเวลาแล้วที่ส.ส.อดีตซีกรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส ต้องร่วมกันพังนั่งร้านรัฐบาล ต้องหยุด เพื่อให้เกิดการเลือกคนที่จะเป็นนายกฯ ที่มีคุณภาพ คืนอำนาจให้ประชาชนนำไปสู่การเลือกตั้ง ที่ได้รัฐบาลดีกว่านี้

เมื่อถามว่าถ้า ร.อ.ธรรมนัส ส่งข้อสอบซักฟอกมาให้ พอจะเป็นใบเบิกทางเข้าสู่ฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตอบลำบาก หนึ่งเลยเราไม่เคยได้ข้อสอบจาก ร.อ.ธรรมนัส แต่หากอยากขึ้นเวทีซักฟอกด้วยตัวเอง ก็ลองมาคุยกับฝ่ายค้านดู ตนไม่รู้ว่าเป็นไปได้ไหม ตอบแทนฝ่ายค้านไม่ได้ หรืออาจส่งข้อสอบมาก็ได้ ที่ผ่านมาเราได้ข้อมูล จากเจ้าหน้าที่รัฐข้าราชการน้ำดี ถ้าร.อ. ธรรมนัส จะทำในลักษณะเดียวกันก็คือการก่อกรรมดี แต่ถ้าไม่ทำก็แล้วแต่ ประชาชนเป็นคนตัดสินเอง

พิเชษฐ’ขู่รมต.น่าจะเหนื่อย
นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หัวหน้ากลุ่ม 16 ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับตนไม่เกินความคาดหมายอยู่แล้ว ถ้า ร.อ.ธรรมนัสอยากจะทำการเมืองต่อไปจะต้องถอนตัวจากฝ่ายรัฐบาล ต้องแสดงจุดยืนว่าอยู่ฝั่งไหนกันแน่ ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง ชัดเจนว่าแพ้หลักหมื่นคะแนน พรรคเสรีรวมไทยไม่มีฐานเสียงอะไรเลยกลับชนะเลือกตั้ง ทั้งที่ความได้เปรียบอยู่ที่พรรคเศรษฐกิจไทยด้วยซ้ำ แสดงว่าประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว ใครก็ไม่เอารัฐบาล

“การที่ ร.อ.ธรรมนัสอยู่ในลักษณะหัวหน้าพรรคใหม่ๆ ลักษณะยังไม่ชัดเจน ฉะนั้น ถ้าจะทำการเมืองต่อไปต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าจะอยู่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จริงๆ จังๆ ถ้าไม่อยู่ฝั่งรัฐบาลก็ต้องประกาศถอนตัวออกมาอย่างชัดเจน รัฐบาลบกพร่องมา 8 ปี ข้าวยากหมากแพง คุณก็ใช้ฐานะที่เป็นฝ่ายค้านว่าไป เสียงก็จะขึ้นมา” นายพิเชษฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจาก ร.อ.ธรรมนัสประกาศอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ทางกลุ่ม 16 จะมีท่าทีไปในแนวทางไหน นายพิเชษฐกล่าวว่า กลุ่ม 16 ไม่ได้อยู่ฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว คุยกันไว้ว่าต้องฟังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีข้อมูล สามารถพิสูจน์ความผิดของรัฐบาลให้เราเห็นได้หรือไม่ และต้องดูว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ตนมีจุดยืน อยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องท่อส่งน้ำโครงการอีอีซี ขณะนี้ยังไม่เซ็นสัญญา แสดงว่ามีข้อบกพร่องแน่นอน ตอนนี้ ที่ได้ยินข้อมูลมา รัฐมนตรีแต่ละท่านน่าจะเหนื่อย

ต่อข้อถามว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ กลุ่ม 16 มีท่าทีอย่างไรกับ พล.อ. ประยุทธ์ นายพิเชษฐกล่าวว่า นายกฯ ไม่มีอะไรออกมาชัดเจนที่ทำให้ประเทศชาติ เสียหาย สิ่งที่กลุ่ม 16 ยึดถือคือเรื่องการทุจริต

น้ำมนต์ – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ถือขันน้ำมนต์ ระหว่างพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 65 รูปเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ที่พระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎิ์ สนามหลวง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.

นัดคุยธรรมนัส-‘ป้อม’เช็กเสียง
นายพิเชษฐกล่าวยืนยันว่า กลุ่ม 16 พร้อมจับมือทำงานกับ ร.อ.ธรรมนัส และในวันที่ 18 ก.ค.หรือ 19 ก.ค.นี้ ร.อ.ธรรมนัส จะหารือกับกลุ่ม 16 ถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน เบื้องต้นจะเน้นหารือไปที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้ากลุ่ม 16 และพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีเสียงรวมกัน 32 เสียง ยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใด จะสะเทือนถึงขั้นหลุดจากเก้าอี้ พวกตนจะสอบถาม ร.อ.ธรรมนัส ว่าจะเข้าไปร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ แนวโน้มกลุ่ม 16 กับร.อ.ธรรมนัสน่าจะยกมือไปทางเดียวกัน

ส่วนแนวทางการถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคเล็กนั้น จะไปหารือกันในวันที่ 19 ก.ค. โดยจะดูจากผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีก่อน แล้วค่อยมาวัดผลกัน เพราะจู่ๆ จะให้ประกาศถอนตัวทันทีคงไม่ได้ หากผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีรัฐมนตรีตอบคำถามได้ไม่เคลียร์ พรรคเล็กจึงค่อยพิจารณาว่า จะถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่

“ส่วนกรณีพล.อ.ประวิตรนัดพรรคเล็กหารือที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ในวันที่ 17 ก.ค. คงเรียกมาสอบถามเรื่องการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเล็กจะเป็นตัวแปรสำคัญในการลงมติ ขณะนี้พรรคเศรษฐกิจไทยถอนตัวจากรัฐบาลไปแล้ว หากได้เสียงของพรรคเล็กไปรวมด้วยอีก จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นพล.อ.ประวิตรน่าจะเรียกพรรคเล็กมาพบเพื่อเช็กเสียงฝั่งรัฐบาล เพื่อความมั่นใจในการลงมติ” นายพิเชษฐกล่าว

กกต.ลำปางจ่อสรุปร้องเลือกซ่อม
นายทองเนตร ดูใจ ผู้อำนวยการกกต. ประจำจังหวัดลำปาง ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวัฒนา สิทธิวัง หรือ หมอรวย ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคเศรษฐกิจไทย ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปอย่างไม่สุจริตเที่ยงธรรม เข้าข่ายผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ว่าตอนนี้พนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังตรวจคำร้องอยู่ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ผู้ถูกร้องมีพฤติกรรมเข้าข่ายกฎหมาย หรือระเบียบข้อใด ซึ่งเรื่องจะเสนอมาถึงตนในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค.

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ กกต.ลำปางได้เบาะแส หรือมีผู้มาแจ้งเรื่องดังกล่าวบ้างหรือไม่ นายทองเนตรกล่าวว่า ไม่มีเบาะแสมาก่อน ทั้งนี้ ตนจะเป็นผู้ทำสำนวน เพราะจะสั่งรับ หรือไม่รับคำร้องก็ต้องรายงานไปที่ กกต.กลางอยู่แล้ว หากตนสั่งไม่รับ กกต.กลางอาจจะเห็นต่างก็ได้ ถ้าตนสั่งรับก็ทำเป็นสำนวน และเมื่อสรุปสำนวนต้องรายงานต่อ กกต.กลาง

เสรีรวมไทยลั่นไม่หนักใจ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบพรรคเสรีรวมไทยทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีการหาเสียงโดยจัดงานมหรสพรื่นเริง ที่ปรากฏภาพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การจัดงานมหรสพที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์และทีมงานหาเสียงกำลังจะกลับที่พัก ผ่านไปบริเวณร้านอาหารปิ้งย่างที่มีวงดนตรีโฟล์กซองของร้านเล่นดนตรีอยู่ และมีลูกค้านั่งอยู่ในร้าน

ขณะนั้นเป็นเวลา 19.00 น. ใกล้ค่ำ แล้ว ทีมงานขอแวะเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหารดังกล่าว ระหว่างนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงแวะขึ้นไปร้องเพลงผ่อนคลายความตึงเครียด และมีการแจกบัตรแนะนำตัวให้ลูกค้าและนักดนตรี เวทีดนตรีดังกล่าวมีไว้บริการลูกค้า ใครอยากจะร้องก็ขึ้นไปร้องได้ ไม่ใช่พรรคเสรีรวมไทยหรือผู้สมัครจัดงานมหรสพ ไม่เกี่ยวกัน มั่นใจไม่ผิดมาตรา 73 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แน่นอน จึงไม่หนักใจ หาก กกต.ต้องการสอบข้อเท็จจริงก็พร้อมให้ข้อมูล

ส่วนข้อร้องเรียนที่ระบุพรรคเสรีรวมไทย ปราศรัยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ให้ร้ายผู้สมัครอื่นว่ามีการซื้อเสียงเลือกตั้งนั้น จะต้องไปสู้กันด้วยข้อเท็จจริง เพราะพรรคมีหลักฐานเรื่องการทุจริตซื้อเสียง ไม่ได้กล่าวปราศรัยเท็จ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง พรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับ กกต.ในการสอบสวนข้อเท็จจริงทุกอย่าง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม หาก กกต.วินิจฉัยเป็นความผิด ก็พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย พรรคเสรีรวมไทยสู้ภายใต้กติกาอย่างตรงไปตรงมา หากยังถูกรังแกจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า วันหน้าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินแบบถล่มทลายเอง

แลกเปลี่ยน – นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ร่วมในการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่อง อนาคตตลาดคาร์บอน แนวทาง และวิธีการดำเนินการจัดการคาร์บอน โดยมี นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ร่วมเป็นวิทยากร ที่พรรคสร้างอนาคตไทย

สอท.รุกนโยบายจัดการคาร์บอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความเห็น เรื่อง อนาคตตลาดคาร์บอน (Carbon Market) แนวทาง และวิธีการดำเนินการจัดการคาร์บอน มีผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ภาคเอกชน และหน่วยงานระหว่างประเทศ เข้าร่วม

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า การบริหารจัดการคาร์บอนเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ หลายประเทศที่เป็นคู่ค้า และแหล่งทุนสำคัญของประเทศไทยได้เริ่มกำหนดมาตรการเพื่อกีดกันสินค้า และการลงทุน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม กสิกรรม การเงิน การธนาคาร และการท่องเที่ยว ดังนั้นการจัดทำกฎหมายสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นนโยบายที่เร่งด่วน และต้องเป็นกฎหมายที่ทันสมัย สามารถใช้บังคับได้ในทุกภาคเศรษฐกิจของไทย ไม่ใช่เป็นแบบไซโล ต่างคนต่างทำอีกต่อไป แต่ต้องมีตัวกลาง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานลักษณะไหนก็ตาม

ที่สำคัญคือ 1.ต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคตเป็นอย่างไร จะวางยุทธศาสตร์อย่างไรให้ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม และภายในระยะเวลาเท่าไร 2.ต้องให้เอกชนเข้าร่วมตั้งแต่ต้น รัฐมีหน้าที่สนับสนุนให้เอกชนเดินอย่างมีแต้มต่อ เพราะสุดท้ายต้องเกิดการแข่งขันในเวทีโลกอย่างแน่นอน 3.ที่สำคัญ คือเรื่องการสื่อสาร วันนี้จะทำอย่างไรให้คนไทยเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวกระทบต่อเขาอย่างไร

เรื่องการบริหารจัดการคาร์บอน จะเป็นความท้าทายของรัฐบาลหน้าว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับภาคเศรษฐกิจทั้งการสร้างเศรษฐกิจใหม่ และการแก้ปัญหาเชิงรุกให้กับขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบาย 5 สร้างของพรรค ที่พร้อมจะขับเคลื่อนอย่างจริงจัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน