ภูเก็ตระดมค้นวุ่นทั้งเกาะไทม์ไลน์เที่ยวผับป่าตองพบกลุ่มเสี่ยงสูง17รายเบสมือถือโผล่สระแก้ว

ตร.ภูเก็ตเร่งล่าหนุ่มไนจีเรียป่วยฝีดาษลิงรายแรกในไทย หลังปิดมือถือเผ่นหนี ไม่ยอมเข้ารักษาในร.พ.ตามนัด สั่งปิดด่านทั้งทางบกทางเรือ ทางอากาศ ล่าสุดพบเบสสัญญาณมือถือโผล่ที่สระแก้ว ‘อนุทิน’ลั่นต้องนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ จากนั้นต้องเนรเทศออกนอกประเทศ เผยไทม์ไลน์ก่อนตรวจพบเชื้อไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านป่าตอง 2 แห่ง ระดมค้นหากลุ่มเสี่ยง 142 คน เจอ 6 รายมีอาการใกล้เคียง พบ 4 รายไม่เจอเชื้อ ส่วนอีก 2 รายรอตรวจ

เปิดไทม์ไลน์ป่วยฝีดาษลิงรายแรก
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต พร้อมด้วยนพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.ร.พ.วชิระภูเก็ต พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกในประเทศไทยที่จ.ภูเก็ต ผู้ป่วยเป็นเพศชาย สัญชาติไนจีเรีย อายุ 27 ปี อาชีพนักธุรกิจ มีประวัติเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย

นพ.กู้ศักดิ์ เปิดเผยว่า ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้ เริ่มเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยทางสสจ.ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเอกชนว่า มีเคสสงสัย ให้ข้อมูลการว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค มีประวัติสัมผัสนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงที่ป่าตองใน 2-3 สัปดาห์ก่อนป่วย พร้อมทั้งให้ประวัติมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัย กับหญิง ไม่สามารถระบุสัญชาติได้ โดยวันที่ 18 ก.ค. ทราบผลแล็บตรวจ PCR พบเชื้อไวรัสฝีดาษลิง (Monkeypox virus) โดยห้องปฏิบัติการที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อมาวันที่ 19 ก.ค. ทราบผลแล็บยืนยันโดยห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยรายนี้ปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งอาชีพและข้อมูลการเดินทาง รวมถึงปฏิเสธการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่การสอบสวนโรค มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 17 คน เบื้องต้นกลุ่มแรก 7 คนไม่พบเชื้อ ขณะที่อีก 10 คน อยู่ระหว่างรอผลและกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ

หนุ่มป่วยฝีดาษลิงหนี-ไม่เข้ารักษา
“ผู้ป่วยทำการตรวจเมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 มีการนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษา ปรากฏว่าไม่มาตามนัด ทางสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวเข้าสู่กระบวนการรักษา ทีมของทางโรงพยาบาลโทรศัพท์ไปติดต่อกับผู้ป่วยเพื่อนำตัวมารักษา ซึ่งผู้ป่วยปฏิเสธและปิดโทรศัพท์ ทำให้ทีมสอบสวนสาธารณสุขจังหวัดและสาธารณสุขอำเภอกะทู้ พร้อมทั้งประสานผบก.ภ.จว.ภูเก็ตและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต วันที่ 18 ก.ค.65 กระทั่งวันที่ 19 ก.ค. ผลของแล็บยืนยันของกรมวิทยาศาสตร์ฯและโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งโรคนี้หายเองได้ ที่ผ่านมาเราเคย สุ่มตรวจไปแล้ว 4 ครั้ง 2 ครั้งแรกทางโรงพยาบาลรายงานเข้ามาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทางเครื่องบิน ด่านตรวจสังเกตเห็นมีตุ่มมีผื่นขึ้นที่ตามลำตัว ก็สั่งกักตัวส่งเข้าตรวจสอบ ซึ่งทางสาธารณสุขเฝ้าระวังที่ด่านกักกันสาธารณสุขก่อนเข้าประเทศ รวมทั้งเฝ้าระวังในโรงพยา บาลตามคลินิกถ้าหากว่าเจอผู้ป่วยต้องสงสัยเข้าข่ายต้องรายงานเพื่อทำการสว็อบ”

ล่าไนจีเรียป่วยฝีดาษลิงเผ่นหนี
พล.ต.ต.เสริมพันธุ์กล่าวว่า ได้รับการประสานจากทีมสอบสวนโรคที่ทำงานตั้งแต่โควิด-19 อยู่แล้ว เมื่อได้รับแจ้งวันที่ 18 ก.ค.ได้ออกสืบสวนติดตามจนทราบว่าผู้ป่วยรายนี้มีที่พักที่คอนโดฯแห่งหนึ่งในกะทู้ จึงเข้าตรวจสอบในครั้งแรกก็ไม่พบตัว ถามยามคอนโดฯถึงลักษณะผู้ป่วยบอกว่าพักที่แห่งนี้จริง และขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากนิติบุคคลนั้น ทราบว่าชายดังกล่าวออกจากคอนโดฯ ประมาณเวลา 19.00 น. จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ พบว่าไปที่ป่าตอง และช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค. เขาประสานจะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต หลังจากนั้นช่วงเย็นทางสสจ.บอกว่าเขาไม่มาตามนัดและปิดเครื่องไปแล้ว ซึ่งการประสานงานกับผู้ป่วยทางนิติบุคคลคอนโดฯใช้ WhatsApp พยายามประสานกัน

ฝีดาษลิงเผ่น – นายนเซเร็ม ออสมอนด์ ซีฮาซีริม ชาวไนจีเรีย ผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกที่ตรวจพบในไทย ขับรถเก๋งสีขาวหนีออกจากเกาะภูเก็ต สร้างความแตกตื่นตกใจแก่ชาวเมือง ทางจังหวัดระดมล่าตัวเพื่อสกัดไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์กล่าวต่อว่า ตอนแรก ผู้ป่วยบอกว่าจะเข้ามาที่ร.พ. ไม่เข้าคอนโดฯ พวกเราไปรอที่ร.พ. แต่เขาไม่มาและปิดมือถือ ติดต่อไม่ได้ อีกทั้งใน WhatsApp ก็ไม่อ่าน จึงบูรณาการกำลังไปที่ป่าตอง ติดตามหา จนพบว่าเวลา 19.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ชาย ดังกล่าวพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง บริเวณแยกป่าตองฮิลล์ สอบถามทางโรงแรมทราบว่าเขาเข้าพักคนเดียว ไม่คุยกับใคร จ่ายเงินสดไว้ 2 วัน แต่พอวันที่ 20 ก.ค. เวลา 21.05 น. ชายดังกล่าวนำกุญแจห้องพักมาวางที่เคาน์เตอร์แล้วเดินออกไป โดยไม่แจ้งเช็กเอาต์ ทางโรงแรมไม่ทราบ และเขาเดินหายไป








Advertisement

“ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรม เห็นรถคันหนึ่งมาจอดและเขาเดินหายไปพร้อมกับรถ จากการสืบสวนคาดว่าเขาน่าจะไปพร้อมรถคันนั้น ต่อมาได้ติดตามรถทางกล้องวงจรปิด เห็นไปทางกะหลิม กมลา เห็นรถคันนี้ผ่านอบต.เชิงทะเล คงติดตามดูตลอดว่าน่าจะอยู่ในภูเก็ต หรือออกไปแล้ว และประสานด่านท่าฉัตรไชย ไม่เห็นรถลักษณะนี้ผ่านออกไป อาจเป็นไปได้ว่าเขายังอยู่ในภูเก็ต อาจจะไปพักอีกที่หนึ่งแล้วเปลี่ยนรถออกจากภูเก็ตก็เป็นไปได้ทั้งหมด ในส่วนของเครื่องบิน ทางสสจ.ภูเก็ต บล็อกไว้หมดแล้ว การออกจากภูเก็ตทางเครื่องบินทั้งในประเทศและนอกประเทศคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ตอนนี้กำลังตามอยู่อย่างใกล้ชิด” พล.ต.ต.เสริมพันธุ์กล่าว

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์กล่าวอีกว่า กรณีที่ไม่มาตามนัด อาจเป็นไปได้ที่เขาโอเวอร์สเตย์ จึงไม่กล้ามา ในช่วงที่เข้ามาตอนแรกก่อนเดือนม.ค.ยังไม่โอเวอร์สเตย์ แต่หลังจากนั้นโอเวอร์สเตย์ เพราะยังไม่ต่อวีซ่า

“นักท่องเที่ยวรายนี้เข้ามาภูเก็ตวิธีใดเราไม่ทราบ ที่รู้ว่ามาภูเก็ตเมื่อเดือนม.ค.คือเห็นการทำสัญญาเช่าอาคารชุด ซึ่งล่าสุดที่ติดต่อได้ เขาจะบอกนิติบุคคลคอนโดฯว่าเขาหายแล้ว น่าจะแผลแห้งแล้วจึงไม่มา และ ทางแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยไปวันที่ 18 ก.ค จากโรงแรมบริเวณแยกป่าตองฮิลล์วันที่ 19 ก.ค. และหลังจากนั้นไม่แน่ใจว่าเขานั่งคันอื่นไปอีกหรือไม่ ขอให้เข้ามารายงานตัวกับสสจ.ภูเก็ต หรือ ไปที่โรงพักก็ได้ คาดว่าติดตามตัวเจอ” พล.ต.ต.เสริมพันธุ์กล่าว

ป่วยสายพันธุ์เวสต์แอฟริกัน
นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ กล่าวว่า จากข้อมูลทางการแพทย์ โรคฝีดาษลิงจะมี 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์เวสต์ แอฟริกัน เป็นสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง อีกสายพันธุ์คือเซ็นทรัล แอฟริกัน เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้พบเชื้อยืนยันเป็นสายพันธุ์เวสต์ แอฟริกัน และไม่ได้แพร่เชื้อได้ง่ายเหมือนโรค โควิด-19 ทั้งนี้ให้เฝ้าสังเกตอาการ หากมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต และเป็นผื่น ตุ่มใสหรือตุ่มหนอง และฝากถึงนักท่องเที่ยวและประชาชนว่า ยังคงสามารถเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตได้ตามปกติ

พบสัญญาณมือถือชายแดนเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเช็กสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 21 ก.ค. พบเบสสัญญาณขึ้นที่คลองลึก อรัญ ประเทศ จ.สระแก้ว จึงน่าเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงจะมุ่งหน้าหลบหนีออกไปตามแนวชายแดน

‘อนุทิน’ลั่นต้องเนรเทศ
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยชาวไนจีเรียที่ติดเชื้อฝีดาษลิงที่หลบหนีออกจากร.พ.แห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ตเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า รับทราบเรื่องแล้ว ขณะนี้ตำรวจกำลังตามล่าตัว เพราะหลบหนีการรักษาพยาบาล และในเวลา 11.00 น. วันเดียวกันนี้ มีการแถลงข่าว และขึ้นรูปใบหน้าของผู้ป่วยที่หลบหนีทั่วประเทศ และจับกุมตัวให้ได้ เพราะเป็นพฤติกรรมที่แย่และไม่ดี และยืนยันว่ามีบทลงโทษและจะใช้กฎหมายทุกอย่างที่มี รวมถึงพ.ร.บ.โรคติดต่อ มาจัดการ อาจมีการเนรเทศและถูกดำเนินคดี

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนการปูพรมป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยรายดังกล่าวนั้น ทางอธิบดีกรมควบคุมโรครายงานตนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ทราบว่าได้ติดตามคนสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรายดังกล่าวมากักตัว และตรวจเช็กแล้วไม่พบการติดเชื้อ และย้ำตามที่อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่าไม่ได้ติดง่ายๆ แต่ต้องเฝ้าระวัง ย้ำว่าหลังรับทราบเรื่อง ก็ได้กำชับเร่งดำเนินการตามจับกุมตัวให้เร็วที่สุด

คาดหลบออกชายแดนแล้ว
เมื่อเวลา 19.15 น. ที่รัฐสภา นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามตัว ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชาวไนจีเรียที่หลบหนีการรักษาพยาบาลในจังหวัดภูเก็ตว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคกำลังเร่งติดตามตัวชายชาวไนจีเรีย และส่งรูปพรรณสัณฐานไปทั่วประเทศ มีรายงานว่าล่าสุดเดินทางออกจากภูเก็ตแล้ว และเจ้าหน้าที่ติดตามจากโทรศัพท์มือถือพบว่าล่าสุดอยู่ที่จ.สระแก้ว ดังนั้น อาจหลบออกทางชายแดนแล้วหรือไม่ก็ไม่ทราบ ถ้าเขาเดินทางออกจากไทยไปแล้วจริงก็เป็นผลดีกับเรา และเราต้องแจ้งให้ประเทศเพื่อนบ้านทราบ

“เขามีโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่รับโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ทั้งที่เจ้าหน้าที่จะพาตัวมารักษา แต่หนีออกจากโรงพยาบาล ตอนเขามาไม่ได้เป็นผู้ต้องหา แต่ขอความร่วมมือให้มาตรวจรักษา ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละเลย หละหลวม จนทำให้เขาหลบหนีไปได้นั้น ขอให้เห็นใจคนทำงานด้วย เพราะเราขอให้เขามาตรวจรักษา เขาไม่ใช่ผู้ต้องหา เรายังไม่สามารถควบคุมตัวเขาได้ กรมควบคุมโรคจะแถลงรายละเอียดในวันที่ 23 ก.ค.นี้ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ติดตามสอบสวนโรคผู้ที่สัมผัสกับชายคนดังกล่าว พร้อมตรวจสอบว่าไปเที่ยวที่ไหนบ้าง มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเป็นใครบ้าง ต้องนำมาตรวจหาเชื้อ ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีติดเชื้อ ดังนั้น ต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ที่เราไม่ได้ขยายผลอะไรเพราะโรคนี้ยังไม่เหมือนโควิด-19 ที่ติดง่าย และทางองค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศว่าโรคนี้เป็นโรคที่มีความร้ายแรง”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานว่าอาจจะมีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 6 ราย นายอนุทินกล่าวว่า มีคนนี้คนเดียว และไปเที่ยวหลายที่ เป็น นักท่องเที่ยวที่ไทยไม่พึงประสงค์

พบอีก 6 มีอาการใกล้เคียง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) รายแรกของประเทศไทยว่า จ.ภูเก็ตค้นหาผู้ป่วยและเฝ้าระวัง ซึ่งได้รับรายงานจากร.พ.แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต พบชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีอาการต้องสงสัยเข้าได้กับฝีดาษลิง เพราะมีตุ่มขึ้นที่ใบหน้า ลำตัว แขนขา และอวัยวะเพศ มีการส่งหนองและสิ่งส่งตรวจต่างๆ ไปตรวจที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ พบผลบวกต่อโรคฝีดาษลิง จึงส่งตรวจเพิ่มเติมที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันตรงกันวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยรายนี้ ทั้งทางคลินิก ระบาดวิทยา และเสนอคณะกรรมการวิชาการ ภายในคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ พิจารณาและประกาศยืนยันเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นโรคฝีดาษลิง

“เราไม่รอยืนยันแล้วไปสอบสวนโรค เมื่อสงสัยเราก็ไปสอบสวนโรค รายนี้เราไปหาผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง พบ 2 ราย เป็นเพื่อนของผู้ป่วย ยังไม่มีอาการป่วย ส่งตรวจไปห้องปฏิบัติการยังไม่พบฝีดาษลิง ต้องสังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณีอีก 21 วัน และค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง เช่นสถานบันเทิง 2 แห่งที่ผู้ป่วยเคยใช้บริการ พบ 6 รายมีอาการใกล้เคียง คือ ไข้ เจ็บคอ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4 รายไม่พบติดเชื้อฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณี 21 วัน ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการตรวจ” นพ. โอภาสกล่าวและว่า ทีมสอบสวนโรคยังเข้าไปสอบสวนและกำจัดเชื้อในห้องผู้ป่วย การพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกของประเทศไทยเป็นไปตามระบบเฝ้าระวังโรค และรายงานให้องค์การอนามัยโลกทราบทันทีตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ

สธ.สั่งจองวัคซีนฝีดาษ
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า การรักษาจะรักษาตามอาการ ตุ่มอาจดูน่ากลัว แต่ความรุนแรงของโรคไม่มาก ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง ส่วนวัคซีนขณะนี้มีการผลิตและเตรียมใช้มีหลายบริษัท กรมควบคุมโรค สั่งจองเบื้องต้นแล้ว ส่วนวัคซีนเดิมที่เรามี คือ วัคซีนสำหรับโรคฝีดาษ (smallpox) องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้ อยู่ในขั้นตอนที่ อาจจะนำมาใช้ได้ ต้องดูตามข้อบ่งชี้ คือประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงวัคซีน และประเมินสถานการณ์การระบาด ภาพรวมความจำเป็นการฉีดในวงกว้างยังไม่จำเป็น แต่บางกลุ่มเฉพาะ เช่นเจ้าหน้าที่ห้องแล็บสัมผัสเชื้อโรค เจ้าหน้าที่การแพทย์และสาธารณสุขดูแล ผู้ป่วยใกล้ชิดแต่ไม่ทั้งหมด ข้อมูลวัคซีนเดิมมีผลข้างเคียงบ้าง ต้องดูผลดีผลเสียและ ความจำเป็น จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

นพ.โอภาสกล่าวด้วยว่า หลังพบป่วยฝีดาษลิงรายแรกในประเทศไทย คงไม่ระบาดแบบโควิด เราตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผลเป็นลบ ค้นหาเชิงรุกยังไม่พบผู้ป่วย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตก็ต้องไปรวบรวมข้อมูลดูไทม์ไลน์ เพื่อตีวงควบคุมโรคต่อไป

วัคซีนฝีดาษคนเก็บ40ปีคุณภาพดี
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวผลการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนฝีดาษ (Smallpox) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เก็บไว้นานกว่า 40 ปีว่า เรามีวัคซีนป้องกันฝีดาษคนของอภ. ซึ่งเลิกฉีดไปนานแล้ว เนื่องจากกวาดล้างโรคฝีดาษคนออกไปจากโลกแล้ว แต่บางประเทศยังผลิตเพื่อใช้ป้องกันก่อการร้ายทางชีวภาพ มีงานวิชาการว่าใช้ป้องกันฝีดาษลิงได้ 85% ขณะที่วัคซีนสำหรับฝีดาษลิงยังไม่มี ทั้งนี้ กรมตรวจสอบคุณภาพวัคซีนฝีดาษคนที่ อภ.เก็บไว้ ทั้ง 13 รุ่นการผลิต เมื่อปี 2522-2523 โดยตรวจสอบทางกายภาพ ผลการตรวจสอบพบว่าวัคซีนฝีดาษทั้ง 13 รุ่นยังคงมีลักษณะทางกายภาพที่ดี

นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า ขณะนี้วัคซีนฝีดาษคนมี 4 รุ่น โดยวัคซีนที่ อภ.เก็บไว้เป็นวัคซีนรุ่นแรก มีรายงานผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ แต่ต่ำมาก ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย ส่วนวัคซีนรุ่นสองผลิตในสหรัฐ มีอาการข้างเคียงน้อย แต่วัคซีนเป็นการทำให้เชื้ออ่อนแรง เมื่อฉีดในคนก็อาจเพิ่มจำนวนได้ ซึ่งบางคนถ้าเพิ่มจำนวนมากเกินไปก็เกิดปัญหาได้ โดยเฉพาะคนภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือหญิงตั้งครรภ์ ที่อาจทำให้รุนแรงหรือกระทบต่อตัวอ่อน จึงยังไม่น่าปลอดภัยมากเหมือนกับรุ่นแรก รุ่นสามใช้เชื้อทำให้อ่อนฤทธิ์เหมือนเดิม แต่ฉีดแล้วไม่เพิ่มจำนวนแน่ๆ มีความปลอดภัยจึงสูง ฉีดในคนท้องได้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเอามาใช้ป้องกันฝีดาษลิงแล้ว ถ้าเราจะซื้อก็ต้องเป็นตัวนี้ วิธีฉีดก็ไม่เหมือนเดิม 2 รุ่นเดิมที่ต้องเอาเข็มไปเขี่ยสะกิดให้เกิดฝี แต่รุ่นสามฉีดใต้ผิวหนัง ฉีด 2 ครั้ง ห่าง 4 สัปดาห์ ส่วนรุ่น 4 ผลิตในญี่ปุ่น เป็นวัคซีนเชื้อเป็นเกิดจากการ ตัดต่อยีน สามารถใช้ป้องกันฝีดาษลิงได้ ใช้ 1 โดส แต่ยังต้องเขี่ยต้นแขนให้เกิดแผล ยังไม่มีการขออนุญาตใช้ป้องกันฝีดาษลิง

“สรุปว่าเรามีวัคซีนอยู่ 5 แสนโดส เก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสมา 40 ปี ถือว่าเก็บได้ดี คุณภาพโอเค การเอามาใช้หรือไม่ ต้องดูว่ามีรุ่นหลังที่ดีกว่าหรือไม่ในมือ ซึ่งเราอาจต้องไปหาวัคซีนรุ่น 3 มาจำนวนหนึ่ง ถ้าสมมติสถานการณ์ระบาดเยอะ หากฉุกเฉินเราหาวัคซีนไม่ได้หรือมีน้อยเกินไป ก็อาจพิจารณานำออกมาได้ จึงได้แจ้ง อภ.ว่าขอให้เก็บแบบมีคุณภาพต่อไป เป็นทางเลือก ถ้าจำเป็นก็อาจเอามาใช้” นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า แม้เราเจอผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกแล้ว แต่อัตราการแพร่ดูจะต่ำเมื่อเทียบกับโควิด คนต้องใกล้ชิดกันมาก แบบนัวเนีย ไม่ใช่ว่านั่งรถคันเดียวกันแล้วจะติด ช่วงแพร่ได้มากคือเป็นแผลมีอาการ คนก็จะไม่ค่อยใกล้ชิดกัน จึงไม่ได้เหมือนโควิดที่ติดง่ายกว่า สำหรับการตรวจเชื้อฝีดาษลิง กรมวิทยาศาสตร์และโรงเรียนแพทย์สามารถตรวจได้ แต่คงยังไม่ต้องเพิ่มให้ทุกแห่งทั่วประเทศตรวจได้ เพราะสถานการณ์ไม่ได้แพร่เร็ว ขณะนี้ยังระดับหมื่นรายทั่วโลก ก็สามารถนำตัวอย่างมาส่งตรวจที่กรม

ป่วยโควิดเพิ่ม 2.4 พัน-ตายอีก 25
ด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง RT-PCR และ ATK เพิ่มขึ้น 2,424 ราย ป่วยสะสม 4,570,885 ราย หายป่วยเพิ่ม 1,816 ราย หายป่วยสะสม 4,515,759 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย เสียชีวิตสะสม 31,098 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 24,028 ราย อยู่ร.พ.สนามและอื่นๆ 12,404 ราย และอยู่ในร.พ. 11,624 ราย จำนวนนี้มี ผู้ป่วยอาการหนัก 868 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 393 ราย แนวโน้มยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง อัตราครองเตียงระดับ 2-3 หรือสีเหลือง-สีแดงเพิ่มเป็น 15.6% ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในเรือนจำ และไม่มีผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 19 ก.ค. 2565 ฉีดได้ 63,185 โดส อยู่ระดับ 6 หมื่นกว่าโดส 3 วัน หลังสถานการณ์ติดเชื้อเริ่มเพิ่มขึ้นสะสม 140,954,292 โดส เป็นเข็มแรก 57,080,881 โดส คิดเป็น 82.1% เข็มสอง 53,379,649 โดส คิดเป็น 76.7% และเข็มสามขึ้นไปฉีดเพิ่มขึ้น 38,835 โดส สะสม 30,493,762 โดส คิดเป็น 43.8% ขณะที่การฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดได้ 6,118,259 โดส คิดเป็น 48.2% และการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 5-11 ปี เข็มแรก ฉีดได้ 3,217,535 โดส คิดเป็น 62.5% และเข็มสอง 2,194,768 โดส คิดเป็น 42.6%

ขณะที่กรมควบคุมโรครายงานจำนวน ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่รายจังหวัด พบว่า 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยรายใหม่สูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 1,453 ราย 2.สมุทรปราการ 175 ราย 3.ชลบุรี 106 ราย 4.ขอนแก่น 52 ราย 5.ชุมพร 33 ราย 6.ปราจีนบุรี 31 ราย 7.นครราชสีมา 30 ราย 8.นนทบุรี 30 ราย 9.ชัยนาท 28 ราย และ 10.อุบลราชธานี 26 ราย ภาพรวมมีรายงาน ผู้ป่วย 63 จังหวัด ไม่มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ลดลงเหลือ 14 จังหวัด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน