‘บอร์ดกกพ.’เคาะงวดกย.-ธค.เบนซิน-โซฮอล์พุ่งลิตร80สต.

ชาวบ้านจ๊ากทั่วประเทศ กระอักทุกครัวเรือนต้องควักเงินจ่ายค่าไฟฟ้าอ่วมช่วงท้ายปี มติ ‘บอร์ดกกพ.’ เคาะแล้วงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.เพิ่มพรวดที่ 4.72 บาทต่อหน่วยทุบสถิติเก็บสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ขณะที่น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลดได้ไม่กี่วัน ราคาก็พุ่งอีกลิตรละ 80 สตางค์รับวันหยุดยาว 4 วัน

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. รายงานข่าวแจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ บอร์ดกกพ. มีมติปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2565 ขึ้นมาอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย จากงวดปัจจุบันเดือนพ.ค.-ส.ค.อยู่ที่ประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังจาก กกพ.ได้เปิดประชาพิจารณ์ไปแล้ว 3 แนวทางสิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา

“แนวทางการปรับอัตราค่าเอฟทีงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2565 เบื้องต้นจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากเป็นต้นทุนที่แท้จริงตามราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น และเมื่อรวมกับค่าเอฟทีงวดปัจจุบันที่เก็บอยู่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วยจะส่งผลให้ค่าเอฟทีรวมในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2565 จะอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งบวกกับค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2565 ที่ประชาชนจ่ายอยู่ประมาณ 4 บาทต่อหน่วย” รายงานข่าวระบุ

สำหรับแนวทางนี้จะยังไม่ชำระหนี้คืนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าสิ้นเดือนส.ค. 2565 จะขึ้นมาอยู่ที่ 109,672 ล้านบาท จากเดิมถึงสิ้นเม.ย. 2565 กฟผ.มีภาระหนี้ที่แบกรับค่าไฟแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท ซึ่งทางกฟผ.ได้ทำหนังสือมายังกกพ.เพื่อเสนอความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยมองว่าเพื่อลดผลกระทบ ผู้ใช้ไฟฟ้า ทางกฟผ.จะแบกรับแทนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน 109,672 ล้านบาท และจะนำไปบริหารจัดการเรียกเก็บภายในปี 2566 ต่อไป ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาสำนักงาน กกพ.ได้เปิดรับฟังความเห็นประกอบด้วย 3 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 ค่าเอฟทีอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืนกฟผ.ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีรวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงินกฟผ.ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงินกฟผ.ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี

แนวทางที่ 2 ค่าเอฟทีอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืนกฟผ.ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีรวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงินกฟผ.ได้ช้าลง โดยกฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี

ส่วนสุดท้ายแนวทางที่ 3 เป็นแนวทางที่ ผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือ ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย โดยยังไม่คืนหนี้กฟผ. 83,010 ล้านบาท ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 80 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาเบนซินอยู่ที่ 45.26 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.85 บาท/ลิตร E20 อยู่ที่ 36.74 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 37.58 บาท/ลิตร พรีเมียม แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 43.34 บาท/ลิตร E85 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร มีผล 28 ก.ค.2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งตรงกับวันหยุดยาว 4 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน