กทม.สั่งปิด3ผับ จี้ปรับปรุงอีก80

ศาลให้ประกันตัว ‘เสี่ยบี’ เจ้าของผับมรณะ หลักทรัพย์ 3 แสน ติดกำไลข้อเท้า ห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เจ้าตัวไหว้ขอโทษครอบครัวคนตาย ผู้บาดเจ็บ ยันเยียวยาทุกคนอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐานเข้าเก็บหาหลักฐานอีกรอบ ตรวจจุดที่เกิดไฟฟ้าชอร์ต เร่งคลี่ปมยางรถยนต์บนหลังคาผับ ด้านกทม.พบสถานบริการบันเทิงไม่ตรงมาตรฐานทางเข้า-ออก ประตูหนีไฟ 83 แห่ง จากสำรวจแล้ว 494 แห่ง

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. พนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ควบคุมตัว นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของผับเมาน์เทน บี ไฟไหม้เป็นเหตุให้มี ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทยา โดยยื่นคำร้องกล่าวหาประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ขณะที่นายพงศ์ศิรินั่งอยู่บนรถควบคุมตัวผู้ต้องหา ได้กล่าวผ่านสื่อมวลชนขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ยืนยันพร้อมเยียวยาทุกคนอย่างเต็มที่

ต่อมาศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ส.ค. ผู้ต้องหายื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว โดยนายอนุชา วงศ์ศรีรัตน์ ทนายความ และนางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยาเสี่ยบี จัดเตรียมหลักทรัพย์ไว้ 1 ล้านบาท ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ตีราคาประกัน 300,000 บาท พร้อมเงื่อนไขติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ที่ข้อเท้า ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น และให้ผู้ต้องหามารายงานตัวเมื่อครบฝากขังครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 7

ได้ประกัน – นายพงศ์ศิริ หรือบี ปั้นประสงค์ เจ้าของเมาน์เทน บี ผู้ต้องหาคดีประมาททำให้มีคนตาย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยในวงเงินสด 3 แสนบาท และติดกำไลอีเอ็ม โดยขอโทษ และยืนยันจะเยียวยาทุกคน ก่อนจะนั่งรถเดินทางออกจากศาลพัทยาทันที เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

หลังได้ประกันตัว นายพงศ์ศิริกล่าวว่า “ผมขอโทษ จะเยียวยาทุกอย่าง ผมออกไปจะเยียวยาทุกคน” ในท่าทางอาการยกมือไหว้ตลอดเวลา น้ำเสียงสั่นเครือ สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนรีบเดินทางออกจากศาลไปทันที

ส่วนนายอนุชาทนายความกล่าวว่า เตรียมปรึกษาสภาทนายความเมืองพัทยา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ยืนยันว่าครอบครัวนายพงศ์ศิริจะเยียวยาทุกคนที่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ไฟไหม้ผับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริเวณเมาน์เทน บี สถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ติดตั้งนั่งร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ผังเมือง และเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองสัตหีบ เข้าตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด โดยเฉพาะโครงหลังคาถูกยกออกแล้ว ซึ่งมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยางรถยนต์ที่วางไว้บนหลังคาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และมีข้อสังเกตด้วยว่ายางรถยนต์ทำให้ลุกลามรุนแรงหรือไม่ ขณะที่ด้านหน้ามีผู้นำพวงหรีดมาวางไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง มีตำรวจ สภ.พลูตาหลวง เฝ้าจุดเกิดเหตุตลอด 24 ชั่งโมง

ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสพฐ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการพล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.สพฐ.ตร. นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลาง และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 ลงพื้นที่ตรวจหาพยานหลักฐาน กำชับให้เก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียด เร่งหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนดำเนินคดี

ส่วน พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.พิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่านำเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่ 2 เพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดในจุดที่เกิด ไฟฟ้าชอร์ต แล้วจะประชุมสรุปผลอีกครั้งเร็วๆ นี้

เก็บละเอียด – ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจหาหลักฐานในผับเมาน์เทน บี จ.ชลบุรี ที่ถูกไฟไหม้อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเก็บตัวอย่างจุดไฟชอร์ตและบนหลังคา นำไปพิสูจน์หาสาเหตุเพลิงมรณะ เมื่อ 8 ส.ค.

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผบช.ภาค 2 ในฐานะโฆษกตำรวจภาค 2 รายงานว่าจำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 15 ราย ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้ป่วยสีแดงใส่ท่อช่วยหายใจ 20 ราย ผู้ป่วยสีเหลือง 11 ราย ผู้ป่วยสีเขียว 9 ราย ผู้ป่วยสีเหลืองอาการหนักขึ้นเป็นสีแดง 5 ราย และผู้ป่วยสีแดงอาการดีขึ้นมาอยู่สีเหลือง 1 ราย

โฆษกตำรวจภาค 2 กล่าวว่าสำหรับการช่วยเหลือนั้น สำนักงานยุติธรรม จ.ชลบุรี ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา กำหนดจ่ายเงินให้ทายาทผู้เสียชีวิตในวันที่ 19 ส.ค. รายละ 110,000 บาท และเทศบาลเมืองสัตหีบกำหนดจ่ายเงินให้ญาติผู้เสียชีวิตในวันที่ 10 ส.ค. รายละ 29,700 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รับเงินเพิ่มอีกรายละ 29,700 บาท

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าอธิบดีกรมการปกครองสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะทราบผลวันที่ 12 ส.ค. หากมีมูลว่านายอำเภอสัตหีบปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนในการกระทำความผิด จะตั้งกรรมการสอบวินัยต่อไป ขณะเดียวกันทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากขอให้ตรวจตราสถานบริการแล้ว ยังเข้มงวดและตรวจสอบซ้ำร้านอาหารที่ดัดแปลงเป็นสถานบริการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยที่สัตหีบอีก มั่นใจว่าร้านที่ทำผิดกฎหมายจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ และต้องถูกดำเนินคดี

วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าตรวจสถานบริการในกรุงเทพฯ ว่าตรวจไปแล้ว 494 แห่ง พบสถานบริการ สถานประกอบการ และคล้ายสถานบริการ พบปัญหาลักษณะทางเข้าออก หรือประตูทางออก 83 แห่ง สั่งปิดแล้ว 3 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินคดี 2 แห่ง แก้ไขเรียบเรียบร้อยแล้ว 4 แห่ง ออกหนังสือให้แก้ไข 12 แห่ง และอยู่ระหว่างออกหนังสือให้แก้ไข 62 แห่ง โดยให้เวลา 7 วัน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ตรงตามมาตรฐาน 7 วัน

ส่วน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่าสถานประกอบการทั้ง 83 แห่ง ไม่ตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น บางรายตักเตือนด้วยวาจา เพราะเป็นเรื่องที่ปรับปรุงได้โดยเร็ว แต่บางรายที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการ จำเป็นต้องสั่งปิด หากไม่แก้ไขจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่าสำนักงานเขตจะต้องมีแผนการตรวจมาตรฐานความปลอดภัย ร่วมกับสำนักการโยธาตรวจเรื่องโครงสร้าง การใช้พื้นที่ และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องตรวจวัสดุ ความเสี่ยง และระบบไฟ กทม.พยายามตรวจสถานประกอบการทุกที่ที่มีข้อสงสัย ร่วมมือกับตำรวจและหน่วยงานอื่นให้รอบคอบรัดกุมขึ้น ขอให้สถานประกอบการสื่อสารเรื่องประตูทางออก และวัสดุไวไฟไปยังประชาชนที่ใช้บริการอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในยามฉุกเฉิน

ขณะที่นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกทม. กล่าวว่าสถานประกอบการที่ไม่ตรงตามมาตรฐานส่วนใหญ่เป็นเรื่องตรวจจับควันไฟ ถังดับเพลิงมีไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด ทางหนีไฟ แสงสว่างและไฟสำรอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน