ขัดธุรกิจ-ทับเส้นทางแย่งลูกค้า อุกอาจขับรถไล่ชน-สาดกระสุน ผู้การอยุธยาปิดกรุงเก่าล่าจับ รวบแล้ว13คน-ปืนอีก7กระบอก

อุกอาจกลางถนนเมืองกรุงเก่า 2 โรงน้ำแข็งเปิดศึกสาดลูกปืนใส่กัน ขัดแย้งวิ่งทับเส้นทางมีเรื่องยกพวกปิดล้อมข่มขู่เป็นประจำ ชาวบ้านแจ้งกำนันมีเรื่องกันอีกนำกำลังไประงับเหตุจนทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกัน แต่ไม่วายขับรถไล่ล่าชนกันจนเกิดยิงปะทะกลางถนนบาดเจ็บ 2 ราย ทีมกำนันชาร์จจับได้ 4 คาที่เกิดเหตุ ผู้การอยุธยาสั่งดำเนินคดีเด็ดขาดไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ยืนยันเข้มงวดตรวจจับอาวุธปืนตลอด คาดอาวุธที่ใช้มีใบอนุญาตให้มีเพื่อป้องกันตัว แต่เอามาใช้ยิงถล่มกัน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ส.ค. พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนคร ศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจากนายไชยณรงค์ จันทร์สีดา กำนันตำบลเกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเหตุยกพวกยิงถล่มกันบนถนนวัดใหญ่ชัยมงคล-วัดพนัญเชิง ต.คลองสวนพลู อ.พระนคร ศรีอยุธยา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ จับชายวัยรุ่น 4 คน พร้อมรถกระบะโตโยต้า สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก 9037 นครราชสีมา ทั้งหมดเป็นคนของโรงน้ำแข็งพันล้าน พระนครศรีอยุธยา อ.อุทัย

อุกอาจ – ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา สกัดจับเด็กโรงน้ำแข็ง 2 โรงใหญ่ เปิดศึกยิงถล่มกันกลางเมือง รวบตัวได้ 4 คน ยึดอาวุธปืน 4 กระบอก ส่วนอีกรูปวงจรปิดเผยเหตุการณ์ปิกอัพขับเลี้ยวออกมาสกัดรถยนต์สีแดงจนเกิดการ ชนกันขึ้นแล้วต่างฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงกันบาดเจ็บ 2 ราย จากนั้นมีรถตู้ชายฉกรรจ์ตามมาชักปืนไล่ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

ตรวจค้นในรถพบอาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม. 2 กระบอก ขนาด .38 อีก 2 กระบอก ใกล้กันพบรถยนต์โตโยต้าสีขาวตอนเดียว ทะเบียน บว 8200 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถส่งน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งอโยธยา สภาพด้านหน้าถูกชนพังเสียหาย ฝากระโปรงรถมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืน บนถนนพบปลอกกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวนมากเกลื่อนถนน ส่วนผู้บาดเจ็บมีบาดแผลถูกกระสุนปืนเฉี่ยวบาดเจ็บเล็กน้อย ถูกส่งรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ก่อนจึงคุมตัวผู้ก่อเหตุและผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดประมาณ 9 ราย ไปสอบปากคำที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา

เมื่อถึงที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์ฮัมเมอร์สีแดงไปจอดอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจแล้ว สภาพมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณกระจกหน้ารถ ด้านหน้ามีรอยเฉี่ยวชน นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะบรรทุกน้ำแข็ง สีขาว ของโรงน้ำแข็งพันล้าน มีรอยเฉี่ยวชนด้านหน้า พร้อมกับคนขับเข้ามาแจ้งความ นายสุริยา ซิง อายุ 30 ปี คนขับรถส่งน้ำแข็งเผยว่า ช่วงเช้าขับรถไปส่งน้ำแข็ง แล้วถูกกลุ่มของ โรงน้ำแข็งอโยธยา กว่า 10 คัน ปิดล้อมไว้จึงโทรศัพท์แจ้งกับทางโรงน้ำแข็งพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่เกิดทะเลาะวิวาทกันแล้วหลบหนีมาจนมาเกิดอุบัติเหตุขับรถชนกัน แล้วมีการใช้อาวุธปืนยิงกัน ก่อนหน้านี้ตนพร้อมกับเพื่อนเคยถูกทำร้ายร่างกายมาแล้ว

นายไชยณรงค์เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีกลุ่มรถส่งน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งอโยธยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.เกาะเรียน มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันกับโรงน้ำแข็งพันล้าน พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ อ.อุทัย มีการปิดล้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่กัน มาก่อนหน้านี้แล้ว กระทั่งรับแจ้งอีกว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการปิดล้อมรถและทะเลาะวิวาทกันอีกที่ริมถนนอยุธยา-บางปะอินสายใน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบพร้อมกับนำกำลังผู้ใหญ่บ้านไปควบคุมสถานการณ์ กลุ่มรถน้ำแข็งทั้ง 2 โรง พากันแยกย้ายหลบหนีและขับรถไล่กวดกัน จึงติดตามไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่ารถกระบะทั้งสองฝ่ายเฉี่ยวชนกระทั่งมีการเปิดฉากยิงกันขึ้น จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่ารถกระบะบรรทุก น้ำแข้งของโรงน้ำแข็งอโยธยาขับเลี้ยวออกมาจากซอยใกล้กันย้อนศรพุ่งสกัดรถยนต์ฮัมเมอร์ สีแดง ทะเบียน กจ 9 สิงห์บุรี กลุ่มของโรงน้ำแข็งพันล้าน พระนครศรีอยุธยา จนเกิดการชนกันแล้วต่างฝ่ายลงจากรถมาใช้อาวุธปืนยิงกันชุลมุน ก่อนที่รถฮัมเมอร์จะขับหลบหนีไป โดยรถตู้ขอนายไชยณรงค์กำนันตำบล เกาะเรียนที่ขับตามมาจะลงไประงับเหตุ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง








Advertisement

นาทีจับ – ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา สกัดจับกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุยิงถล่มกันกลางเมือง โดยรวบตัวได้ 4 คน พร้อมอาวุธปืนรวม 4 กระบอก สาเหตุจากเขม่นกันเรื่องวิ่งทับเส้นทางส่งน้ำแข็งระหว่าง 2 โรงน้ำแข็งใหญ่ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

ด้านพล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด หากการสอบสวนมีพยานหลักฐานมีพยานบุคคลมีพยานวัตถุที่ระบุว่าผู้ใดกระทำความผิดอะไรได้บ้าง เช่น การครอบครองอาวุธปืน การใช้อาวุธปืนจะดำเนินคดีทันที ไม่มีการละเว้นหรือช่วยเหลือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งในการทางธุรกิจส่งน้ำแข็งอาจจะทับเส้นทางกัน ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกวาดล้างจับกุมอาวุธปืนไปแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่มีการใช้ในการก่อเหตุ อาจจะเป็นอาวุธปืนที่มีการขออนุญาตไว้ใช้สำหรับในการป้องกันตัว แต่นำมาใช้ในการก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน

นายพิษณุ แก้วกระจ่าง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทางตนเองและกำนัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือหุ้นส่วนกับทางโรงน้ำแข็งอโยธยาแต่อย่างใด รู้จักกันเพียงแค่โรงน้ำแข็งตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลเกาะเรียนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ กลุ่มรถส่งน้ำแข็งมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน เราทราบจากบ้าน เคยไปห้ามปรามแล้ว จนก่อนเกิดเหตุมีการทะเลาะวิวาทกันอีกมีการล้อมรถกัน ชาวบ้านแจ้งมาจึงออกไปดู มีการโชว์อาวุธปืนออกมานอกรถ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับติดตามรถไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดักสกัดตามจุดต่างๆ แต่รถของโรงน้ำแข็งทั้ง 2 ฝ่ายเจอกันก่อนจึงเกิดการชนกันและใช้อาวุธปืนยิงถล่มก่อน

นายเทพ ขอสงวนนามสกุล อายุ 42 ปี คนขับ ส่งน้ำแข็งของโรงงานน้ำแข็งพันล้าน ตนเองหวาดกลัวมาก ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. เคยมาส่งน้ำแข็งใ ตำบลเกาะเรียนแล้ว มีปัญหากับทางกลุ่มของ โรงน้ำแข็งอโยธยา แล้วเกิดมีปากเสียง กลุ่มของตนเองถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีนายไชยณรงค์ จันทรสีดา พร้อมกับพวกทำร้ายร่างกาย ได้แจ้งความเอาไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว

สำหรับผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายสหชาติ หรือ อาร์ม มานะเปรม อายุ 34 ปี อยู่ในรถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อฮัมเมอร์ สีแดง และนายวินัย สนธิสุวรรณ อายุ 33 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว รถน้ำแข็งโรงน้ำแข็งอโยธยา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ค่ำวันเดียวกันที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ระดมพนักงานสอบสวน กว่า 10 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวนกลุ่ม ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม และสอบสวนผู้บาดเจ็บ กลุ่ม กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตั้งแต่ช่วงบ่าย จนล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น.

พล.ต.ต.พัลลภ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คน มีทั้งกลุ่มของโรงงานน้ำแข็งอโยธยา โรงน้ำแข็งพันล้าน และกลุ่มของกำนันตำบลเกาะเรียน พบผู้กระทำความผิดกฎหมาย จำนวน 13 ราย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พยายามฆ่า ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตรวจยึดยานพาหนะ 4 คัน ตรวจยึดอาวุธปืน 7 กระบอก การจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาให้การรับสารภาพทุกคน ยังมีการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมหากพบการกระทำความผิดหรือมีบุคคลกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเฉียบขาด

ในกลุ่มของผู้ต้องหาแบ่งเป็นฝ่ายโรงน้ำแข็งอโยธยา 2 คน ฝ่ายของโรงน้ำแข็งพันล้าน จำนวน 8 คน และฝ่ายของกำนันตำบล เกาะเรียน จำนวน 3 คน ส่วนของความผิดมากน้อยจะต่างกันอยู่ที่พฤติกรรม และพยาน หลักฐาน จากการสอบสวน การทะเลาะวิวาทเกิดจาการขัดแย้งทางธุรกิจการส่งน้ำแข็ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน