ชุมนุมคึกคักแน่น‘มธ.’ ชูเลือกตั้งแลนด์สไลด์

ชุมนุมกันคึกคัก ม็อบ 10 สิงหาคม ลานพญานาค ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต นักศึกษา นักกิจกรรมจากหลากหลายกลุ่มรวมทั้งคนเสื้อแดงก็มาร่วมด้วย รวมพลังประกาศเจตนารมณ์ประชาธิปไตยต้องไปต่อ ตั้งโต๊ะล่าชื่อเรียกร้องปล่อยเพื่อนเรา วางดอกไม้จันทน์หน้ารูป ‘บิ๊กตู่’ ลั่นเลือกตั้งครั้งหน้าต้องแลนด์สไลด์เพื่อขับไล่ ‘ประยุทธ์’ แก้รัฐธรรมนูญ ตลอดจนกฎหมายที่ออกโดย คณะรัฐประหารส่งผลกระทบต่อประชาชน ถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรม

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดชุมนุมแสดงเจตนารมณ์ประชาธิปไตยต้องไปต่อ นอกจากกลุ่มนักศึกษาที่ทยอยมาร่วมแล้วยังมีกลุ่มคน เสื้อแดงด้วย พร้อมทั้งเข้มงวดมาตรการป้องกัน โควิด โดยเชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.คลองหลวง ตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าร่วมชุมนุม และมีเจ้าหน้าที่สแกนอาวุธอีกจุดหนึ่ง ให้เข้าออกทางเดียวเพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายแนวร่วมอีกหลายกลุ่มเข้าร่วมกิจกรรม อาทิ กลุ่มนนทบุรีไม่เอาเผด็จการ ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อผู้ชุมนุมเขียนจดหมายถึงผู้ต้องหาคดีทางการเมือง และคดี 112 ที่ยังอยู่ในเรือนจำ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว รวมทั้งโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ จัดกิจกรรมไว้อาลัยต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยการวางดอกไม้จันทน์หน้ารูปพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งบูธล้อเลียนการเมือง และป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ และปล่อยเพื่อนเรา เป็นต้น

ม็อบ10ส.ค. – น.ศ.และประชาชนชู 3 นิ้วพรึบ ระหว่างร่วมชุมนุม ‘10 สิงหา ทวงประชาธิปไตย ต้อง ไปต่อ’ จัดโดยสภานักศึกษา มธ. มีผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างคึกคัก แน่นบริเวณลานพญา นาค มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.

ต่อมาเวลา 18.00 น. เปิดเวทีอย่างเป็นทางการ เริ่มด้วยการอ่านบทกลอน แกนนำสลับขึ้นปราศรัย โดยช่วงแรกเน้นถึงเรื่องการบริหารจัดการการศึกษาภายใน ม.ธรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเรื่องค่าเทอม การแต่งกาย เรื่องเสรีภาพของนักศึกษา และการบริหารงานของผู้บริหารมหาวิทยาลัย พร้อมเรียกร้องให้นักศึกษาออกมาร่วมกันลงชื่อเพื่อจะนำไปยื่นต่อรัฐสภา ให้เปลี่ยนแปลงพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ตัวแทนนักศึกษาเข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบการทำงานของมหาวิทยาลัย

จากนั้นนายธัชพงศ์ แกดำ กล่าวปราศรัยถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่เปรียบเสมือนเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ และสร้างความหวังใหม่ที่จะสร้างความเป็นมนุษย์ และความเท่าเทียม ซึ่งตั้งแต่ประกาศ 10 ข้อเรียกร้อง แม้ข้อเรียกร้องทั้งหมดจะยังไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียม

ขณะที่นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ ไอลอว์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องเลือกแบบแลนด์สไลด์ เพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป นอกจากนี้ข้อกฎหมายต่างๆ ที่ออกโดยคณะรัฐประหาร ซึ่งส่งผล กระทบกับประชาชนเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 จึงจำเป็นต้องแก้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกดำเนินคดีให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงแก้รัฐธรรมนูญใหม่ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำลายมรดกคณะรัฐประหารได้ และประชาชนจะต้องเผชิญกับระบบการเมืองเดิมอย่างแน่นอน

เวลา 19.20 น. นายธนพัฒน์ กาเพ็ง กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้กับการแบ่งชนชั้น และเพื่อความเท่าเทียมของมนุษย์ แม้ในประเทศจะมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็จริง แต่ปัจจุบันประชาชนกลับไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยังมีการกดขี่จากชนชั้นปกครอง จึงจำเป็นต้องเกิดการต่อสู้ เพราะผู้ที่ออกมาเรียกร้องส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกกดขี่

ส่วนนายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ กล่าวปราศรัยถึงการบริหารประเทศเป็นลักษณะรวมศูนย์อำนาจ ไม่เห็นถึงความสำคัญ การกระจาย อำนาจไปยังจังหวัดเล็กๆ ทำให้การจัดสรรงบประมาณไม่ทั่วถึง และให้จังหวัดเล็กๆ เหล่านั้นไม่สามารถพัฒนาได้เท่าเทียมจังหวัดใหญ่ๆ ทั้งที่ประชาชนต่างเสียภาษี รวมถึงทรัพยากรในพื้นที่ให้กับรัฐเช่นเดียวกัน จึงเห็นถึงความเหลื่อมล้ำจากการบริหารดังกล่าว จึงเป็นเหตุสำคัญที่มีการการเรียกร้องเลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เพราะเป็นการกระจายอำนาจที่สำคัญ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากส่วนกลางบริหารงานในพื้นที่อย่างน้อย 2-3 ปีก็ย้ายไปจังหวัดอื่นจึง ทำให้ความต่อเนื่องในการพัฒนาลดลง ต่างจากผู้ว่าราชการที่ได้มาจากการ เลือกตั้งที่ยึดโยงกับประชาชนได้มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย มาร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน