เห็นพ้องกับDSI จ่อนำตัวส่งศาล พร้อม3ลูกน้อง

‘อัยการสูงสุด’ ชี้ขาดสั่งฟ้อง ‘ชัยวัฒน์’ อดีตหัวหน้าฯ แก่งกระจาน กับลูกน้องรวม 4 คน คดีร่วมกันฆ่า ‘บิลลี่’ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 57 เอาผิด 4 ข้อหาหนัก ก่อนหน้านี้อัยการฟ้องเฉพาะข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ ‘ดีเอสไอ’ แย้ง จึงทำสำนวนส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด ด้าน ‘ปลัดทส.’ ยันไม่มีผลต่อการกลับเข้ารับราชการของชัยวัฒน์ อ้างเป็นคนละคำสั่งของศาลปกครอง

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่ามีคำสั่งชี้ขาดความเห็นเเย้ง โดยให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คน ฐานร่วมกันฆ่านายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าขั้นตอนหลังจากนี้ สำนวนถูกส่งมายังนายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จากนั้นจะจ่ายสำนวนไปให้อัยการสำนักงานคดี พิเศษ 1 เพื่อออกหมายนัดนายชัยวัฒน์กับพวกมายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนั้น ประกอบด้วยนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้,

ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของ ผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย และร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 มีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์และพวกหลายข้อหา คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีอาญาให้สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาคดีระหว่างน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายพอละจี กับพวกรวม 2 คน ผู้กล่าวหานายชัยวัฒน์กับพวก

โดยขณะนั้น นายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จ่ายสำนวนให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 พิจารณาตั้งคณะทำงาน โดยคณะทำงานร่วมกันตรวจพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานพอฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหาร่วมกันเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเห็นควรฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด








Advertisement

ส่วนข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนายพอละจีนั้น คณะทำงานเห็นว่าไม่มีประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาทั้งสี่ร่วมกันกระทำผิด มีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นเเย้งคำสั่งของอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 จึงส่งสำนวนกลับมาให้อัยการสูงสุด จนกระทั่งชี้ขาดสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวกรวม 4 คน ฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่นๆ ประกอบในสำนวน

นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้อัยการคดีพิเศษเคยมีความเห็นสั่งฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ มิชอบ เเละฐานสนับสนุนกับผู้ต้องหาที่ 4 ไปเเล้ว ส่วนข้อหาอื่นที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น อธิบดีดีเอสไอเเย้ง ต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาดเห็นเเย้ง โดยให้ฟ้อง 4 ข้อหาข้างต้น แต่ไม่ฟ้องข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานยักยอกและปล้นทรัพย์ โดยในคำชี้ขาดของอัยการสูงสุดระบุชัดเจนให้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง หลังจากนี้หากอัยการสำนักงานคดีพิเศษร่างฟ้องเสร็จ ก็จะนำผู้ต้องหาทั้งหมดยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดี ทุจริตฯ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เเละข้อหาที่อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องคดีต่อไป

ส่วน น.ส.พิณนภา หรือ มึนอ ภรรยานายพอละจี กล่าวว่า รอฟังข่าวนี้มานานจนรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าถามชาวบ้านญาติพี่น้อง ถ้าเขารับรู้เขาน่าจะพอใจ พวกเขายังยืนยันว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต หลังจากนี้ต้องปล่อยให้กฎหมายดำเนินการต่อไป ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ทุก วันนี้ก็มีบ้างที่กลัว ยิ่งเมื่อมีข่าวนายชัยวัฒน์ได้กลับเข้ามารับราชการ แต่ไม่รู้จะอย่างไรได้ เพราะต้องทำมาหากินกับเลี้ยงลูกทั้ง 5 คนต่อไป

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวกคดีฆ่านายพอละจี และจะมีผลต่อการกลับเข้ารับราชการของนายชัยวัฒน์หรือไม่ว่า เป็นคำสั่งคนละส่วนกัน การให้นายชัยวัฒน์กลับเข้ามารับราชการเป็นคำสั่งของศาลปกครองเพชรบุรี ให้ทุเลาการบังคับคดีให้นายชัยวัฒน์กลับเข้ามารับราชการไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน