อัยการนัด5กย.นำตัวฟ้องศาลคดีฆ่า-‘บิลลี่’!

‘ชัยวัฒน์’ อดีตหัวหน้า อุทยานฯ แก่งกระจาน พร้อมลูกน้องรวม 4 คน โผล่ดีเอสไอรับข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คดีฆ่า ‘บิลลี่’แกนนำชาวบ้านบางกลอย รวมถูกดำเนินคดีทั้งหมด 9 ข้อหา เจ้าตัวลั่นพร้อมสู้คดีชั้นศาล ยืนยันไม่ได้ทำ ส่วนอธิบดีดีเอสไอยันไม่หนักใจ ยึดตามพยานหลักฐาน ขณะที่อัยการพร้อมนำตัวส่งฟ้องศาลวันที่ 5 ก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่ม 2 ข้อหา คดีร่วมกันฆ่านาย พอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ไม่หนักใจข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนที่ถูกแจ้งเพิ่มก่อนหน้านี้ เพราะข้อหาร่วมกันฆ่าต้องมีอาวุธด้วย แต่กรณีนี้แจ้งฆ่าโดยไม่มีอาวุธ ขาดความสมบูรณ์ ส่วนการแจ้งข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้อาวุธ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในตัวเองว่าไม่ได้ทำ จะได้พิสูจน์กันในชั้นศาล ยืนยันไม่ได้ทำ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเหตุเกิดเมื่อไหร่ ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง วันที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานจึงจะรู้ว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง

รับข้อหาเพิ่ม – นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน พร้อมพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหาคดีอุ้มหายนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย เข้ารับข้อหาเพิ่มเติมที่ดีเอสไอ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.

“เรื่องนี้พูดกันทุกปีทุกเทศกาล เรื่องนี้ต้องใช้หลักวิทยาศาตร์ด้วย ก็เชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ทำ พร้อมเข้าสู่ชั้นศาล ต่อไปจะได้ไม่ต้องถามว่าบิลลี่อยู่ไหน ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีต้องรอวันยื่นฟ้องก่อนจึงจะได้เห็นหลักฐานต่างๆ เพื่อสู้คดีต่อ ยอมรับไม่ทราบว่าเกิดเหตุเมื่อไหร่” นายชัยวัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีได้กลับเข้ารับราชการ อาจถูกมองว่าคุกคามพยานและผู้เกี่ยวข้อง นายชัยวัฒน์ว่าไม่เคยคุกคามผู้อื่น มีแต่ถูกคนอื่นและบางองค์กรคุกคาม ตั้งแต่เกิดคดีนี้โดนคุกคามตลอด เมื่อถึงวันครบรอบที่บิลลี่หายตัวไปมาถึงวันนี้ก็ยังโดนคุกคาม ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าตนจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน เพราะคดีนี้ไม่มีหลักฐาน เนื่องจากตนและน้องๆ อีก 3 คน ไม่ได้ทำ

“ขออย่ากังวลว่าการกลับมารับราชการจะไปยุ่งเกี่ยวกับคดี หรือไปคุกคามใคร แต่ผมน้อยใจที่ถูกคุกคามจากองค์กรหนึ่ง ยืนยันว่าตัวเองไม่มีอิทธิพล” อดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจานกล่าว








Advertisement

ด้านนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตามกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 309 ร่วมกันข่มขืนใจ ผู้อื่น โดยใช้อาวุธ ทำให้เกิดอันตรายต่อสิทธิเสรีภาพและทรัพย์สิน ส่วนข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้แจ้งไปก่อนแล้ว จนถึงขณะนี้รวมแจ้งข้อกล่าวหา 9 ข้อหาแล้ว ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และจะนำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ส่งอัยการวันที่ 5 ก.ย. เพื่อสั่งฟ้องศาลต่อไป

“วันนี้เป็นการดำเนินการขั้นตอนสุดท้ายของดีเอสไอตามที่อัยการสั่งมา ไม่หนักใจ เพราะดีเอสไอยึดตามพยานหลักฐาน ให้เกียรติทุกฝ่าย” อธิบดีดีเอสไอกล่าว และว่า ส่วนการที่นายชัยวัฒน์กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง จะไม่มีผลต่อการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้กดดัน เพราะในชั้นสอบสวนดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และจะส่งให้ชั้นอัยการพิจารณาต่อไป ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าถูกคุกคามนั้นยังไม่มีรายละเอียด

ขณะเดียวกัน นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าคณะทำงานอัยการร่างฟ้องเตรียมพร้อมหมดแล้ว วันที่ 5 ก.ย. ถ้านายชัยวัฒน์กับพวกทุกคนเดินทางมา อัยการจะนำตัวส่งฟ้องต่อศาลแน่นอน เพราะทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว แต่ถ้านายชัยวัฒน์กับพวกไม่มา ก็จะแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวมา ถ้าติดตามตัวไม่ได้ก็ขออนุญาตศาลออกหมายจับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน