‘สมชัย เจริญชัยฤทธิ์’ชาวบ้านช่วยแต่ไม่ทันเจ้าพระยา ยังล้นปทุมอ่างทองพังแบริเออร์จี้ให้ระบายขังกว่าเดือน

อดีตส.ส.สังเวยน้ำท่วม ‘สมชัย เจริญชัยฤทธิ์’ ในวัย 86 ปี ขับเก๋งฝ่าน้ำไหลเชี่ยวท่วมถนนถูกซัดตกทุ่งนาจมน้ำเสียชีวิต ขณะที่อ่างทองยังวุ่น ชาวบ้านป่างิ้ว ทนถูกน้ำท่วมขังนานนับเดือนไม่ไหว ลุยรื้อแท่งแบริเออร์เกาะกลางถนนระบายน้ำข้ามฝั่ง เจ้าของฟาร์มนกกระทาอ่วม น้ำท่วมนกตายยกฟาร์ม 2 แสนตัว อยุธยายังกางเต็นท์นอนบนถนน นายกเล็กเยี่ยมครอบครัวอาศัยเมรุวัดอยู่ น้ำท่วมบ้านสูงยังกลับเข้าไปอยู่อาศัยไม่ได้ ชุมชนเมืองปทุมธานีริมเจ้าพระยายังท่วมหนัก ทั้งบ้าน-โรงเรียน-ศูนย์เด็กเล็ก-วัดดังเจดีย์มอญ

อดีตส.ส.จมดับ – นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ อายุ 86 ปี อดีตส.ส.นครสวรรค์ ขับรถเก๋งฝ่าน้ำท่วมถนนหลังตลาดวีระกร ต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากซัดรถตกถนนจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 ต.ค.

อดีตส.ส.ปากน้ำโพรถจมดับ
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เวลา 14.00 น. ร.ต.อ. ราเมศ มหึเมือง ร้อยเวร สภ.บางม่วง ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถยนต์ถูกน้ำที่ท่วมพัดตกถนนแล้วจมหายไปในทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วมสูง 3-4 เมตร เหตุเกิดบนถนนสายนอกเมือง ที่ไปทางด้านหลังตลาดวีระกร บริเวณโค้งตาไพ่ ท้องที่ ต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า มีกลุ่มชาวบ้านหาปลา และทีมนักประดาน้ำจากชมรมกู้ภัยนครสวรรค์ นำอุปกรณ์การดำน้ำ และนำเรือมาช่วยกันค้นหา ทราบว่า เป็นรถเก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีน้ำเงิน ได้ขับรถฝ่ากระแสน้ำที่ท่วมถนน และไหลเชี่ยวแรงไปตามเส้นทาง ก่อนถูกกระแสน้ำพัดจมหายไป โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ได้รีบโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจุดเกิดเหตุที่มีน้ำท่วมถนนนั้น เป็นถนนเส้นทาง 2 เลน ที่เชื่อมระหว่างเขต ต.ปากน้ำโพ กับ ต.บึงเสนาท มีน้ำไหลแรงและท่วมสูงกว่าถนน 60 ซ.ม. หลังการค้นหานาน 2 ชั่วโมง คนหาปลารายหนึ่งที่ได้พายเรือร่วมค้นหาด้วยได้พบร่างของ นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์ หรือติ่งมิตซู อายุ 86 ปี อดีตส.ส.นครสวรรค์ ปี 2548 และ 2551 และอดีตกรรมาธิการการพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือเป็นคนดังที่ชาวนครสวรรค์ ต่างรู้จักเป็นอย่างดี

ต่อมาครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้มาดูศพและเผยด้วยความเศร้าสลดว่า นายสมชัยได้ขับรถเดินทางออกจากบ้าน ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวันเดียวกัน แต่ไม่ทราบว่าไปไหน จากนั้นได้มีนำร่างของนายสมชัยส่งไปตรวจพิสูจน์ศพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์แล้ว โดยเบื้องต้นทางครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด ส่วนรถเก๋งของผู้ตายยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ ต้องรอให้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายก่อน

33 จังหวัดยังท่วม
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลของร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักต่อเนื่องและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 16-20 ต.ค.ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา สตูล กระบี่ สงขลา และตรัง รวม 14 อำเภอ 38 ตำบล 172 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,898 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 11 อำเภอ 22 ตำบล 95 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,048 ครัวเรือน ดังนี้

สำหรับผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย รวมถึงความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ตลอดจนมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยช่วงวันที่ 28 ก.ย.-20 ต.ค. เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 59 จังหวัด 333 อำเภอ 1,673 ตำบล 10,271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 480,787 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่รวม 28 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นครนายก สระบุรี ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา รวม 139 อำเภอ 818 ตำบล 5,381 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 400,731 ครัวเรือน

เขื่อนเจ้าพระยาลดระบายอีก
ขณะที่ สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันเดียวกัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน อยู่ที่ 2,761 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.66 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 16.71 เมตร/รทก. และเขื่อนเจ้าพระยา มีอัตราการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 2,846 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงส่งผลทำให้ที่สถานี C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,689 ลบ.ม.ต่อวินาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ จ.ชัยนาท ยังคงมีน้ำท่วมสูงอยู่ โดยปภ.ชัยนาท รายงานว่า จ.ชัยนาท ได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง รวม 6 ตำบล 25 หมู่บ้าน อ.วัดสิงห์ รวม 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน อ.มโนรมย์ รวม 5 ตำบล 21 หมู่บ้าน อ.หันคา รวม 7 ตำบล 84 หมู่บ้าน อำเภอสรรพยา รวม 7 ตำบล 49 หมู่บ้าน อ.หนองมะโมง รวม 4 ตำบล 21 หมู่บ้าน อำเภอเนินขาม รวม 3 ตำบล 38 หมู่บ้าน และอำเภอสรรบุรี รวม 3 ตำบล 17 หมู่บ้าน และปัจจุบัน มีพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 8 อำเภอ 40 ตำบล 271 หมู่บ้าน มีน้ำล้นตลิ่งท่วมขังที่อยู่อาศัยของประชาชน 10,564 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายกว่า 53,593 ไร่ มีวัดที่ประสบอุทกภัย จำนวน 21 วัด และโรงเรียน จำนวน 14 โรงเรียน และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ จำนวน 3 ราย ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ประสบอุทกภัย อย่างเช่นที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ยังคงใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ต้องให้เรือสัญจรเข้าออกบ้าน ทางเทศบาลตำบลหาดอาษา ได้ดำเนินการนำถุงยังชีพลงเรือท้องแบนออกแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

‘บิ๊กตู่’ลุยน้ำท่วมสิงห์บุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยของจ.สิงห์บุรี ในวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ช่วงเช้าเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ไปสนามกีฬาอบจ.สิงห์บุรี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชน จากผวจ.สิงห์บุรี เวลา 09.00 น. เดินทางไปยังหมู่ที่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เพื่อลงเรือท้องแบนตรวจเยี่ยมประชาชนจำนวน 10 ครัวเรือน ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

จากนั้น ออกเดินทางไปยังวัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี โดยรถยนต์เพื่อแวะทักทายประชาชน บริเวณวัดจำปาทอง หมู่ที่ 5 ต.โพประจักษ์ อ.ท่าช้าง ซึ่งเป็นทางผ่านไปวัดพิกุลทอง จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์จะเดินลุยน้ำตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน จำนวน 30-40 คน บริเวณหมู่ที่ 3 ต.พิกุลทอง และเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเฮลิคอปเตอร์

ขวางทางน้ำ – ชาวบ้าน ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ฮือรื้อแท่งแบริเออร์กลางถนน 3064 เนื่องจากขวางทางน้ำไหล ทำให้ระดับน้ำไม่ลดท่วมขังชุมชน ได้รับความเดือดร้อนมานานนับเดือน เมื่อวันที่ 20 ต.ค.

จี้รื้อแบริเออร์ทำท่วมซ้ำ
ที่อ.เมือง จ.สิงห์บุรี พบว่าน้ำยังคงไหลเอ่อท่วมข้ามถนนเส้น สิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) ตั้งแต่บริเวณสี่แยกศาลหลักเมืองจนถึงวัดกระดังงา ระยะทางยาว 5 ก.ม.เศษ ยังคงมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมบ้านพักอาศัยที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กางเต็นท์พักอาศัยอยู่บนริมถนนตลอดสาย แม้น้ำจะไหลเอ่อล้นท่วมข้ามถนนก็ตาม ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. เพราะภายในบ้านยังคงมีน้ำท่วมสูงไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ บางส่วนต้องนำสัตว์เลี้ยงออกมาเลี้ยงบนริมถนนที่มีน้ำไหลเอ่อล้นข้ามถนนดังกล่าว ซึ่งบางช่วงน้ำไหลผ่านข้ามถนนค่อนข้างแรง ทำให้การใช้เส้นทางในสัญจรของประชาชนค่อนข้างยากลำบาก ขณะที่ กองทัพบก กองพลทหารปืนใหญ่ ค่ายสิริกิติ์ ได้จัดกำลังพลพร้อมยานพาหนะ ออกให้บริการ รับ-ส่ง ประชาชน

ที่จ.อ่างทอง หลังจากคันดินกั้นน้ำพังทลายลงหลายจุด ทำให้น้ำจากทุ่งขุนอินทประมูล ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงถนนสาย 3064 อ่างทอง-โพธิ์ทอง ตอนนี้ยังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะบริเวณแยกป่างิ้ว ฝั่งขาเข้าเมืองอ่างทอง รถยังสัญจรผ่านไม่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เปิดให้รถวิ่งในเลนสวนฝั่งขาออก และทางเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงอ่างทอง ได้นำแท่งแบริเออร์มาวางขวางช่วงเกาะกลางถนนไว้ ทำให้ชาวบ้านในเขตชุมชนอบต.ป่างิ้ว ไม่พอใจ รวมตัวกันออกมาถามหาความช่วยเหลือจากทางจังหวัด ให้รื้อ แบริเออร์ออก และนางศรีสุทธิ์ ศรีสุภาพ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่างิ้ว เพราะเป็นการขังน้ำให้ท่วมบ้านเรือนประชาชนซ้ำอีก

นกกระทาตายยกฟาร์ม 2 แสนตัว
ส่วนที่บริษัท เอนกฟาร์มนกกระทา จำกัด ตั้งอยู่ในหมู่ 2 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงนกกระทา และเป็นโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนกกระทา และเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอาเซียน มีเนื้อที่ 40 ไร่ หลังจากคันดินกั้นน้ำทุ่งอินทประมูลพังทลาย จึงถูกมวลน้ำที่ไหลข้ามถนนค่อยเพิ่มปริมาณเข้าท่วมสูงกว่า 2.30 เมตร โดยมวลน้ำเริ่มเอ่อเข้าท่วมตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 19 ต.ค. และเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว นกกระทาไข่ที่เลี้ยงไว้ จำนวนกว่า 200,000 ตัว จมน้ำตายยกเล้า

นายเอนก สีเขียวสด อายุ 64 ปี เจ้าของบริษัท เอนกฟาร์มนกกระทา จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมในปี 2565 ได้รับความเสียหายร้ายแรงกว่าเมื่อปี 2554 มวลน้ำเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว และไหลมาเร็วมาก ตนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน ฟาร์มนกกระทาและเครือข่ายขนาดนี้ ระดับน้ำสูงสุดกว่า 2.30 เมตร ค่าเสียหายในฝั่งของโรงงาน และฝั่งโรงเลี้ยงนกกระทาและบ้านพัก รวมถึงนกกระทาเลี้ยงไว้ จำนวนกว่า 200,000 ตัว จมน้ำตายยกเล้า อาหาร ปุ๋ยมูลนกกระทา และอาหารแปรรูปที่ทำจากนกกระทา รวมทั้งทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายกว่า 25 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อเครือข่ายผู้เลี้ยงและผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากนกกระทา และระดับนี้ยังเพิ่มปริมาณขึ้นต่อเนื่อง ยังไม่รู้ว่าจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขอขอบคุณหน่วยงานราชการ ทหาร เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เข้ามาช่วยเหลือ

ที่จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำขยายวงกว้าง ระดับน้ำยังคงท่วมสูง หลายครอบครัวต้องหนุนพื้นบ้านให้สูงเพื่อใช้เป็นที่หลับนอน หรือย้ายออกไปกางเต็นท์นอนริมถนน ขณะที่บางครอบครัวต้องย้ายไปนอนที่เมรุวัดวงศ์ฆ้อง ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา

นางวันทนา โสภี อายุ 60 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมลูกๆ ก็พาขึ้นมาอยู่ที่เมรุพักอาศัยอยู่บนนี้ทั้งทำกับข้าวนั่งเล่นถามว่ากลัวไหมบางครั้งก็กลัวอยู่ แต่ก็ต้องใจแข็งและต้องอยู่กับสถานที่แห่งนี้ให้ได้เพราะว่าเราไม่ได้มาลบหลู่ ทุกครั้งจะสวดมนต์ไหว้พระทุกคืน

ด้านพ.อ.อ.สุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่มาให้กำลังใจ ตรวจเยี่ยม พร้อมกับกล่าวว่า ทาง 2 ครอบครัวนี้มีความประสงค์ที่จะพักอาศัยอยู่ที่เมรุแห่งนี้แต่ทาง เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำโดย ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ได้จัดสถานที่ให้พักอาศัยให้และสั่งการให้เจ้าหน้าที่มาดูแล และมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

สุพรรณฯยังท่วมสูง 2 เมตร
ที่อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ระดับน้ำแม่น้ำสุพรรณอยู่ที่ 6.06 เมตร มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพ และประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา ลดลงอย่าง ต่อเนื่องเช่นกัน

ส่วนบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมริมแม่น้ำท่าจีนในเขต ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ทหาร ปภ. ผู้ใหญ่บ้าน อบต.รั้วใหญ่ เดินลุยน้ำมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมภายในซอย ที่มีระดับน้ำสูงจากถนนประมาณ 1.30 เมตร-2 เมตร ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมมากว่า 1 เดือนเเล้ว ต้องใช้เรือเข้า-ออก เพื่อออกมาทำงานภายนอกเพราะเส้นทางถนนภายในซอยหมู่บ้านได้ถูกตัดขาดน้ำเข้าท่วมขัง

ที่ต.กระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี เป็นที่ตั้งของสถานีสูบน้ำสำแล ของการประปานครหลวง (กปน.) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการรับน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองประปาตะวันออกเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปาเพื่อให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครได้ใช้อุปโภคบริโภค โดยระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแลเมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ลดลงอยู่ที่ 3.067 เมตร/รทก.

ส่วนวัดสำแล ที่อยู่ติดกันและตั้งอยู่บริเวณริมน้ำเจ้าพระยา มีน้ำท่วมสูงในบริเวณวัด ทั้งศาลา พระอุโบสถ เมรุ รวมถึงเจดีย์มอญ ส่วนอีกหนึ่งวัดที่อยู่ใกล้กันคือวัดโพธิ์เลื่อนก็มีน้ำท่วมสูงในบริเวณวัดเช่นกัน รวมทั้งชุมชนใกล้วัด ศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนต่างๆ ก็มีน้ำท่วมสูง

น้ำพองยังทะลักขอนแก่น
ด้านสถานการณ์ลำน้ำพอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ไหลลงสู่ลำน้ำพองนั้น ยังเอ่อล้นพื้นที่การเกษตรขึ้นมาท่วมผิวจราจรบนถนนอีกหลายสาย ทั้งถนนสาย ต.ท่ากระเสริม-ต.หนองตูม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ระดับน้ำสูง 20-40 ซ.ม. แต่กระแสน้ำไหลเชี่ยว รถเล็กต้องขับอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งตลอดทั้งสาย มีน้ำท่วมถนนเป็นระยะ และเส้นทางหลักอีกจุดคือบริเวณ สี่แยกเคียมห้วย ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น มุ่งหน้าไป พระธาตุขามแก่น อ.น้ำพอง ยังคงปิดช่องทางการจราจร 1 เลน ระยะทางกว่า 200 เมตร ถูกน้ำท่วมสูง 70 ซ.ม. ต้องใช้เส้นทางบ้านโคกสีแทน ขณะที่พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายรวมกว่า 8,000 ไร่

กาฬสินธุ์เร่งซ่อมพนังขาด
ที่จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผวจ. รักษาราชการผวจ.กาฬสินธุ์ ยังคงนำเจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 6 ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบท แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ชลประทาน เจ้าหน้าที่ ส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เจ้าหน้าที่อบจ.กาฬสินธุ์ กำลังทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าซ่อมแซมพนังกั้นลำน้ำชีที่ขาดถึง 50 เมตร ตั้งแค่คืนวันที่ 16 ต.ค. เพราะน้ำที่ไหลบริเวณนี้ อยู่หลักก.ม.ที่ 6 บ้านสะดำศรี อ.ฆ้องชัย มวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและได้รับผลกระทบถึง 1,017 ครัวเรือน 11 หมู่บ้าน 3 ตำบล ทำให้หลายจุดบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร เขตอ.ฆ้องชัย และยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายเพิ่ม นอกจากนี้มวลน้ำกำลังไหลเข้าท่วมพื้นที่อีก 2 ตำบล ในเขตอ.กมลาไสยด้วย โดยมีพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่

นายศุภศิษย์กล่าวว่า คาดว่าภายใน 7-10 วันหากไม่มีเหตุสุดวิสัยหรือฝนตก หรือมีมวลน้ำมหาศาลไหลเข้ามาอีก จะปิดรอยแตกนี้ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งซ่อมพร้อมกัน 2 ฝั่ง โดยการนำกล่องหินแกเบรียลมาวางทับซ้อนและใช้กระบวนการทางวิศวกรรมในการซ่อมสร้างตามลำดับ เพื่อความรวดเร็ว โดยขณะนี้มีความคืบหน้าซึ่งดำเนินการซ่อมแซมเป็นระยะทาง 9-10 เมตร หรือ 20% เพื่อให้การก่อสร้างเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดในการสกัดกั้นมวลน้ำไม่ให้เข้าท่วมขยายวงกว้างออกไปอีก นอกจากนี้ยังได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอดส่องดูแลประชาชนยังศูนย์อพยพ ยังห้องประชุมที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม

อช.เจ้าไหมปิดเที่ยว-ห้ามออกทะเล
ที่จ.ภูเก็ต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัย มูลนิธิกุศลธรรม ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ของสทท.ภูเก็ต ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนเขารัง สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัย 8 ราย ที่ติดอยู่ภายในห้องพักเหตุดินสไลด์บริเวณเชิงเขารังได้สำเร็จ ทุกคนปลอดภัย โดย 1 ในนั้นเป็นผู้สูงอายุ และสุนัขอีก 2 ตัว โดยได้นำผู้ประสบภัยเดินลัดเลาะตามเส้นทางป่าลงมาจากห้องพักที่ติดอยู่บริเวณเชิงเขารัง เนื่องจากมีดินสไลด์ลงมาทับเส้นทางไม่สามารถเข้าออกได้ สำหรับความเสียหาย เบื้องต้น เป็นรถยนต์กระบะ 1 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 6 คัน

ด้านจ.ตรัง ชาวบ้านใน 5 อำเภอ อ.เมือง, อ.สิเกา, อ.วังวิเศษ, อ.กันตัง และอ.ย่านตาขาว ยังต้องเผชิญกับภาวะฝนตกหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากแม่น้ำตรังเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนสองฝั่งแม่น้ำตรังและพื้นที่ลุ่มต่ำกว่าแล้ว 200 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่หมู่ 5 ต.บางรัก อ.เมือง ระดับน้ำท่วมสูง 20-90 ซ.ม. โดยเช้าวันเดียวกัน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 10 ซ.ม. จึงต้องทำกับข้าวและกินข้าวกันกลางน้ำ ส่วนที่หมู่ 4 ต.บางรัก ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 20-60 ซ.ม. และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำที่ไหลลงมาจากหลายอำเภอใน จ.ตรัง ประกอบกับเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมี น้ำท่วมซ้ำซาก

ขณะที่การท่องเที่ยวทางทะเล นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาด เจ้าไหม จ.ตรัง กล่าวว่าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้ปักธงแดงบริเวณริมชายหาดปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำทะเลโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะเป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยว สำหรับบรรยากาศที่บริเวณชายหาดปากเมงนั้น พบว่าในท้องทะเลมีคลื่นสูงและลมแรง อีกทั้งยังกำชับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวห้ามนำนักท่องเที่ยวออกทะเลโดยเด็ดขาด

สตูลยังท่วม 6 อำเภอ
ด้านนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.สตูล กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดสตูล ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม ตั้งแต่วันที่ 18 – 20 ต.ค.ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 6 อำเภอ 15 ตำบล 86 หมู่บ้าน 1,955 ครัวเรือน ประกอบด้วย อ.ทุ่งหว้า 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน 108 ครัวเรือน, อ.มะนัง 2 ตำบล 19 หมู่บ้าน 263 ครัวเรือน, อ.ละงู 5 ตำบล 41 หมู่บ้าน 1,411 ครัวเรือน, อ.ควนกาหลง 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน 60 ครัวเรือน, อ.ท่าแพ 1 ตำบล 7 หมู่บ้าน 31 ครัวเรือน และอ.เมือง 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน 45 ครัวเรือน

ปัจจุบัน สถานการณ์ ที่อ.ทุ่งหว้า อ.ควนกาหลง และอ.ท่าแพ ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีฝนตก ส่วนอ.มะนัง และอ.ละงู ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งต้องเฝ้าระวังแบะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอ.เมือง ยังมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่โดยเฉพาะ หมู่ 7, และหมู่8 ต.เกาะสาหร่าย ส่วนพื้นที่การเกษตร เบื้องต้นคาดว่าเสียหาย 2,190 ไร่

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน