นาน3เดือนแล้วอุตุเตือนยังมีอีก‘ฝน-มรสุมใหญ่’

อยุุธยาระทมหนักจมน้้ำ3 เดือนแล้ว เจ้าพระยาทะลัก15 อำเภอ 163 ตำบล กว่าพันหมู่บ้าน 7.6 หมื่่นหลังคาเรือนเฉพาะบ้านริมฝั่งน้ำท่วมเกือบ 9 พันหลัง ชุมชนบางปะอินท่วมสูงสุดถึง 2 เมตร เทศบาลต้องทำสะพานไม้ข้ามเชื่อมถนน ใช้เรือสัญจรแทนรถ เมืองอ่างทองระดมกั้นทรายป้องตลาด 100 ปี ย่านเศรษฐกิจสำคัญ แม้น้ำยังมาไม่ถึง แต่จัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ที่ท่าช้าง สิงห์บุรี บ้านจมแล้ว 237 หลัง น้ำเซาะถนนพังยาวเกือบกิโล ด้านชุมชนริมน้ำที่บางปะอิน อยุธยา ท่วมแล้ว 16 ตำบล เกือบ 9 พันหลัง พิษฝนหนัก ภูเก็ตระทึกตึกถล่มกลางดึกจากดินทรุด หนีตายโกลาหล ปิดกั้นพื้นที่ห้ามเข้า พบความเสียหาย 100% ซ่อมไม่ได้ต้องรื้อทิ้ง

เหนือ-อีสาน-ใต้ฝนยังหนัก
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วัน ระหว่างวันที่ 21-27 ต.ค.2565 ระบุว่า ช่วงวันที่ 21-22 ต.ค. ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนกลาง ทำให้ลมตะวันตกเฉียงใต้บริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามา ปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมี ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนช่วงวันที่ 23-27 ต.ค. ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนกลางได้เคลื่อนไปปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอล ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ และขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 22 ต.ค.

แจง‘บิ๊กตู่’ตรวจท่วมสิงห์บุรี
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการ เดินทางไปตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ที่จังหวัดสิงห์บุรี ในวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แม่ทัพภาคที่ 1 อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย นายกฯ มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผล กระทบจากอุทกภัย ยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งดูแลเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด

นายอนุชากล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เวลา 08.00 น. นายกฯ รีบออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอด ฮ. สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี ต.บางมัญ อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ณ ห้องรับรอง สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี จากนั้นจะออกเดินทางจากสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี ไปยังหมู่ที่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี โดยขบวนรถยนต์

ระทมหนัก – ชาวบ้านในชุมชนซอยบ้านบางลอพัฒนา 3 ม.1 ต.บางกระสั้น อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมสูงเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว เริ่มป่วยจากโรคเกี่ยวกับน้ำเน่าเสีย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.

จี้เร่งระบายท่วมขัง
จากนั้น เวลา 09.30 น. นายกฯ ลงเรือท้องแบน เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ณ หมู่ที่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จากนั้นจะออกเดินทางโดยขบวนรถยนต์ไปยังวัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ซึ่งระหว่างทาง นายกฯ จะแวะทักทายประชาชนบริเวณวัดจำปาทอง หมู่ที่ 5 ต.โพประจักษ์ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี เวลา 10.30 น. ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย บริเวณหมู่ที่ 3 ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ ถึงพล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 12.30 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

“การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ เพื่อติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชน ซึ่งในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ปภ.จังหวัดที่ประสบภัย ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป” นายอนุชากล่าว

สำหรับจ.สิงห์บุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.อินทร์บุรี อ.เมือง อ.ท่าช้าง อ.พรหมบุรี อ.บางระจัน และอ.ค่ายบางระจัน รวม 24 ตำบล 145 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,575 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว ซึ่งวันเดียวกัน เวลา 08.00 น. พื้นที่ทั้ง 6 อำเภอของจ.สิงห์บุรี ยังเป็นพื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง ตามรายงานข้อมูลคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย ของ ปภ.

มท.เร่งซ่อมบ้านหลังน้ำลด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่และการเยียวยาว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) กำลังดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ที่จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบมากจากปัญหาลุ่มน้ำมูนและ ลุ่มน้ำชี โดยจะดูเรื่องการดำเนินชีวิตของประชาชนในช่วงนี้ และหลังจากระบายน้ำจนฟื้นฟูได้แล้วจะเร่งฟื้นฟูประชาชนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว และเตรียมให้ประชาชนประกอบอาชีพได้ สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ไหลลงไปในพื้นที่เกษตรเสียเป็นส่วนใหญ่ หากฟื้นฟูได้ก็จะคอยดูแล

เมื่อถามว่าขณะนี้ได้สำรวจความเสียหายตามพื้นที่ต่างๆ เรียบร้อยแล้วหรือไม่ พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้ดูแลประชาชนความเป็นอยู่ที่ดีให้ได้ก่อน เพราะหลายพื้นที่ประชาชนยังอพยพอยู่ในศูนย์พักพิงจำนวนมาก เช่น จ.อุบลราชธานี ยืนยันว่าหากนำลงจะเร่งฟื้นฟูทันที และเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงการชดเชยการทำมาหากิน โดยเราจะเร่งสำรวจในช่วงสถานการณ์คลี่คลาย ตอนนี้ยังสำรวจไม่ได้เพราะน้ำยังมากอยู่

สิงห์บุรีจม 237 หลัง
ด้านสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.สิงห์บุรี พบว่ามวลน้ำแม่น้ำที่ไหลบ่าเอ่อล้นจากอ.พรหมบุรี ได้ไหลบ่าข้ามถนนสายสิงห์บุรี-ยางมณี สูง 20-30 ซ.ม. เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่หมู่ 1 ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง และพื้นที่ใกล้เคียง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 237 หลังคาเรือน และกระแสน้ำที่ไหลแรงได้กัดเซาะแนวริมถนน ทำให้ถนนเกิดการชำรุดเสียหายกว่า 800 เมตร การเดินทางสัญจรของประชาชนทั้งในพื้นที่หรือประชาชนทั่วไปค่อนข้างลำบากมาก ส่วนประชาชนยังขึ้นไปตั้งเต็นท์อยู่บนริมถนนเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว

ที่จ.อ่างทอง มวลน้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นไหลลงทุ่งแปดแก้ว ส่งผลกระทบไหลเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ของ อ.วิเศษชัยชาญ ใน ต.ไผ่ดำ ต.หัวตะพาน ต.ไผ่จำศีล ต.บางจัก และ ต.ศาลเจ้าโรงทอง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนขยายวงกว้าง ขณะที่นายวิชัย ลิมป์วัฒนะชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวิเศษไชยชาญ ได้ป้องกันเขตเศรษฐกิจตลาด 100 ปี ศาลเจ้าโรงทอง ที่ตอนนี้ยังไม่มีน้ำท่วมขัง โดยการวางกระสอบทรายบล็อกแนวเขื่อนในเขตเทศบาลตลอดแนว ความยาว 3 ก.ม. โดยมีการตรวจตราจัดเวรยามเฝ้าดูสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง หากไม่มีการเอ่อล้นของปลายน้ำแล้วเกิดปัญหามวลน้ำไหลย้อนกลับ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบในส่วนของตลาด ส่วนที่บริเวณแยกป่างิ้วที่ประชาชนฮือไปรื้อแบริเออร์เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ยังคงมีน้ำท่วมสูง รถเล็กยังสัญจรผ่านไม่ได้

ที่จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายน้ำลง แต่ยังคงมีการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอัตราที่สูง 2,756 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ยังคงส่งผลทำให้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและท่วมสูงในหลายพื้นที่ของจ.พระนครศรีอยุธยา มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจำนวน 15 อำเภอ 163 ตำบล 1,045 หมู่บ้าน 76,691 ครัวเรือน โดย อ.บางปะอินเป็นพื้นที่ท้ายน้ำซึ่งจะมีมวลน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก ไหลมา รวมกัน ชุมชนบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาถูกน้ำท่วมสูงถูกน้ำท่วมแล้ว 16 ตำบล 131 หมู่บ้าน 8,789 ครัวเรือน โดยที่ชุมชนซอย บ้านบางลอพัฒนา 3 หมู่ 1 ต.บางกระสั้น อ.บางปะอิน มีบ้านเรือน 160 หลังถูกน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ทางเทศบาลต้องทำสะพานไม้จากถนนไปในชุมชน บางจุดไม่สามารถทำสะพานได้เนื่องจากน้ำท่วมสูง ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจร

เร่งซ่อม – เจ้าหน้าที่ระดมเครื่องจักรซ่อมพนังกั้นแม่น้ำชีบ้านสะดำศรี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ที่ขาดกว่า 50 เมตร ล่าสุดอุดรอยขาดสองฝั่งได้แล้วรวม 17 เมตร ขณะที่มวลน้ำยังท่วมบ้านและถนนในวงกว้าง เมื่อวันที่ 21 ต.ค.

กาฬสินธุ์ซ่อมพนังแล้ว 17 เมตร
ที่ จ.นครราชสีมา จากอิทธิพลของพายุ “โนรู” และลมมรสุม ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.-20 ต.ค.มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 22 อำเภอ 128 ตำบล 1 เทศบาลนคร 734 หมู่บ้าน 48 ชุมชน บ้านเรือนน้ำท่วมขัง จำนวน 8,132 หลัง วัด 42 แห่ง โรงเรียน 39 แห่ง ถนน 190 สาย โรงสูบน้ำ 1 แห่ง และสถานที่ราชการ 9 แห่ง ได้รับความเสียหาย ส่วนพื้นที่การเกษตรเบื้องต้นเสียหายไปแล้วประมาณ 285,399 ไร่ ยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ อ.โนนไทย และ อ.ด่านขุนทด โดยสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 14 อำเภอ ขณะที่หลายภาคส่วนในจังหวัดเร่งระดมฟื้นฟูและให้การเยียวยาช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา นำโดยนายชัยวัฒน์ ชัยวรวัฒน์ รองประธานมูลนิธิ ได้นำถุงยังชีพกว่า 500 ชุดไปมอบ ช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนบ้านตะขบ หมู่ 4 อ.โนนสูง

ส่วนความคืบหน้าการซ่อมแซมพนังกั้นแม่น้ำชีที่ขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร บริเวณบ้านสะดำศรี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเข้าสู่วันที่ห้าในการซ่อม โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผวจ. รักษาราชการแทนผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องยังคงเข้าติดตามความคืบหน้าการซ่อมอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสามารถซ่อมแซมพนังรวม 2 ฝั่งได้ระยะทางกว่า 17 เมตรแล้ว เหลือระยะทางอีก 33 เมตร ขณะที่มวลน้ำที่ไหลทะลักจากพนังที่ขาดยังไหลเอ่อเข้าท่วมถนนทางหลวงหมายเลข 214 สายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ช่วงก.ม.23-ก.ม.28 บริเวณบ้านหนองบัว ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย ระดับน้ำสูง 10-15 ซ.ม. ซึ่งการจราจรผ่านได้ด้วยความระมัดระวัง

สำหรับภาพรวมผลกระทบจากพนังลำชีขาดล่าสุด มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.ฆ้องชัย และอ.กมลาไสย รวมจำนวน 6 ตำบล 20 หมู่บ้าน 917 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,853 คน ถนนจำนวน 7 สาย และพื้นที่การเกษตรกว่า 20,000 ไร่

พิษฝน – จนท.โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบอาคารตึกแถว 8 ห้อง 2 ชั้น ในซอยประยูร 2 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พังถล่ม สาเหตุจากดินสไลด์เพราะฝนตกหนักต่อเนื่องจนดินอุ้มน้ำไม่ไหว เมื่อวันที่ 21 ต.ค.

ภูเก็ตระทึกอีก-ตึกถล่ม
ที่ จ.ภูเก็ต เกิดเหตุระทึกเมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 23.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งเหตุตึกถล่มในซอยประยูร 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ภูเก็ต ปภ. เจ้าหน้าที่เทศบาลนครภูเก็ต เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 8 ห้อง 2 ชั้น สภาพทรุดถล่ม ปูนแตกเสียหาย มีรอยร้าวบริเวณฝาผนังราวบันไดชั้น 2 และมีรอยกะเทาะเสียหายหลายจุด ตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้ให้ผู้เช่าย้ายออกมาด่วน พร้อมปิดกั้นบริเวณไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในตึก ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ต่อมาเช้าวันเดียวกัน นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผวจ.ภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบพื้นที่ พบว่าตึกที่อยู่ด้านหลังได้ทรุดลงมายังตึกด้านหน้า ขณะที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ตได้เข้าตรวจสอบ สรุปทั้ง 2 ตึกที่ทรุดถล่มลงมาพบเสียหาย 100% ไม่สามารถซ่อมได้ ส่วนตึกที่เหลือขอตรวจสอบสภาพความแข็งแรง

นายสุวิทย์ พันธ์เสงี่ยม โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ขณะนี้ได้ปิดการอาศัยกับตึกทั้ง 2 หลังและอพยพพี่น้องประชาชนออกมาทั้งหมดแล้ว เนื่องจากว่าเป็นภัยพิบัติ เจ้าของน่าจะไม่มีความผิด เพราะเจ้าของตึกได้ยื่นขออนุญาตการก่อสร้างถูกต้องกับทางเทศบาล มีวิศวกรและสถาปนิกควบคุมเป็นไปตามแบบ แต่เนื่องจากว่าเป็นภัยธรรมชาติ เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลรัษฎา หลังจากนี้ทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจะเสนอความเห็นผ่าน ทางผวจ. และแจ้งมายังเจ้าพนักงานท้องถิ่นคือเทศบาลตำบลรัษฎาให้ดำเนินการรื้อถอน โดยให้เจ้าของตึกไปยื่นขออนุญาตรื้อถอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน