สลดดช.อุดรลงน้ำจมดับ ฟัน4คดีพลุบึ้มนครพนม

กทม.เผยสถิติจัดเก็บซากกระทง 572,602 ใบ มากกว่าปีที่แล้ว 169,367 ใบ ส่วนใหญ่เป็นวัสดุธรรมชาติแต่ลดจากปีที่แล้ว สวนทางกระทงโฟมที่เพิ่มขึ้น หลายจว.ระดมเก็บกระทงป้องน้ำเน่า สลดเมืองอุดร ด.ช.ลงน้ำเก็บเศษสตางค์จมดับ ผัวเมียชาวกรุงเก่าตกคลองระพีพัฒน์ริมเขื่อนพระราม 6 ผัวว่ายน้ำไม่เป็นแต่ปล่อยมือให้เมียว่ายกลับฝั่งเอาชีวิตรอด ก่อนจมหายไป กับตา ตำรวจนครพนมแจ้ง 4 ข้อหาหนัก พลุระเบิดในงานลอยกระทง ‘ลานพนมนาคา’ ริมแม่น้ำโขง บาดเจ็บ 25 ราย พบไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้อง นายกเล็กนครพนมรุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บแสดงความรับผิดชอบโดยการจะชดใช้และเยียวยาให้ทุกราย

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาลลอยกระทงเมื่อคืน วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกการจราจรในเทศกาลลอยกระทง ส่วนเหตุพลุระเบิด บริเวณลานพนมนาคา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม เบื้องต้นพบว่า หลังจากเปิดงานมีการจุดพลุจำนวน 3 ลูก โดยพลุลูกที่ 3 หลุดออกจากปล่องจุดไม่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า แตกกระจายไปบนพื้นโดนผู้คนที่มาเที่ยวงานได้รับบาดเจ็บ

พลุบึ้ม – ตำรวจนำตัวนายเพิก เมฆพร้อม อายุ 36 ปี คนจุดพลุ ทำแผนฯ เหตุการณ์พลุระเบิดในงานลอยกระทงลานพนมนาคา ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมือง จ.นครพนม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 25 ราย โดยนายเพิก ถูกตั้ง 4 ข้อหา เมื่อวันที่ 9 พ.ย.

ขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาทำแผลกลับบ้านหมดแล้ว ในทางคดีพบการจุดพลุไม่ได้ขออนุญาตโดยถูกต้อง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 3 ราย ซึ่งเป็นคนที่จุดพลุ ผู้ว่าจ้าง และบุตรสาวของผู้ว่าจ้าง ทำหน้าที่คอยส่งสัญญาณให้จุดพลุ ในข้อหากระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และทำให้เกิดเสียงดังจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเกิดความเดือดร้อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 221 ,390 และ 370 คดีนี้มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี

ส่วนการจัดทำพลุหรือจัดซื้อพลุอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลว่าได้ซื้อมาจากที่ใด และได้รับอนุญาตให้จำหน่ายหรือไม่เพื่อดำเนินคดีต่อไป สำหรับการชดใช้หรือเยียวยาค่าเสียหาย เทศบาลเมืองนครพนมแสดงความรับผิดชอบโดยการจะชดใช้และเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บทุกราย ทั้งนี้ สั่งการให้หน่วยลงไปตรวจสอบโดยละเอียดถึงสาเหตุอีกครั้ง เพื่อนำมาถอดบทเรียนในการป้องกันเหตุต่อไป

อีกเหตุเป็นกระสุนปืนตกใส่หลังคาบ้านประชาชนไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พื้นที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตาม ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ส่วนเหตุอื่นๆ มีเหตุทะเลาะวิวาท คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย เพศ และทรัพย์เกิดขึ้น แต่จำนวนไม่มาก เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยที่ร่วมปฏิบัติ เช่น เทศกิจ ฝ่ายปกครอง สามารถควบคุมได้

“ผลการปฏิบัติในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาและข้าราชการตำรวจทุกนายที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเท เสียสละ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเต็มกำลังความสามารถ จนสามารถดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขในเทศกาลลอยกระทง และขอขอบคุณ พี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่ ลอยกระทงแบบสร้างสรรค์ สืบสานวัฒนธรรมอันดีของไทย” ผบ.ตร.กล่าว

วันเดียวกัน นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม พร้อม เจ้าหน้าที่เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุพลุระเบิดในงานลอยกระทง โดยเทศบาลเมืองนครพนมจัดขึ้นที่ลานพนมนาคา ติดลานพญานาคริมฝั่งแม่น้ำโขง ยืนยันจะชดเชยดูแลค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาทุกด้าน ขอแสดงความเสียใจสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 8 พ.ย. ขณะที่นายชวนินทร์ วงค์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าฯ นครพนม กล่าวเปิดงาน มีการจุดพลุหลังเวทีประกวดนางนพมาศ ก่อนระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงอัดและสะเก็ดไฟพุ่งใส่ลวกผู้ร่วมงานและนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 25 ราย สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเด็ดและประกายไฟลวก ทั้งหมดส่งรักษาที่ร.พ.นครพนม ส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว มี 2 ราย ยังคงนอนรักษาตัวและรอดูอาการที่โรงพยาบาล

วันเดียวกัน ที่ สภ.เมืองนครพนม พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า เชิญตัวนายเพิก เมฆพร้อม อายุ 36 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนจุดพลุ และนายสุรศักดิ์ มิ่งเจริญพาณิชย์ อายุ 58 ปี ผู้จัดหาพลุมาจุดในงานดังกล่าว จนระเบิดส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 25 คน

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา กระทำการให้เกิดระเบิดจนเกิดอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น, กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินผู้อื่น หรือกระทำประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่คนอื่นหรือจิตใจ, กระทำการให้เกิดเสียงหรือทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควรจนทำให้ประชาชนตกใจ และความผิดตามประกาศจังหวัดนครพนม

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า คดีพลุระเบิดในพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทงของเทศบาลเมืองนครพนม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อหาความผิดกับบุคคลที่ดำเนินการจุดพลุ หลังทราบว่าไม่มีการขออนุญาต และไม่เกี่ยวข้องกับทางเทศบาลเมืองนครพนม แต่เป็นภาคเอกชนที่นำมาสนับสนุนจุดเพื่อสร้างสีสันในงาน

นายเพิก ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าเป็นคนรับจ้างจากนายจ้างให้จุดในราคา 200 บาท ก่อนหน้านี้เคยจุดมาหลายงานแล้วเป็นพลุที่วางในกระบอกเหล็ก แล้วจุดด้วยชนวนไฟ ทำให้พลุพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ครั้งนี้จุดตามปกติแต่มาเกิดอุบัติเหตุระเบิดเสียก่อน ทำให้ไม่พุ่งขึ้นท้องฟ้า และแตกกระจายตามพื้น จนเกิดอันตรายแก่บุคคลที่อยู่รอบๆ ไม่ได้ดัดแปลงหรือกระทำการที่จะเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ แต่เป็นปัญหาจากตัวพลุที่แตกก่อนขึ้นฟ้า

ภายหลังจากที่ ร.ต.อ.มงคล ยศวิลาศ รอง (สว.) สอบสวน สภ.เมืองนครพนม เจ้าของคดี ได้สอบปากคำเสร็จ ก่อนนำตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณลานพนมนาคา ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งคู่ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นจึงได้ปล่อยตัวไปชั่วคราว

ส่วนที่ จ.อุดรธานี เกิดเหตุเศร้าในงานลอยกระทง ด.ช.อายุ 11 ขวบ พลัดตกน้ำบริเวณหนองโป่งนกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี พลเมืองดีนำร่างขึ้นมาช่วยกันปั๊มหัวใจยื้อชีวิตก่อนส่งรักษาที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นทราบว่า เด็กคน ดังกล่าวไปเที่ยวลอยกระทงกับครอบครัว แล้วไปเดินเก็บเงินในกระทงจนพลัดตกน้ำ กระทั่งมีทหารที่ประสบเหตุรีบลงไปงมช่วยขึ้นมาได้ แต่เด็กอยู่ในอาการโคม่าก่อนเสียชีวิตในที่สุด ด้านพ่อแม่เด็กเสียใจมาก แต่ตัดสินใจบริจาคอวัยวะลูกชายให้แพทย์นำไปช่วยชีวิตผู้อื่น หวังอุทิศบุญกุศลให้ลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย

ภาพสุดท้าย – ภาพจากคลิปชาวบ้านถ่ายไว้ ‘น้องตะวัน’ ด.ช.กิตตินันท์ ฤทธิ์มหา อายุ 11 ขวบ ขณะลงไปยืนบนบันไดท่าน้ำ เพื่อเก็บกระทง ก่อนจมน้ำเสียชีวิตที่หนองโป่ง นกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.

นอกจากนั้นยังเกิดเหตุสลดในงานลอยกระทง บริเวณหน้าประตูระบายน้ำพระนารายณ์ เขื่อนพระราม 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พะนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี ผกก.สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุคนพลัดตกตกน้ำจมสูญหาย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบนางพัชรี จันทร์กระจ่าง อายุ 44 ปี สภาพเนื้อตัวเปียกปอน อยู่ในอาการเสียใจร้องไห้ตลอดเวลา ส่วน ผู้สูญหายไปเป็นสามีชื่อนายประจักร จันทร์กระจ่าง อายุ 51 ปี

นางพัชรีเผยว่า ชวนสามีมาลอยกระทงที่จุดดังกล่าว เมื่อเดินลงไปบริเวณริมคลองสามีเกิดลื่นตกน้ำ แต่สามีว่ายน้ำไม่เป็นจึงพยายามช่วยแต่ลื่นตกตามไปด้วย ก่อนถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่กลางคลองระพีพัฒน์ห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร ขณะนั้นกำลังจะหมดแรงจมน้ำทั้งคู่สามีจึงตัดสินใจปล่อยมือโดยไม่ได้พูดอะไรเลย ก่อนจมหายไปต่อหน้าต่อตา จึงรีบลอยคอไปเกาะบริเวณริมฝั่งโทร.แจ้ง เจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยประสานเขื่อนพระราม 6 ปิดประตูระบายน้ำฝั่งด้านของระพีพัฒน์ทั้งหมด เพื่อลดแรงของกระแสน้ำ ก่อนระดมนักประดาน้ำงมหา ประมาณ 4 ชั่วโมง จนพบศพในเวลา 00.30 น. วันที่ 9 พ.ย. ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ตำรวจชันสูตรศพเบื้องต้นก่อนส่งให้แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา

ที่ จ.เชียงใหม่ นายมงคล ชัยวุฒิ นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี ดร.อภิพงศ์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรี พาเจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันเก็บซากโคมลอยในระยะ 10 กิโลเมตร ที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาร่วมประเพณียี่เป็ง บริเวณหนองบัวพระเจ้าหลวง ต.เชิงดอย ที่ทต.เชิงดอย ได้รับอนุญาตให้ปล่อยโคมลอยได้แบบจำกัด ปล่อยได้เพียงวันที่ 8-9 พ.ย. คืนละไม่เกิน 3 พันลูก ตั้งแต่เช้าตระเวนเก็บซากโคมลอยได้จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ ธีระวิวัฒนกิจ และนายณัฏฐ์ คงธนัยรุ่งโรจน์ รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ นายเกรียงศักดิ์ เภสัชชา ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม นำเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน เก็บเศษซากวัสดุกระทงและขยะมูลฝอยที่ลอยเกลื่อนในคลองละลมโบราณทั้ง 6 ลูก คัดแยกและทำลายฝังกลบที่บ่อกำจัดขยะของเทศบาล ป้องกันการเน่าเสียและ ก่อให้เกิดมลพิษในคลองละลมโบราณ คาดว่ามีเศษซากวัสดุกระทงไม่น้อยกว่า 30,000 ใบ หรือประมาณ 3 ตัน พบประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือในการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ต้นกล้วย และดอกไม้ชนิดต่างๆ รวมทั้งขนมปัง ที่ย่อยสลายง่ายมาประดิษฐ์กระทงเพิ่มมากขึ้น

ส่วนนายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำเจ้าหน้าที่ ครู นักเรียน และประชาชนจิตอาสาจำนวนมากร่วมทำความสะอาดเก็บขยะจากซากกระทงส่วนใหญ่จากวัสดุธรรมชาติหลายพันใบขึ้นจากน้ำบริเวณชายหาดหัวดอน หมู่บ้านเขาตะเกียบ สถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทง และที่บริเวณสวนหลวงราชินี 19 ไร่ ชุมชนตะเกียบ และอ่างเก็บน้ำเขาเต่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงบริเวณชายหาดหัวหินตลอดแนว พบว่ากระทงส่วนใหญ่ทำจากวัสดุธรรมชาติและขนมปังที่ย่อยสลายง่าย แต่ยังมีกระทงโฟมอยู่บ้าง

พนักงานเทศกิจเทศบาลนครนครราชสีมา และชาวบ้านแต่ละชุมชนเร่งลงมือเก็บกระทงในคูเมืองข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา และตามแหล่งน้ำสวนสาธารณะต่างๆ เพื่อให้ภูมิทัศน์คูเมืองและแหล่งน้ำกลับมาสวยงามดังเดิม ส่วนใหญ่เป็นกระทงรักษ์สิ่งแวดล้อมใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติที่ย่อยสลายง่าย ส่วนกระทงโฟมจะมีแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ที่ศาลาว่าการกทม. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกทม. เปิดเผยว่า สำนักสิ่งแวดล้อมรายงานข้อมูลจำนวนกระทงที่เก็บได้ในกรุงเทพฯ ประจำปี 2565 มีจำนวน 572,602 ใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่จัดเก็บได้ 403,203 ใบ เพิ่มขึ้นจำนวน 169,367 ใบ คิดเป็นร้อยละ 42 ประเภทกระทงที่จัดเก็บได้เป็นกระทงจากวัสดุธรรมชาติ 548,086 ใบ หรือร้อยละ 95.7 และกระทงโฟม 24,516 ใบ หรือร้อยละ 4.3 ทั้งนี้ กระทงจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน มีสัดส่วนลดลงจาก ร้อยละ 96.5 เป็น 95.7 ส่วนสัดส่วนของกระทงโฟมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 เป็น 4.3

เก็บกระทง – เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครออกเก็บกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยา หลังประชาชนออกมาลอยกระทงกันอย่างคึกคัก โดยปีนี้เก็บได้กว่า 5.7 แสนใบจำนวนมากกว่าปีที่แล้วถึง 42% เมื่อวันที่ 9 พ.ย.

สำหรับเขตที่มีจำนวนกระทงมากที่สุด คือ เขตคลองเตย จำนวน 27,776 ใบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายมีจำนวนกระทงน้อยที่สุด จำนวน 122 ใบ เขตที่มีจำนวนกระทงวัสดุธรรมชาติมากที่สุด คือ คลองเตยจำนวน 26,912 ใบ ส่วนเขตที่มีกระทงโฟมมากที่สุด คือ เขตประเวศ จำนวน 1,140 ใบ ส่วนเขตที่มีการใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ 100% มี 7 เขต ได้แก่ เขตหลักสี่ ดินแดง บางรัก สาทร จอมทอง บางกอกใหญ่ และทวีวัฒนา

เจ้าหน้าที่จะรวบรวมขนย้ายไปกําจัดที่ศูนย์กำจัดมูลฝอย ทั้ง 3 แห่งของกทม.ได้แก่ สถานีขนถ่ายมูลฝอยอ่อนนุช หนองแขม และสายไหม เพื่อกําจัดต่อไป สำหรับกระทงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติจะมีการคัดแยกเข้าโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์หนองแขม ซึ่งเป็นการ นํากระทงกลับมาใช้ประโยชน์และลดภาระ ค่าใช้จ่ายในการนํากระทงไปฝังกลบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน