ล็อกคาวัดย่านฝั่งธนฯ อีกคดีหนุ่มสาวพะเยา ส่งยาบ้าให้แก๊งนราฯ

ตำรวจปส.แถลงจับแก๊งลอบขนยาเสพติด 2 คดี รายแรกคู่ผัวเมียชาวฝั่งธนฯ ใช้รถแท็กซี่ ขนไอซ์ตบตาตำรวจสุดท้ายไม่รอด อีกคดีจับคู่หนุ่มสาวชาวพะเยาขนยาผ่านด่านตรวจที่ท่าแซะชุมพร ก่อนขยายผลตามไปจับอีก 2 หนุ่มคารีสอร์ตที่นราฯ พร้อมยาบ้ารวมกว่า 3 แสนเม็ด

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 และพล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส. เผยผลปราบปรามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คดี คดีแรกจับกุมนาย บุญเหลือ หรือรักษ์ เรืองศรี และ น.ส.ภัทราวดี หรือพัช พูลสวัสดิ์ แฟนสาว หลังพบมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษให้กลุ่มผู้เสพทั่วไป โดยใช้รถแท็กซี่ สีชมพู-ขาว ทะเบียน ทษ 6567 กรุงเทพมหานคร ในการส่งยาเสพติด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สกส. นำกำลังดักซุ่มดูอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่ 168/186 หมู่บ้านอรุณทอง 5 ถนนเลียบคลองภาษีฝั่งเหนือ แขวงและเขตหนองแขม กรุงเทพฯ กระทั่งช่วงสายของวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา พบผู้ต้องสงสัยยกถุงพลาสติกสีฟ้าออกจากบ้าน นำมาใส่ที่เบาะนั่งท้ายรถแท็กซี่ ก่อนขับออกจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่สะกดรอยติดตามจนไป จอดรถที่บริเวณลานจอดรถวัดราษฎร์บำรุง ซ.เพชรเกษม 69 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจค้น พบยาไอซ์ 10 กิโลกรัม และยาอี 4 เม็ด จากนั้นคุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพัก พบไอซ์อีก 3 กิโลกรัม, กระสุนปืน ขนาด .45 ม.ม. 19 นัด และขนาด 9 ม.ม. 7 นัด จึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดี

คดีที่ 2 เป็นการสนธิกำลังร่วมระหว่างตำรวจ กก.2, กก.3 บก.ปส.4, และตำรวจ บก.ขส. จับ 4 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายอินจันทร์ ใจมูลมั่ง อายุ 63 ปี, 2.นางณิชา คำมูล อายุ 53 ปี ชาวพะเยา 3.นายแวเลาะ กุเวกามา อายุ 58 ปี และ 4.นายอาซือมิง มามะ อายุ 35 ปี ชาวนราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 พ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา บริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม ม.2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อเนื่อง รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ลำภู ต่อเนื่อง ต.จวบ และ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

หลังขยายผลการจับกุมจากผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดขณะลำเลียงยาเสพติดลงพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ตรวจยึดยาบ้ารวม 300,460 เม็ด, กระสุนปืนจำนวน 12 นัด และรถของกลาง 3 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการตรวจยึด ทั้งสิ้นประมาณ 6,000,000 บาท

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการขยายผลของการจับกุมเครือข่ายนี้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน