‘อิ๊ง’โชว์กึ๋น 6 ธ.ค.ฮือฮา-ลูกสุชาติลงสส.เพื่อไทย สภาล่มซักรัฐหาย 2 รมต.ถวายสัตย์นริศพบติดโควิด

เพื่อไทยดีเดย์ คิกออฟเลือกตั้ง 6 ธ.ค. ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์แกนนำโวพร้อมปักธงครบ 77 จังหวัด เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ‘บิ๊กตู่’ ไม่รีบ เข้าร่วม รทสช. บอกยังมีเวลาอีกเยอะ นายกฯ นำ 2 รัฐมนตรีใหม่ ‘ธนกร-สุนทร’ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ ส่วน ‘นริศ’ ติดโควิด ฝ่ายค้านเย้ย ปรับครม.รอบนี้ ตู่ได้กำไรคนเดียว สร้างอนาคตไทยบุกนราธิวาส มั่นใจกวาดส.ส.จังหวัดชายแดนใต้ ‘สมคิด’ ซัดสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ทำค่าตัว ส.ส.เขตพุ่ง สู่วังวนทุจริต ‘สุชาติ’ ส่ง ‘มดเล็ก’ ลูกชาย สวมเสื้อเพื่อไทยชิงส.ส. ฉะเชิงเทรา คาดเจ้าตัวส่อทิ้ง พปชร.คืนรังเก่า

‘บิ๊กตู่’เมินตอบร่วมงานรทสช.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยปีนี้มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัล 44 หน่วยงาน และ 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 103 รางวัล

ก่อนเริ่มงาน พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนที่จะไปเป็นประธานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตู่ 2/6

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในงานช่วงหนึ่งว่า วันนี้ตนคาดหวังว่าในระยะเวลาอันใกล้ วันหน้าก็มีการเลือกตั้ง มีอะไรต่างๆ ไม่อยากจะทิ้งภาระตรงนี้ไว้ให้ใครในโอกาสหน้าทั้งสิ้น และไม่อยากให้ทุกอย่างกลับมาสู่ที่เดิมคือก่อนที่เราจะแก้ไขปัญหาตรงนี้มาถึงเวลานี้ได้

ขอให้ทุกคนได้ภูมิใจว่าเราทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสมา เราทำเพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนอื่น ตนเชื่อมั่นทุกท่านพยายามทำอย่างเต็มที่แล้วและต้องทำได้ดีกว่านี้

ภายหลังเสร็จสิ้นงานดังกล่าว พล.อ. ประยุทธ์ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวที่ขณะนี้ส.ส.รอสัญญาณจากนายกฯ เพื่อจะไปร่วมงานทางการเมืองว่า เหรอ ผู้สื่อข่าวถามว่ารอปัจจัยอะไรถึงยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็พิจารณาอยู่ไง ต่อข้อถามว่าจะใช้เวลาพิจารณาอีกนานหรือไม่ ก่อนปีใหม่ไหม นายกฯ กล่าวว่า จะรีบไปไหนเล่า

เชฟตู่ – พล.อ.ประยุุทธ์ จันทร์โอชา นายุกฯ ควงตะหลิวโชว์ข้าวผัดปลากุเลาเค็มตากใบ ระหว่างเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ซื้้อของไทย โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ร่วมชิมฝีมือ ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

ขอให้ใจเย็นๆ-มีเวลาอีกเยอะ
เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ “ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม ภายใต้โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายสื่อมวลชนหลังจบงานว่า “ว่าอย่างไรกันจ๊ะ” สื่อมวลชนตอบว่า ถามก็ไม่ตอบ ไม่ถามดีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องถามหรอกจ๊ะ ถึงเวลาก็มาเอง ตอนนี้ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ทำงานให้ดี สานต่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และพร้อมจะทำอะไรต่อ อะไรก็ได้ที่เข้ามาในทางการเมือง ขอให้ใช้คำว่าทำการเมือง ไม่ใช่เล่นการเมือง การเมืองไม่ใช่ของเล่น ซึ่งผมได้พูดกับท่านรัฐมนตรีไปหมดแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ จะทำการเมืองต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นของการตัดสินใจอยู่ พิจารณาอยู่นะจ๊ะ อย่ากังวลนะ ต่อข้ออถามว่าต้องรออีกนานหรือไม่ในการตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อะไรที่จะพูดก็ต้องรอหน่อย เมื่อถามว่าก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ใจเย็นๆ นะ ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ”

3 รมต.ใหม่ – นายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรฯ 3 รัฐมนตรีใหม่ เดินทางมาถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

นำรมต.ถวายสัตย์-‘นริศ’ติดโควิด
เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ 3 คนในครม.บิ๊กตู่ 2/6 ได้แก่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย เดินทางมาที่ตึกสันติไมตรี เพื่อถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรี และเวลา 17.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ นำรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

นายธนกรให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเฝ้าฯ ว่า ตนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งถือเป็นมงคลชีวิตที่สุดของชีวิตตน และขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ที่ให้ความไว้วางใจตนให้ไปทำหน้าที่ ตนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยึดประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศชาติเป็นหลัก

ด้านนายสุนทรกล่าวว่า ตนจะตั้งใจทํางานให้ดีที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล แม้ช่วงระยะเวลาการทํางานไม่มากเท่าไหร่ แต่จะทําให้ดีตามที่ได้รับมอบหมาย และไม่รู้สึกกดดันอะไร เพราะเคยทํางานท้องถิ่นมากว่า 40 ปี

นายนริศ เผยว่า วันเดียวกันนี้ ตนไม่ได้เข้าเฝ้าฯ เนื่องจากตรวจพบว่าติดโควิด-19 จึงต้องรักษาตัวให้หายก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ก่อนหน้าเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลช่วงบ่ายวันเดียวกันได้ตรวจ เอทีเคหลายหนแต่ไม่พบติดโควิด-19 จึงเข้าทำเนียบรัฐบาลตามนัดหมาย แต่ก่อนเข้าไปในพระราชวังสวนอัมพร สำนักพระราชวังดำเนินการตรวจทุกคนแบบ RT-PCR จึงพบว่าตนติดโควิด-19

ส.ส.ใหม่ – นางวลัยพร รัตนเศรษฐ เลื่อนขึ้นเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แทนนายชัยวัฒน์ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ที่ลาออกจากส.ส. เข้ารายงานตัวที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลังกกต.ประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

‘อู๊ดด้า’เชื่อปชป.กวาดส.ส.เพิ่ม
ที่เซ็นทรัลโคราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ถัดจากนี้ไประบบการเลือกตั้งจะเป็นแบบบัตร 2 ใบ ส.ส.เขตมี 400 เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) มี 100 คน รวมแล้วเป็น 500 คน

ผู้สื่อข่าวถามว่าหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส. เท่าใด นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้เคยตอบไปแล้วว่า มั่นใจจะได้ส.ส.มากกว่าเดิม คราวที่แล้วได้ 52 คน เที่ยวหน้าก็น่าจะได้มากขึ้น สำหรับโคราช ได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 8 คน ยังเหลืออีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทยอยเปิดตัวต่อไป พรรคจะส่งครบทุกเขต และมั่นใจว่าเที่ยวนี้อย่างน้อย ประชาธิปัตย์ ปักธงได้แน่นอน และประชาธิปัตย์ก็สู้ทุกเขต

‘อุตตม’รับไม่คืบ-ควบรวมพรรค
ที่ จ.นราธิวาส นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะทำให้พรรคเดินหน้าทางการเมืองได้เต็มแล้วใช่หรือไม่ว่า เราเตรียมพร้อมมาโดยตลอด พร้อมที่จะเดินหน้าต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 จะทำให้พรรคเล็กอยู่ยาก นายอุตตม กล่าวว่า เมื่อกฎเกณฑ์และกติกาออกมาแบบนี้ ต้องไปดูแต่ละพรรคจะมีแนวทางอย่างไรในการเดินหน้าต่อไปให้ได้ การควบรวมก็อยู่ในใจบางพรรค สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทย อยู่บนหลักการที่ว่าหากเลือกเส้นทางนั้น ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าสามารถทำงานให้ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

ต่อข้อถามว่าพรรคสร้างอนาคตไทยมีแนวคิดที่จะควบรวมพรรคหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า มีอยู่แล้วในทางการเมือง ยอมรับว่ามีการพูดจากันระหว่างพรรค แต่การพูดคุยนั้นยังไม่มีข้อยุติ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อถามว่าจะสามารถควบรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติได้หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ไม่มีแนวความคิดนั้นอยู่เลย ไม่เคยพูดจากัน

ไม่รู้‘นิพิฏฐ์’อยู่หรือไป
นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนกรณีมีข่าวว่านายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ประธานภาคใต้เตรียมย้ายไปเสริมทีมภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐนั้น เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ยังร่วมประชุมกับนายนิพิฏฐ์ตามปกติ ไม่รู้ข่าวลือมาจากไหน ไม่ทราบว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ หลังมีข่าวออกมาไม่ได้มีการพูดคุยและนาย นิพิฏฐ์ ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกัน

ยืนยันว่าภายในพรรคไม่มีปัญหาหรือความขัดแย้งใดๆ การทำงานพรรคการเมืองต้องหารือกัน ซึ่งตามวิสัยการเมืองทัศนคติมีได้หลากหลาย เป็นเรื่องปกติ ก็ต้องพูดคุยหารือ ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันมีได้ตลอด แต่สุดท้ายแล้วพรรคสามารถมีข้อยุติและเดินหน้าไปได้เสมอ เราต้องเคารพความคิดเห็นส่วนบุคคล เพราะเราเป็นพรรคการเมืองเปิด เป็นพรรคที่ไม่มีใครเป็นโต้โผใหญ่หรือเป็นเจ้าของ ฉะนั้นต้องฟังซึ่งกันและกัน พรรคก็เดินหน้าไม่ได้กังวลอะไร เราเคารพทุกคนและสุดท้ายยืนยันว่าเราเดินหน้าได้

‘สนธิรัตน์’ไร้กังวล-‘ปุ้ม’เหน็บแรง
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า กระแสข่าวการย้ายพรรคของนายนิพิฏฐ์ ต้องไปถามว่ามาจากสาเหตุอะไร ส่วนที่นายนิพิฏฐ์ไม่ได้มาร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เนื่องจากพรรคมีการแบ่งพื้นที่ดูแลรับผิดชอบ นายนิพิฏฐ์เป็นประธานภาคใต้ ส่วน จ.สงขลา มี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เป็นผู้ดูแลพื้นที่ ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกอบจ.นราธิวาสเป็นผู้ดูแล

เท่าที่ทราบนายนิพิฏฐ์ติดภารกิจเป็นประธานงานศพ ซึ่งได้แจ้งให้ทราบก่อนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกรณีนายนิพิฏฐ์ยังคลุมเครือแบบนี้ กังวลใจหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เรื่องการเมืองไม่ต้องกังวลใจเพราะเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ซึ่งพรรคการเมืองสำคัญที่หลัก

ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์โฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมภาพคู่กับสุนัข และข้อความว่า “ตี๋น้อย” สุนัขที่เลี้ยงไว้ว่า “The bossand I #ตี๋น้อย เป็นคนรับใช้หมาดีกว่าทำงานให้นักการเมืองห่วยๆ”

มั่นใจสอท.ปักธง 4 จว.ใต้
เวลา 10.40 น. ที่โรงแรมอิมพีเรียล นราธิวาส จ.นราธิวาส พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ จัดกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.นราธิวาส 3 เขต ประกอบด้วย นายวัชระ ยาวอฮะซัน เขต 1 นายสารี สะมะแอ เขต 2 และนาย อามีน โต๊ะนากายอ เขต 4 โดยมีสมาชิกพรรคและสมาชิกสภาจังหวัด 21 เขตจาก 30 เขต นำโดยนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกอบจ.นราธิวาส มาร่วมกิจกรรม

นายอุตตมปราศรัยว่า ตนมั่นใจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสงขลา คาดพรรคมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการทำงานให้กับประชาชน เรามาร่วมอุดมการณ์ตั้งพรรคใหม่ในช่วงที่มีความท้าทาย จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาช่วยกัน เราไม่ใช่พรรคการเมืองแบบเดิม ที่จะต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา ถ้าปากท้องไม่ดีอย่าคิดไปทำอย่างอื่น และปี 2566 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับประเทศไทยเพราะเศรษฐกิจจะไม่ดี

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือกส.ส. แต่จะต้องเลือกนายกฯ เราได้เชิญนายสมคิด บอกว่าบ้านเมืองไม่ไหวแล้ว ศึกใหญ่ครั้งนี้ ไม่ใช่ศึกการเมืองอย่างที่เขาเล่นกันอยู่ แต่เป็นศึกปากท้อง ประเทศไม่ใช่การเล่นละครทางการเมือง ไม่ใช่แค่การรักษาดุลอำนาจทางการเมือง แต่ต้องสร้างความหวังและต้องรับใช้ประชาชน

ถ้าเลือกพรรคสร้างอนาคตไทย จะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่พิเศษด้านพลังงาน ตนจะกลับมาทำโรงไฟฟ้าชุมชนแน่ๆ และจะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และสตูล สงขลา เป็นศูนย์สินค้าฮาลาล ถึงเวลาที่เราจะได้เป็นเจ้าของสินค้าฮาลาล

‘สมคิด’ซัดสูตรหาร 100
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ปราศรัยว่า จุดประสงค์ 3 ประการ ที่มานราธิวาส คือ 1.เพื่อขอบคุณที่นราธิวาสทีมงานนายกูเซ็ง ที่ให้เกียรติพรรคนำเสนอตัวว่าจะร่วมมือและช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้อย่างไร 2.มาเพื่อให้กำลังใจ และ 3.มาเพื่อสัญญา ไม่ว่าจะสัญญากับใครว่าจะทำอะไร จะรักษาคำพูดเสมอ ถ้าตนสัญญาว่าจะช่วยท่านไม่ต้องมีใครมาเตือน ตนจะคิดตลอดเวลาว่าทำให้ท่านหรือยัง ทำดีที่สุดหรือยัง

ตนอยู่การเมืองตั้งแต่ ปี 2543 ผ่านรัฐบาลมา 2 ยุค 2 สมัย ก่อนวางมือสัญญาว่าต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยสะสมทรัพย์ มีคนบอกว่าไม่รู้จักสะสมทรัพย์แล้วอนาคตจะตั้งพรรคได้อย่างไร ตนตั้งลูกน้องแต่ละคนเงินเดือนเหยียบล้าน ส่วนตนได้เงินเดือนแสนเดียว แต่การเมืองสมัยนี้ใช้เครื่องดูดฝุ่น บอกเป็นประชาธิปไตย ต้องการพัฒนาบ้านเมือง บอกให้หาร 100 หาส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทำค่าตัว ส.ส.เขตพุ่ง พรรคเหล่านี้ไม่เคยคิดว่ามีนโยบายอะไรที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง แต่คิดว่าทำอย่างไรจะได้ร่วมรัฐบาล อยู่พรรคไหนถึงมีโอกาส ท่านต้องการ ส.ส. พรรคการเมืองเหล่านั้นหรือไม่

ตนมาช่วยพรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ใช่เพื่อเป็นนายกฯ แต่เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยดีขึ้น ส่วนการใช้เงินซื้อส.ส. เท่ากับติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก และจะกลับไปสู่วังวนการทุจริต ถ้าไม่หยุดหรือเปลี่ยน อนาคตลูกหลานจะแย่ไปกว่านี้

คิกออฟ – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯ พรรค และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค ประกาศคิกออฟแคมเปญเลือกตั้ง 2566 และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

พท.จ่อคิกออฟลต.-‘อิ๊ง’โชว์กึ๋น
เมื่อเวลา 10.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวประกาศเปิดการรณรงค์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. พรรคเพื่อไทยจะจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ภายใต้ชื่องาน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทย ทุกคน” เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) และกรรมการสรรหาแทนตำแหน่งที่ว่างลง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมที่สำคัญคือการเปิดรณรงค์การเลือกตั้ง ประกาศคิกออฟแคมเปญการเลือกตั้งปี 2566 เราเชื่อว่าในปี 2566 จะมีการเลือกตั้งแน่นอน เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เพิ่งผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทูลเกล้าฯ เรามั่นใจว่าจะปักธงลงทุกพื้นที่ใน 77 จังหวัด นอกจากนี้จะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย

ลั่นพร้อมเป็นแกนนำตั้งรบ.
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในงานจะแสดงภาพให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายใต้เงื่อนไขที่เรารณรงค์คือเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน หากประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเห็นพ้องกับเรา ต้องการจะออกจากวิกฤต ต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศ ต้องการสร้างอนาคต สร้างความหวังให้ลูกหลานและประเทศ ตนมั่นใจว่า แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินจะเกิดขึ้น

เมื่อเกิดแลนด์สไลด์ขึ้น เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ และมองไป 4 ปีข้างหน้าคือในปี 2570 จะเกิดภาพใหม่ในประเทศไทยภายใต้ความหวัง ความต้องการและผลสัมฤทธิ์ของผลการเลือกตั้งที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ภายใน 4 ปี เรามาร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยกัน แต่ยืนยันว่าจะยังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า นอกจากจะประกาศคิกออฟแคมเปญเลือกตั้ง และแสดงวิสัยทัศน์แล้ว ยังมีวาระสำคัญหลายเรื่อง คือการปรับเปลี่ยนกก.บห.สืบเนื่องจากกก.บห.ชุดเดิมลาออกไป เพื่อตั้งชุดใหม่มาแทนที่ และในการประชุมใหญ่วิสามัญครั้งนี้จะปรับแก้ไขข้อบังคับ เพื่อให้สอดคลองกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดรัฐธรรม นูญ นอกจากนี้จะเปิดตัวผู้รับผิดชอบนโยบายต่างๆ โดยกำหนดตัวบุคคลไว้แล้ว เพื่อประกาศความพร้อมสู่การเลือกตั้ง ยืนยันว่าคนพร้อม นโยบายพร้อม และพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า

‘สุชาติ’ส่ง‘มดเล็ก’สวมเสื้อพท.
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการแถลงข่าวเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ภาคเหนือและภาคกลางของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 2 ธ.ค.นั้น ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือมดเล็ก บุตรชายนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ จะมาเปิดตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้ด้วย และคาดว่า มดดำหรือนาย คชาภา ตันเจริญ พี่ชาย จะเดินทางมาให้กำลังใจน้องชายด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ เป็นที่แน่ชัดว่าโอกาสที่นายสุชาติจะหวนมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มีความเป็นไปได้สูงมากตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งนายสุชาติเคยเป็นส.ส.สมัยพรรคไทยรักไทย มีความใกล้ชิดสนิทสนมและมีสายสัมพันธ์อันดีกับนายทักษิณ ชินวัตร

สูตร100-คาด14พรรคได้ปาร์ตี้ลิสต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้า ใช้สูตรหาร 100 ในการคิดคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เบื้องต้นหากนำผลคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมือง 74 พรรคที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อตามผลคะแนนแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 350 เขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 มาเป็นตัวอย่างในการคำนวณ พบว่าในจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนที่รัฐธรรมนูญกำหนด จะมีเพียง 14 พรรคการเมืองเท่านั้นที่จะได้ส.ส.

การเลือกตั้งปี 2562 ผลคะแนนรวมทั้งประเทศที่ 74 พรรคการเมืองได้รับจากการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตรวม ทั้งสิ้น 35,561,556 คะแนน ใช้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้แบบจัดสรรปันส่วนผสม มีพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ รวม 25 พรรค แต่ครั้งหน้าเมื่อใช้สูตรหาร 100 ค่าเฉลี่ยส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ 355,615.5600 คะแนน ดังนี้

1.พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนรวม 8,441,274 คะแนน จะได้ส.ส. 24 คน, 2.พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนรวม 7,881,006 คะแนน จะได้ส.ส. 22 คน, 3.พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนรวม 6,330,617 คะแนนจะได้ส.ส. 18 คน, 4.พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนรวม 3,959,358 คะแนน จะได้ส.ส. 11 คน, 5.พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนรวม 3,734,459 คะแนน จะได้ส.ส. 11 คน, 6.พรรคเสรีรวมไทย ได้คะแนนรวม 824,284 คะแนน จะได้ส.ส. 3 คน, 7.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนนรวม 783,689 คะแนน จะได้ส.ส. 2 คน

8.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้คะแนนรวม 486,273 คะแนน จะได้ส.ส. 2 คน, 9.พรรคประชาชาติ ได้คะแนนรวม 481,490 คะแนน จะได้ส.ส. 2 คน, 10.พรรคเพื่อชาติ ได้คะแนนรวม 421,412 คะแนน จะได้ส.ส. 1 คน, 11.พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้คะแนนรวม 415,585 คะแนน จะได้ส.ส. 1 คน, 12.พรรคชาติพัฒนา ได้คะแนนรวม 244,770 คะแนนจะได้ส.ส. 1 คน, 13.พรรคพลัง ท้องถิ่นไท ได้คะแนน 214,189 คะแนนจะได้ส.ส. 1 คน, 14.พรรครักษ์ผืนป่า ได้คะแนนรวม 134,816 คะแนนจะได้ส.ส. 1 คนโดย 3 พรรคการเมืองสุดท้ายนี้ได้ส.ส.จากเศษที่เหลือหลังจากการคำนวณ

สภาล่มอีก-กม.บิ๊กท้องถิ่นค้างเติ่ง
เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุมได้แจ้งที่ประชุมว่า ในวันที่ 7 ธ.ค. จะประชุมรัฐสภาช่วงเช้าเพื่อลงมติในวาระแรก ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช … แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ของร่างรัฐธรรมนูญ ช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. จะประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตนขอนัดประชุมสภานัดพิเศษในวันที่ 16 ธ.ค. เพื่อพิจารณารายงานของกรรมาธิการ และนัดการประชุมสภาครั้งสุดท้ายในปีนี้ คือวันที่ 28-29 ธ.ค. ดังนั้น ขอความร่วมมือเรื่องที่ค้างอยู่ขอให้ช่วยกัน

เวลา 11.00 น. เข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่เกิดเหตุจำนวนสมาชิกอยู่ไม่ครบองค์ประชุม ต้องปิดประชุมสภา เนื่องจากส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่ให้โหวตลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ เมื่อเริ่มการประชุมครั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ฝ่ายค้านจะอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ขอร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมในการโหวตมาตรา 9/1 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ลงมติใหม่ในมาตราดังกล่าว เพราะ ขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภา

ทำให้การโหวตมาตรา 9/1 เป็นไปอย่างขลุกขลักทันที เพราะจำนวนส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่อยู่ในห้องประชุมมีอยู่บางตา กระทั่งเวลา 11.40 น. นายชวนแจ้งว่าจากการสอบถาม ผู้ควบคุมเสียงฝ่ายรัฐบาลทราบว่าคงใช้เวลาอีกนานในการตามส.ส.มาให้ครบองค์ประชุม ขณะนี้มีผู้มากดบัตรแสดงตนเพียง 221 คน ขาดอีก 10 กว่าคน ดังนั้นเมื่อองค์ประชุม ไม่ครบ ก็ขอสั่งปิดประชุมทันที ในเวลา 11.40 น. ทำให้ร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่เข้าสู่การพิจารณาในสภาเป็นรอบที่ 4 แล้ว ยังไม่ผ่านการพิจารณา

ฝ่ายค้านโวยรัฐบาลโดดร่ม
เวลา 11.50 น. ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ร่วมกันแถลง

นายสมคิดกล่าวว่า ที่ผ่านมาเรายืนยันและคัดค้านมาตลอดว่าในการลงมติมาตรา 9/1 ไปแล้วไม่สามารถกลับมาลงคะแนนใหม่ได้ พอวันนี้ก็เข้ามาตราเดิม ฝ่ายค้านได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่เป็นองค์ประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่า คนของท่านหายไปไหน

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นความชอบธรรมในทางกฎหมาย ซึ่งไม่ปรากฏว่าสิ่งที่รัฐบาลหรือสภาทำในวันนี้ มีความชอบธรรม ดังนั้น เรามีความชัดเจนในจุดยืน และจะเป็นจุดยืนที่จะใช้ในช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.ด้วย

วิปรัฐซัดกลับ-เย้ยรอจังหวะยุบสภา
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองวิปรัฐบาล แถลงว่า กรณีที่ให้สภาลงมติในมาตรา 9/1 ของร่างกฎหมายถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญทุกประการ ตนมองว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการลงมติ และไม่ให้ความร่วมมือ เพราะได้เตรียมการใช้เทคนิคการเมืองเล่นงานการเมืองแบบต่อเนื่อง ยอมรับว่าเสียงข้างมากคือความรับผิดชอบของสภา แต่องค์ประชุม ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน

“ที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ยุบสภานั้น ผมขอให้ฝ่ายค้านใจเย็น เพราะนายกฯ บอกว่าจะอยู่ยาวเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และการทำงานให้เป็นจริง ฝ่ายรัฐบาลยุบสภาแน่นอน เมื่อถึงโอกาสที่ดีที่สุด ระหว่างนี้คือการทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชน หากฝ่ายค้านอยากมีผลงานขอให้ความร่วมมือในการทำงานในสภาอย่างเข้มแข็ง อย่าเล่นเกมที่ผมขอมองว่าทำแบบนี้จะแลนด์สไลด์ได้อย่างไร” นาย ชินวรณ์กล่าว

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เลขานุการวิป รัฐบาล กล่าวว่าสำหรับ ส.ส.พรรครัฐบาลที่ไม่มาแสดงตน ส่วนหนึ่งได้แจ้งตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ติดภารกิจ และอีกส่วนหนึ่ง 6 คน ติดโควิด-19 ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลคนอื่นเชื่อว่าติดภารกิจ และมีติด โควิด-19 ด้วย ตนขอโทษประชาชนกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้รัฐบาลจะพยายามทำหน้าที่ของผู้แทนปวงชน ส.ส.และพิจารณากฎหมายให้มากที่สุด

ฟังพิพากษา – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีร่วมกันก่อการร้าย จากกรณีชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 คดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 24 คน ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

ศาลอุทธรณ์นัดชี้คดีชุมนุม53
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 74 ปี, นายจตุพร หรือ ตู่ พรหมพันธุ์ อายุ 57 ปี, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือเต้น อายุ 47 ปี, นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 71 ปี, นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 57 ปี, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 64 ปี, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อายุ 58 ปี และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ รวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1-24 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวม 6 ข้อหา จากกรณีร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ถึงวันที่ 20 พ.ค.2553 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เห็นว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่ก่อการร้าย

นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ก่อนฟังคำพิพากษาว่า ในกระบวนการต่อสู้คดีเราได้รวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงทั้งหลาย ยืนยันในความบริสุทธิ์และปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อการร้ายมาโดยตลอด ตั้งแต่ยังปักหลักชุมนุมจนถึงวันนี้ ดังนั้นข้อเท็จจริงเหล่านี้หากปรากฏต่อสาธารณชนก็เป็นวิจารณญาณในแต่ละบุคคลของแต่ละรุ่นแต่ละช่วงเวลาที่จะพิจารณา เพราะข้อเท็จจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะมีการเห็นแตกต่าง ฝักฝ่ายกันอย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หรือแม้กระทั่งคำพิพากษาของศาลจะเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาและพิจารณา

ด้านนพ.เหวงกล่าวว่าเราเคารพในคำพิพากษาของศาลไม่ว่าจะออกมาแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าท่านจะคำวินิจฉัยว่ามีความผิด หรือต้องเข้าเรือนจำอีก พวกเราก็ยินดีเคารพ หรือสมมติท่านเกิดให้ความเมตตาพิพากษายกฟ้อง พวกตนก็ให้ความเคารพ

ต่อมานางธิดา ถาวรเศรษฐ กล่าวว่าศาลขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 9 ม.ค.2566 เนื่องจากจำเลยมาไม่ครบ และหากจำเลยคนไหนไม่มาก็จะออกหมายจับ แต่ศาลจะอ่านให้เร็วที่สุด เพื่อให้จำเลยบางคนไปทำงานการเมืองต่อ จะได้ไม่ต้องถูกคดีจำกัดในช่วงเวลาหาเสียง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน