เปิดแถลงแจงสาเหตุ ตั้งกก.สอบปมจม-ชูชีพ ส่งกลับสัตหีบแล้ว54 6ลูกเรือ-อาการขาหัก ญาติจุดธูปรอปาฏิหาริย์

ลูกเรือสุโขทัยเสียชีวิตแล้ว 6 ปฏิบัติการค้นหาพบ 7 ราย รอดคนเดียว ผบ.ทร.แถลง แจงเหตุอับปาง เสื้อชูชีพไม่พอ เนื่องจากมีกำลังพลลงเรือเพิ่มอีก 30 นาย แต่มีแพยางจากเรือสุโขทัยและกระบุรี ดำเนินการช่วยเหลือตามมาตรการแล้ว ลั่นตั้งกก.สอบทั้งเหตุล่ม-ชูชีพไม่พอ ลั่นนำกำลังพลกลับบ้านทุกคน ส่งกลับ 54 ลูกเรือสุโขทัยถึงสัตหีบแล้ว สธ.เผยยังรักษาตัวอยู่ 6 ราย ญาติแห่ตามหาลูกหลานแน่นศูนย์ที่บางสะพาน

จากกรณีเรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุคลื่นลมแรงทำให้อับปางลงกลางทะเล ในพื้นที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังพลในเรือ 106 นาย สามารถช่วยเหลือได้แล้ว 75 ราย ยังสูญหายอีก 31 รายตามข่าว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า รล.สุโขทัยมีกำลังพลที่อยู่บนเรือ 106 นาย แบ่งเป็น กำลังพลประจำเรือหลวงสุโขทัย 76 นาย ช่วยเหลือได้ 58 นาย สูญหาย 18 นาย, กำลังพล นาวิกโยธิน 15 นาย ช่วยเหลือได้ 7 นาย สูญหาย 8 นาย และกำลังพลจาก สอ.รฝ. 15 นาย ช่วยเหลือได้ 11 นาย สูญหาย 4 นาย รวมกำลังพลที่ช่วยเหลือได้ 76 นาย หาย 30 นาย

สำหรับภารกิจวันนี้ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) สั่งการให้ ‘เรือหลวงกระบุรี’ เตรียมความพร้อมออกค้นหาอีก 30 กำลังพลที่ยังสูญหาย ประกอบด้วย 1.พ.จ.อ.อำนาจ พิมที 2.จ.อ.ไพร ร่วมญาติ 3.พลฯ วรพงษ์ บุญละคร 4.พลฯ อับดุลอาชีด มะแอ 5.พ.จ.อ.จิราวัฒน์ เจริญศิลป์ 6.พ.จ.อ.สมเกียรติ หมายชอบ 7.จ.ท.ธวัชชัย สาพิราช 8.พลฯ สุทธิพงษ์ หงส์ทอง 9.พลฯ จำลอง แสนแก 10.พลฯ ทวีศักดิ์ แซ่เชียว

11.พลฯ ชนัญญ แก่นศรียา 12.พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม 13.ว่าที่ น.ต.พลรัตน์ สิโรดมภ์ 14.ร.ท.สามารถ แก้วผลึก 15.ว่าที่ ร.ท.ฉัตรแก้ว ทองนิล 16.พ.จ.อ.อัซซา แก้ว สุพรรณ์ 17.จ.อ.จักรพงศ์ พลผล 18.จ.อ.บุญเลิศ ทองทิพย์ 19.จ.อ.ชูชัย เชิดชิด 20.จ.ท.สหรัฐ อีสา

21.จ.ต.นพณัจ คำวงศ์ 22.จ.ต.สถาพร สมเนื้อ 23.จ.ต.ศราวุธ นาดี 24.จ.ต.ศุภกิจ ทิวาลัย 25.จ.ต.โสภณ วงษ์สนิท 26.จ.ต.สิริธิติ งามทอง 27.พลฯ อัครเดช โพธิ์บัติ 28.พลฯ ปรีชา รักษาภักตี 29.พลฯ ชลัช อ้อยทอง 30.พลฯ ชัยชนะ ช่างวาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ น.ต.พลรัตน์ สิโรดมภ์ ต้นเรือ รล.สุโขทัย ที่ยังสูญหาย เป็นเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 50 (ตท.50) และเป็นลูกชายของ ‘บิ๊กหนุ่ย’ พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม อดีตผู้ช่วยผบ.ทร.








Advertisement

ล่าสุดพบกำลังพลเพิ่ม 1 นาย ชื่อพลทหารชนัญญู แก่นศรียา สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ลอยคอกลางทะเล และเรือขนสินค้าภูมินาราได้ช่วยเหลือขึ้นมา แล้ววิทยุแจ้งให้เรือหลวงอ่างทองกำลังเดินทางไปรับ

เวลา 00.20 น. ของวันที่ 20 ธ.ค. ที่หน้ากองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 54 นาย ที่รอดชีวิตเดินทางด้วยรถบัสของกองทัพเรือ 2 คัน จาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางมาถึง โดยทุกคนได้เดินทางลงจากรถบัส โดยมีพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมด้วยนายทหารผู้บังคับบัญชา ตลอดจนๆ เพื่อนๆ และครอบครัว ต่างเข้ามากอดให้กำลังใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้ ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านพัก

ความหวัง – ญาติกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย จุดธูปขอให้พบผู้สูญหายจากเหตุเรือล่ม ขณะที่ผู้รอดชีวิตสวมกอดครอบครัวที่รอรับอยู่บนฝั่งท่าเทียบเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.

วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือหลวงสุโขทัย บริเวณท่าเรือ น้ำลึกบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ครอบครัวของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 30 นายที่ยังคงสูญหาย ทยอยเดินทางมารอคอยการค้นหาช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยนายประสิทธิ์ ภู่งาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่รำพึง อ.บางสะพาน ร่วมกับองค์การสาธารณกุศลในพื้นที่ จัดตั้งโรงครัวปรุงอาหารแจกจ่ายให้แก่ครอบครัวผู้สูญหายที่มาเฝ้ารอด้วยความหวัง และเปิดรับบริจาคสิ่งของที่จะเข้าโรงครัวเพื่อใช้ผลิตอาหารในการสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงอำนวยการศูนย์ประสานงาน และลาดตระเวนในทะเล

ญาติของลูกเรือรายหนึ่งได้ร้องถามข้อเท็จจริง หลังหลานชายซึ่งอยู่บนเรือ แจ้งกับครอบครัวว่า เรือกำลังจะจมแต่ไม่มีเสื้อชูชีพ มีเพียงห่วงยางเท่านั้น จึงอยากรู้ว่าเสื้อชูชีพ ไม่พอจริงหรือไม่

ด้านญาติพลทหารสุทธิพงษ์ หงษ์ทอง เผยว่า พอทราบข่าว ทางกองทัพรีบโทร.ไปแจ้งข้อมูล ครอบครัวยังมีความหวังว่า หลานจะปลอดภัย เพราะปกติเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ว่ายน้ำเป็น อาจจะกำลังลอยคอเกาะกลุ่มกับเพื่อน รอคอยความช่วยเหลืออยู่ หวังว่า ผู้สูญหายทุกคนจะปลอดภัย กลับมาได้ทุกคน

ทั้งนี้ได้มีบรรดาญาติของลูกเรือที่เพิ่งมาถึงหลายรายได้ ต่างจุดธูป ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พาผู้สูญหายกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน

วันเดียวกัน พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. พร้อมด้วยพล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ แถลงข่าวเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยจมที่อ่าวไทย โดยพล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจญาติพี่น้องกำลังพลเรือ จากการปฏิบัติการลาดตระเวนช่วยเหลือวันนี้พบ 6 ราย เป็นผู้ประสบภัยที่มีชีวิต 1 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างค้นหาผู้ที่ยังสูญหาย โดยวันที่ 18 ธ.ค. เรือหลวงสุโขทัยได้รับภารกิจลาดตระเวนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล และมีภารกิจสนับสนุนจัดงานครบรอบ 100 ปี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดากองทัพเรือไทย โดยมีภารกิจที่จ.ชุมพร นำกำลังพลนาวิกโยธิน และหน่วยป้องกันชายฝั่ง หน่วยละ 15 นาย ต้องนำไปส่งเพื่อร่วมในงานเทิดพระเกียรติที่หาดทรายรี จ.ชุมพร

ผบ.ทร.แถลง – พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. และพล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. แถลงชี้แจงเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยแสดงความเสียใจและสั่งสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น ที่ราชนาวิกสภา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.

การเพิ่มของกำลังพลนั้นมี 2 ลักษณะ 1.คือกำลังพลไปร่วมงาน ปกติจะต้องมีการนำเสื้อชูชีพไปกับกำลังพลที่เพิ่มเติมด้วย ในเรือจะมีเสื้อชูชีพประจำตัวกำลังพล กับเสื้อชูชีพสำรองบนเรือ ในกรณีไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อโยนหรือให้สวม จึงมีสำรองจำนวนหนึ่ง นอกจากเสื้อชูชีพแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอื่นด้วย เรือหลวงสุโขทัยมีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอกำลังพลเพิ่มเติม 30 คน จึงนำอุปกรณ์อื่นมาให้กำลังพลเพิ่ม บางคนเอาลูกยางที่ผูกติดกับเรือเล็กมามัดกับเอว เพื่อช่วยพยุงลอย นอกจากนี้บนเรือยังมีแพ หากเรือใกล้จม ก็จะเอาคนที่เสื้อชูชีพไม่พอ ขึ้นแพ มี 30 คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพนั้น ปรากฏว่าช่วยชีวิตได้ใน 75 คนแรก ทั้งหมด 18 ราย มีคนที่ไร้เสื้อชูชีพสูญหายอีก 12 คนอยู่ในทะเล กำลังพลที่มีเสื้อชูชีพครบนั้น ยังมีอีก 18 คนที่ยังค้นหาอยู่ การมีเสื้อชูชีพ ไม่ได้การันตีว่า จะรอดชีวิต หรือรอดชีวิตขึ้นมาบนเรือ ยังมีมาตรการกำหนดว่า ใครบัดดี้ใครในการช่วยเหลือ อย่ามองว่าคนไม่มีเสื้อชูชีพทั้ง 30 คนจะสูญเสียทั้งหมด

สำหรับเรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหาจากข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า น้ำเข้าเรือปริมาณมาก ที่หัวเรือ จนทำให้เกิดความเสียหายกับระบบไฟฟ้า ทางเรือพยายามสูบน้ำออกตามขั้นตอน โดยมีเครื่องสูบน้ำในเรือสูบออก แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับเครื่องจักร ผลปรากฏว่าการสูบน้ำออกไม่ทันปริมาณน้ำเข้ามา ทำให้น้ำเข้าตัวเรือมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติเรือรบจะทนทะเลมากกว่าเรือทั่วไป หากบริเวณไหนเสียหาย ก็จะผนึกน้ำแต่ละช่วง สร้างกำลังลอยในเรือให้อยู่ได้ หลังจากพยายามสู้กับน้ำทะเล แต่เมื่อน้ำท่วมเครื่องจักรหลายส่วน จนบังคับเรือไม่ได้ เครื่องยนต์ซ้ายดับหลังน้ำเข้า เหลือเครื่องยนต์ขวาเพียงเครื่องเดียว และสูญเสียการควบคุมใบจักร จึงทำความเร็วเข้าท่าไม่ได้ สุดท้ายน้ำท่วมทำเครื่องไฟฟ้าดับทั้งหมด เครื่องจักรใหญ่สูญเสีย ทำให้เรือลอยลำกลางทะเล น้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนเอียงตามภาพที่เห็นในภาพข่าว

ระหว่างที่เรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหา จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือ เรือหลวงกระบุรีได้ออกมาช่วยเหลือ แต่คลื่นแรงมากไม่สามารถช่วยได้ แม้จะใช้เรือเล็กลำเลียง ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งมาตรการช่วยชีวิต กำลังพลทุกนายมีเสื้อชูชีพประจำตัว เรือรบมีแพชูชีพอัตโนมัติที่ตัวเรือ สามารถปลดด้วยระบบ เมื่อเรือจมไปในน้ำ จะกางออกทันที แพนี้จะบรรจุได้ 15 คน ในเรือมี 6 แพ เพียงพอต่อกำลังพล นอกจากนั้นยังมีแพชูชีพของเรือหลวงกระบุรี ที่เอาออกไปช่วย และยังมีแพชูชีพจากเครื่องบินลาดตระเวนอีกด้วย ขณะนั้นเรือเอียงมากขึ้น และเริ่มจมลง ทำให้เกิดความชุลมุน กำลังพลบางส่วนกดแพชูชีพ ให้กับกำลังพลที่ไม่มีเสื้อชูชีพขึ้นไปบนแพ กำลังพลบางส่วนที่ถูกคลื่นซัดเมื่อเรือจม จึงพยายามว่ายน้ำไปที่เรือหลวงกระบุรี มีทั้งการส่งเชือกบันไดลิงข้างกราบเรือ และมีเรือเล็กลงน้ำแม้คลื่นลมแรง แต่ไม่มีทางเลือก เพราะต้องไปช่วย สามารถช่วยกำลังพลส่วนใหญ่ขึ้นมาได้ พร้อมช่วยกำลังพลบางส่วนที่ลอยออกไป เรือสินค้าช่วยได้เกือบ 20 คน ช่วงเวลานั้น ช่วยได้ 75 คน ยังสูญหายอีก 30 คน

“ดังนั้นสาเหตุเรือจม เสื้อชูชีพไม่พอนั้น จะต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่า เรามีกฎหมายมีแนวทางปฏิบัติในการสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกๆ เรื่อง ขอเปรียบเสมือนว่า หากเครื่องบินของเหล่าทัพไหนตก ก็จะต้องมีการตรวจสอบสาเหตุทั้งหมด และมีการรายงานข้อเท็จจริงของการสูญเสียเครื่องบิน ดังกล่าว” ผบ.ทร.กล่าว

พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า ตนตั้งกรรมการจะสอบตั้งแต่ ผู้การเรือ ไปจนถึง กำลังพลทุกนาย ถึงเหตุการณ์เกิดขึ้น ขั้นตอนปฏิบัติ เพราะฉะนั้นในรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาเหตุของเรือจมที่มีการกล่าวว่าเสื้อชูชีพไม่พอกับกำลังพล ต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่กองทัพเรือ ขอให้ประชาชนได้รับทราบว่าเรามีกฎหมายแนวทางปฏิบัติที่จะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น รายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์สูญเสียในบางเรื่องเราสามารถเปิดเผยได้ แต่ในบางเรื่องก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เปิดเผยไม่ได้ กองทัพเรือไม่ปกปิดข้อมูลใดๆทั้งสิ้นเราจะสอบสวนทางข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงโดยเฉพาะญาติพี่น้องของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ได้รับความสูญเสีย และเข้าใจถึงญาติพี่น้องของกำลังพลที่ยังหาไม่พบ ตอนนี้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้พี่น้องผู้สูญหายได้สอบถาม เฝ้าติดตามสถานการณ์ จะมีการดูแลกำลังพลอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ได้แต่งตั้งให้ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กร. เป็นประธานคณะกรรมการในการพิจารณาในการกู้เรือ

“ผมจะนำกำลังพลทุกนายกลับบ้านยืนยันว่ากองทัพเรือจากทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถในการช่วยเหลือกำลังพลทั้งในส่วนที่รับตัวมาแล้วและที่ยังค้นหาไม่พบ”

ด้านพล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า เวลา 15.00 น. ของวันนี้ ตรวจพบผู้รอดชีวิตลอยห่างจากจุดที่เรือจมประมาณ 60 กิโลเมตร ย้ำว่ากองทัพเรือยังคงดำเนินการค้นหาลูกเรือที่เหลืออยู่ ทั้งนี้สรุปแล้วตอนนี้เราค้นหาพบแล้ว 81 ราย ยังเหลือที่ยังไม่พบอยู่ในน้ำอีก 24 ราย และผู้ที่พบแล้วมีผู้เสียชีวิต 5 ราย อยู่ระหว่างการนำส่งและพิสูจน์ทราบ ทั้งนี้หลังจากนี้กองทัพเรือร่วมกับกองทัพอากาศจะดำเนินการค้นหากำลังพลตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าจะพบกำลังพลที่เหลืออีก 24 ราย

ส่วนกรณีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอ เนื่องจากมีกำลังพล นย.และสอ.รฝ. 30 คน ซึ่งไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ เดินทางไปกับเรือ เพื่อร่วมภารกิจถวายพระเกียรติ 100 ปีกรมหลวงชุมพร ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร จึงไม่มีเสื้อชูชีพให้กำลังพลส่วนนี้ และช่วยเหลือได้ 18 คน โดยอยู่ใน 75 คนแรก และยังหาไม่พบ 12 คน และยืนยันว่า การช่วยเหลือเป็นไปตามมาตรการที่ทางเรือกำหนด มีการเกาะเป็นหมู่ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสภาพฉุกเฉิน และไม่คาดคิด

ต่อมาเวลา 18.30 น. กองทัพเรือ แจ้งสรุปรายงานการตรวจพบผู้ประสบภัย จากเดิม 6 ราย เป็น 7 ราย โดยอีกรายพบว่าเป็นผู้เสียชีวิต จึงทำให้ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตเป็น 6 ราย รอดชีวิต 1 ราย ยังเหลือที่ยังไม่พบอีก 23 ราย

วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางว่า สธ.ได้รับการประสานจากกองทัพเรือส่งผู้ป่วยมารับการรักษาที่ร.พ.บางสะพาน 65 ราย ล่าสุดเช้าวันนี้ ได้รับรายงานจากนพ.กิตติ กรรภิรมย์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 5 ว่า ผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถจำหน่ายให้กลับบ้านได้แล้ว 59 ราย ยังเหลือนอนรักษาใน ร.พ. 6 ราย ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บมีอาการกระดูกหักหรือมีบาดแผลฉีกขาด ซึ่งร.พ.บางสะพานมีแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและมีศักยภาพในการรักษาดูแลผู้ป่วยได้ จึงไม่ต้องส่งต่อไปรับการรักษาที่ร.พ.ประจวบคีรีขันธ์ อาการโดยรวมอยู่ในขั้นปลอดภัย ร.พ.บางสะพานจะดูแลอย่างเต็มที่จนกว่าจะจำหน่ายกลับบ้านได้ หรือหากประสงค์จะย้ายไปรับการรักษาต่อกับ ร.พ.ต้นสังกัดก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามช่วยเหลือกำลังพลจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางว่า กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนญาติกำลังพลเรียกร้องให้สอบสวนสาเหตุเรืออับปาง ก็ทำอยู่แล้ว โดยบ่ายนี้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ไปเยี่ยมในพื้นที่ในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยความห่วงใย ชีวิตคน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็ต้องไปสอบหาสาเหตุ และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก สิ่งสำคัญที่สุดคาดหวังว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ปลอดภัยทุกอย่าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน