บิ๊กเด่นรุดนราฯ ออกหมายจับ ระเบิดรางรถไฟ

ผบ.ตร.บิ๊กเด่นบินด่วนลงใต้แถลงเอง รวบแล้ว 2 มือคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจนราธิวาส รับสารภาพสิ้น เร่งล่าตัวออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 7 ราย พร้อมเผยความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดรถไฟพื้นที่สงขลา ออกหมายจับแกนนำ‘อัซมัน เปาะเลาะ’ ชี้รูปแบบก่อเหตุเหมือนปี 64 ใช้ระเบิดแบบเหยียบ ส่วนที่ปัตตานีกลุ่มคนร้ายป่วนไม่เลิก ขโมย-ยิงกล้องวงจรปิด และพ่นสเปรย์ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2 วัน รวม 17 จุด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ม.ค. ที่บก.ภ.จ.นราธิวาส พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต..ท.สราวุฒิ การพานิชผู้ช่วยผบ.ตร., พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภาค 9, พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผบช.ตชด., นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าฯ นราธิวาส, พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ รองผบช.ตชด., พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รองผบช.ภาค 9, พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผบช.ภาค 9, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา, น.อ.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นย.ทร. แถลงข่าวจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องคดีลอบวางระเบิดแฟลตตำรวจนราธิวาส และความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดทางรถไฟพื้นที่สงขลา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อ 22 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 25 นาย และครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ บาดเจ็บ 18 ราย แฟลตและบ้านพักของทางราชการได้รับความเสียหาย 70 ห้อง อีกทั้งทรัพย์สินส่วนตัวได้รับความเสียหายจำนวนมาก หลังเกิดเหตุพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อสถานการณ์ สั่งการให้เร่งสืบสวนติดตามผู้กระทำผิด และดูแลขวัญกำลังใจตำรวจให้ดี ตนได้สั่งระดมชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก จนพบว่าคนร้ายขับรถยนต์กระบะคันประกอบระเบิด หรือคาร์บอมบ์ มาจอดภายในบริเวณแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ จากนั้นเดินลงจากรถออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่มารอรับด้านหน้าแล้วหลบหนีไป

ลุยใต้ – พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. บินด่วนไปแถลงข่าวจับกุม 2 มือคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจนราธิวาส เมื่อเดือนพ.ย.2565 พร้อมเร่งล่าตัวอีก 7 ผู้ร่วมก่อเหตุ ที่บก.ภ.จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ผลการตรวจสอบทางทะเบียน รถยนต์ที่นำมาใช้ก่อเหตุ เป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน กค 6961 ตรัง พบว่ามีการโอนขายลอยกันเป็นทอดๆ ตั้งแต่ปี 2564 และนางสาวไซนะ เป็นผู้ครอบครองคนสุดท้าย ก่อนที่จะได้มีการประกาศขายทางเฟซบุ๊ก ต่อมามีคนมาติดต่อซื้อ นัดส่งมอบรถกันบริเวณต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2565 โดยมีชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มารับรถ มีพยานยืนยันว่า 1 ใน 2 คนที่มารับรถคือนายฮัสบูเล๊าะ สะนิ

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่ใช้ในการก่อเหตุ พบว่าคนร้ายเดินทางออกมาจากพื้นที่อ.ตากใบ มียานพาหนะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุจำนวน 6 คัน ตรวจยึดแล้ว 5 คัน และขยายผลจนสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัย 2 คน คือ นายอับดุลมูบิน ลาเต๊ะ และนายอุสมัน สะนิ ซึ่งจากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่าร่วมกันกับพวกก่อเหตุคดีนี้ สามารถพิสูจน์ทราบรู้ตัวบุคคลที่ร่วมกระทำผิดแล้ว 9 คน ขณะนี้ศาลจังหวัดนราธิวาสได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีนี้แล้ว 9 คน ประกอบด้วย 1.นายฮัสบูเลาะ สะนิ 2.นายอับดุลมูบิน ลาเต๊ะ 3.นายอับดุลมาทิน มามะ 4.นายอุสมัน สะนิ 5.นายอับดุลฮาฟิซ ดือเระ 6.นายวาฟี สะปาดี 7.นายอีซาล สาและ 8.นายไซปูรูสมัน มามะ และ 9.นายมูฮำหมัดฮาฟิส เจะดือราแม ซึ่งตำรวจจับกุมได้ 2 ราย ส่วนอีก 7 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า สำหรับคดีที่ 2 ความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดขบวนรถไฟขนสินค้า ระหว่างสถานีรถไฟคลองแงะ-ปาดังเบซาร์ ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2565 ทำให้ขบวนรถไฟตกราง รางรถไฟ และสินค้าได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และกรณีเหตุวันที่ 6 ธ.ค. 2565 ขณะ เจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าเก็บกู้รางและขบวนรถไฟ ได้เกิดระเบิดอีกหนึ่งลูก ทำให้ เจ้าหน้าที่การรถไฟเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 4 นาย

จากการตรวจที่เกิดเหตุ พบชิ้นส่วน ถังแก๊ส และชิ้นส่วนองค์ประกอบระเบิดบางส่วน เชื่อว่าเป็นระเบิดแบบเหยียบ โดยที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลอบวางระเบิดแบบเหยียบที่มีการก่อเหตุต่อรางและขบวนรถไฟ ที่มีลักษณะคล้ายกับคดีนี้ มีการออกหมายจับนายอัซมัน เปาะเลาะ กับพวก คนร้ายที่ก่อเหตุช่วงปี 2564 ซึ่งจากการเปรียบเทียบวัตถุพยานและแผนประทุษกรรมคดีนี้พบว่า เหมือนกันกับคดีที่นายอัซมัน เปาะเลาะ เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ และจากกรณีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมตัว นายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ พร้อมกับอาวุธปืน 4 กระบอก พื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อ 3 ก.พ. 2565 ผลการซักถามนายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ ให้การยอมรับว่าก่อนถูกควบคุมได้รับคำสั่งจากนายอับดุล (สงวนนามสกุล) ให้ตนเองกับนาย อัซมัน เปาะเลาะ สำรวจดูเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ บริเวณบ้านท่าโพธิ์ เพื่อเตรียมก่อเหตุ ซึ่งได้มีการชี้จุดไว้ในแผน และมีการแจ้งเตือนให้หน่วยเฝ้าระวัง

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นาย จีรศักดิ์ยังให้การรับสารภาพว่า กลุ่มเครือข่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มนายจีรศักดิ์ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา มีจำนวน 17 คน จับกุมแล้ว 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่กระทำวิสามัญฆาตกรรม 4 คน หลบหนี 10 คน รวมทั้งนายอัซมัน เปาะเลาะ ที่มีหมายจับป.วิ อาญา 18 หมาย คนเดียวด้วย

สำหรับคดีนี้ก่อนเกิดเหตุมีพยานยืนยันว่า วันเกิดเหตุมีพยานพบเห็นและได้พูดคุยกับนายอัซมัน ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์กับพวก 2 คน ออกจากที่เกิดเหตุก่อนเกิดระเบิดประมาณ 30 นาที โดยในส่วนของนายอัซมันนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับไว้แล้ว ส่วนกลุ่มขบวนที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า คดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญในการสืบสวนติดตาม รวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และฐานข้อมูลความเชื่อมโยงของคดี จนนำไปสู่การออกหมายจับ ต้องขอบคุณและชมเชยคณะทำงานที่สามารถคลี่คลายทั้ง 2 คดี โดยได้สั่งการขยายผลติดตามผู้กระทำผิดที่ถูกออกหมายจับมาดำเนินคดี และเพิ่มมาตรการป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่ รวมทั้งขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตามข้อห่วงใยของพล.อ.ประยุทธ์

ด้านนายสนั่น ผู้ว่าฯ นราธิวาส กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ เยียวยาฯ จ.นราธิวาส มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาด้านร่างกายไปแล้ว 46 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 950,000 บาทเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่23 พ.ย.2565 แบ่งเป็นกรณี เสียชีวิต 1 รายเป็นเงิน 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บ 45 ราย เป็นเงิน 450,000 บาท และวันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ด้านทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ รถจักร ยานยนต์ จำนวน 46 ราย รวมทั้งสิ้น 6,146,414 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.01 น. วันที่ 2 ม.ค. กลุ่มคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ยังคงเข้าก่อเหตุป่วนในพื้นที่จ.ปัตตานีอย่างต่อเนื่อง โดยลอบเข้าก่อเหตุขโมยกล้องวงจรปิด ยิงทำลาย และพ่นสีสเปรย์ ในพื้นที่อ.หนองจิก อีก 4 จุด ได้แก่ 1.ใช้อาวุธปืนยิงกล้องวงจรปิด บริเวณสามแยกบ้านบางทัน ม.3 ต.บางเขา อ.หนองจิก ได้รับความเสียหาย 1 ตัว ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 5.56 ม.ม. จำนวน 10 ปลอก 2.บริเวณเสาไฟฟ้าริมถนนสายบางพัน-ท่ายามู พื้นที่ ม.3 ต.บางเขา อ.หนองจิก กล้องวงจรปิดของทางราชการสูญหาย 1 ตัว

3.บริเวณเสาไฟฟ้าริมถนนสายบางเขา-แคนา พื้นที่ ม.6 ต.บางเขา กล้องวงจรปิดของทางราชการได้รับความเสียหายเลนส์กล้องแตก และฝาปิดด้านหน้าบุบ 4.บริเวณถนนสายบางพัน-ท่าย่ามู พบมีการพ่นข้อความเชิงสัญลักษณ์ ด้วยสีแดง จำนวน 3 จุด เหตุเกิดพื้นที่ ม.3 และม.6 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า มีการเข้าก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้าก่อเหตุในพื้นที่ของ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ยะหริ่ง อ.มายอ อ.ปะนาเระ และ อ.หนองจิก ตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธ.ค. 2565-และคืนวันที่ 1 ม.ค. 2566 รวมทั้งสิ้น 17 จุด สำหรับพื้นที่หนองจิก คนร้ายหวังทำลายกล้องวงจรปิดเป็นหลัก คาดว่ามีแผนการที่จะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้ลงมือทำลายกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันการจับภาพและการติดตามคนร้ายของเจ้าหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน