สงขลานัดชุมนุมหมอจ่อฟ้องสธ.

‘หมอสุภัทร’เปิดใจถูก ย้ายจากผอ.ร.พ.จะนะ ไปร.พ. สะบ้าย้อย เผยอยู่พัฒนาจะนะมากว่า 20 ปี อยากอยู่จนเกษียณที่นี่โวยมีเบื้องหลังคำสั่งย้าย แย้มฟ้องศาลปกครอง แต่ขอหารือก่อนจะฟ้องใคร ยันไม่เกี่ยวถูกภาคทัณฑ์กรณีกระจายวัคซีนโควิดรพ.สต. ‘อนุทิน’ยันไม่เกี่ยวการเมือง ระบุเป็นอำนาจของปลัดสธ. ระบุ‘หมอสุภัทร’ไม่ได้เสียประโยชน์จากการถูกย้ายครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ทักท้วงการย้าย ทั้งที่ไม่ได้บกพร่องหน้าที่ จี้สธ.แจงเหตุผลให้สังคมหายคลางแคลงใจ ด้านภาคประชาสังคมสงขลาออกแถลงการณ์จี้‘อนุทิน’ทบทวน คำสั่งย้าย ขู่เลือกตั้งครั้งนี้จะให้บทเรียนพรรคภูมิใจไทย

จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มี คำสั่งย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.ร.พ. จะนะ จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปเป็นผอ.ร.พ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีผลเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์เฟซบุ๊กถึง “ความในใจเมื่อผมโดนย้าย” ระบุว่า ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 2538 เป็นผอ.ร.พ.จะนะ ตั้งแต่ปี 2542 มีแพทย์เพียง 3 คนอยู่หลายปี ผมสนุกกับงาน เป็นทั้งผอ.และหมอ ตรวจคนไข้ อยู่เวร ออกชุมชน สอนนักศึกษา บริหารโรงพยาบาล ร่วมกิจกรรมชุมชน ทั้งการคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ผมผูกพัน กลายเป็นส่วนหนึ่งของจะนะ อายุราชการที่เหลืออีก 7 ปีก็คิดจะเกษียณที่จะนะ

สธ.วางระบบไว้ว่า ตำแหน่งผอ.โรงพยาบาลชุมชนและแพทย์สามารถขึ้นได้ถึงระดับวิชาการเชี่ยวชาญ ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งบริหารจึงไม่มีวาระที่ต้องย้าย ผอ.โรงพยาบาลชุมชนจำนวนมาก รวมทั้งผมจึงเลือกทำงานจนเกษียณโดยไม่ขอย้าย ทำให้งานสาธารณสุขในชนบทเกาะติดพื้นที่พัฒนาได้ต่อเนื่อง

ปี 2563 ผมรับภารกิจเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทอีกตำแหน่งหนึ่ง ทำหน้าที่ทักท้วงเสนอแนะเรื่องราวใน สธ. อาทิ การไม่เห็นด้วยต่อนโยบายกัญชาเสรี การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม การบริหารจัดการโควิดและวัคซีน การไม่ลงนามงบส่งเสริมป้องกันปี 2566 หรือการซื้อ ATK ที่มีข้อสงสัย สิ่งเหล่านี้สร้างความหงุดหงิดต่อใครบางคน จนนำมาสู่คำสั่งให้ย้ายผมให้ได้ก่อนยุบสภา

จริงๆ การจะย้ายผมไม่ยากเลย เพียงแค่ปลัดกระทรวงสั่งย้ายตามอำนาจที่ท่านมี (แต่ต้องมีเหตุมีผลด้วยนะ) แต่เพราะตำแหน่งผมเป็นตำแหน่งวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ไม่มีเกณฑ์ที่ต้องถูกย้ายตามวาระ เหตุความผิดที่ต้องถูกย้ายก็ไม่มี ผมเองก็ไม่ได้สมัครใจย้าย ปลัดกระทรวงจึงไม่กล้าเซ็นเอง เพราะกลัวผิดกฎหมายอาญา ม.157 เลยต้องสั่งการให้ ผู้ตรวจราชการเป็นคนเซ็น ใครลงนามจะได้เลื่อนชั้นรวดเร็ว เรื่องราวจึงโกลาหล

7 ธ.ค. 2565 สธ.ลงนามคำสั่งโยกย้าย ผู้ตรวจราชการทั่วประเทศ ช่วงนั้นมีข่าวผมจะถูกย้ายอีก ทราบว่าผู้ตรวจไม่ยอมลงนาม ด้วยเห็นว่าไม่มีเหตุให้สั่งย้าย ผลคือ วันที่ 11 ม.ค. 2566 ปลัดกระทรวงมีคำสั่งย้ายผู้ตรวจคนดังกล่าวไปอยู่เขตอื่น

แต่ระเบียบการให้อำนาจผู้ตรวจสั่งย้าย ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญในโรงพยาบาลชุมชนยังไม่ชัดเจน ปลัดสธ.จึงลงนามในหนังสือหลักเกณฑ์ใหม่ลงวันที่ 23 ม.ค.2566 ให้ ผู้ตรวจมีอำนาจย้ายวิชาการเชี่ยวชาญได้ หนังสือยังไม่ถึงหน่วยงานเลย วันที่ 25 ม.ค. ถัดไปสองวันก็มีการประชุมคณะกรรมการย่อยพิจารณาย้ายผมและลงนามในคำสั่งย้ายผมไปเป็นผอ.ร.พ.สะบ้าย้อยทันที วันที่ 26 ม.ค. 2566 คำสั่งย้ายผมหลุดออกมาทางสื่อ โดยที่ผมไม่ได้เห็นก่อน จะย้ายผอ.ร.พ.บ้านนอกสักคนต้องทำพิรุธเป็นขั้นเป็นตอนเพียงนี้เชียวหรือ ซึ่งเป็นผลดีมากกับผมในการฟ้องศาลปกครองและฟ้องผิดกฎหมายอาญา ม.157

วันนี้ 27 ม.ค. 2566 คำสั่งย้ายที่เป็นทางการยังมาไม่ถึงผม ส่วนใครเป็นคนบงการสั่งย้ายผมคิดเอาเองนะครับ”

นพ.สุภัทรให้สัมภาษณ์กรณีมีคำสั่งย้ายว่า มองได้ชัดว่าไม่ปกติ ตนมีอีกภารกิจเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทตั้งแต่ปี 2563 วิพากษ์วิจารณ์การทำงาน นโยบายต่างๆ ของสธ. เช่น ไม่เห็นด้วยต่อนโยบายกัญชาเสรี การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม การบริหารจัดการ โควิดและวัคซีน การไม่ลงนามงบส่งเสริมป้องกันโรคปี 2566 หรือการซื้อ ATK ที่มี ข้อสงสัย ไม่ทราบว่าเพราะเหตุนี้หรือไม่จึงมีคำสั่งย้ายที่ไม่เป็นธรรม และไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อน

เมื่อถามว่ากรณีภาคทัณฑ์จากการเผยแพร่ข้อมูลนโยบายกระจายวัคซีนสู่รพ.สต.เป็นการนำวัคซีนหมดอายุไปทิ้ง จะเกี่ยวข้องกับการย้ายครั้งนี้หรือไม่ นพ.สุภัทรกล่าวว่า ไม่มีผลต่อการย้าย เพราะเป็นการทำหน้าที่ในนามประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่วิจารณ์เรื่องการจัดสรรวัคซีนลงสู่รพ.สต. ไม่ได้เป็นการลงโทษทางวินัยอันเนื่องจากการบริหาร ร.พ.จะนะ จึงไม่ใช่เป็นเหตุให้ย้ายตนจากกรณีวินัยครั้งนั้น หากสังเกตคำสั่งย้ายที่ออกมา จากสื่อ ก็ไม่ได้อ้างอิงคำสั่งสอบวินัยครั้ง นั้น แต่การย้ายกลับอ้างว่าให้ไปแก้ปัญหาร.พ.สะบ้าย้อย


ฮือต้าน – ชาวบ้านจำนวนมากชุมนุมหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ยื่นหนังสือถึงรมว.สาธารณสุข คัดค้านคำสั่งย้ายนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.ร.พ.จะนะ และประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกจากพื้นที่ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.

เมื่อถามกรณีมีคนมองว่าการย้ายผอ.ร.พ. ที่มีศักยภาพในการทำงานไปพัฒนาร.พ.อื่นๆ ย่อมก่อประโยชน์ต่อพื้นที่ต่อประชาชน นพ. สุภัทรกล่าวว่า เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะการทำงานในร.พ.ชุมชน ไม่เหมือน กับร.พ.จังหวัดที่บริหารร.พ.เป็นหลัก แต่ร.พ.ชุมชนต้องบริหารชุมชนด้วย ต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดี การทำงานร่วมกับชุมชน ซึ่งสร้างไม่ได้ใน 2-3 ปี ต้องใช้เวลา 5-10 ปี มีมิตรภาพ การทำงานร่วมกับอสม. ผู้ใหญ่บ้าน ทำงานชุมชน พระสงฆ์ โต๊ะอิหม่าม สิ่งเหล่านี้ต้องการการอยู่นาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องศาลปกครองกับ ม.157 เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรมหรือไม่ นพ. สุภัทรกล่าวว่า คิดว่าเช่นนั้น ส่วนจะฟ้องใคร ฟ้องอย่างไร ขอปรึกษาหารือก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดเยอะ

เมื่อถามต่อว่าจะอุทธรณ์กับปลัดสธ. หรือไม่ นพ.สุภัทรกล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งย้าย ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ เห็นแต่สื่อออกข่าว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สธ. ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องของข้าราชการประจำ เพราะรัฐมนตรีไม่ได้ลงไปรู้จักกับผอ.ร.พ.ชุมชน

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ามีนัยยะทางการเมือง เพราะนพ.สุภัทรออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชา และการควบคุมโควิด นายอนุทินกล่าวว่า ฝ่ายการเมืองจะไปหวั่นไหวกับทุกเรื่องได้อย่างไร การเมืองดูแลเรื่องนโยบาย ฝ่ายปลัดกระทรวงให้ไปถ่ายทอดยังข้าราชการต่อไป หากนโยบายใดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกระเบียบก็สามารถเลือกไม่ปฏิบัติตามได้ ดังนั้นอย่าเอารัฐมนตรี เอาเรื่องการเมืองเข้าไปข้องเกี่ยว

เมื่อถามว่าเมื่อเกิดความสงสัยถึงเหตุผลการสั่งย้าย ได้สอบถามเรื่องนี้กับผู้ที่สั่งย้ายหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้สอบถาม เพราะเราไม่ก้าวก่ายการทำงานกัน เป็นอำนาจของปลัด สธ. ไม่ต้องรายงานมาที่รมว.สธ.

เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งย้าย โดยตั้ง ข้อสังเกตเป็นการโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าหากคนที่ไม่เข้าใจ ก็อาจคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่คนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเรื่องของการทำงาน เป็นอำนาจของปลัด สธ.ในการบริหารจัดการ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ทำไมไม่มองว่าการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนภารกิจ หน้าที่ เป็นเรื่องปกติในระบบราชการ หากนพ.สุภัทร บอกว่าตัวเองมีผลงาน มีความเก่ง ก็ยิ่งดีใหญ่ จะได้ไปพัฒนาร.พ.ที่ต้องการพัฒนา ยิ่งได้คนเก่งไป ยิ่งเป็นผลดีกับชาวบ้าน กับสธ. อย่าง 2 ปีที่แล้ว นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ย้ายจากผอ.ร.พ.ขอนแก่น ไปร.พ.ร้อยเอ็ด ที่ตอนแรกบอกว่าแย่แน่นอน แต่ทุกวันนี้ ร.พ.ร้อยเอ็ด กลายเป็นร.พ.ที่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้อยู่กับบุคคล คนเก่งไปอยู่ไหนก็ได้

“ถ้ามีความมั่นใจว่า ตอนที่เราอยู่ ทำความเจริญ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำอะไร หลังจากที่เราย้ายไปแล้ว เวลาที่ใครถูกย้ายแล้วโวยวาย ส่วนใหญ่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า อาจทำอะไรไม่ดีไม่งามไว้ แล้วกลัวคนมาตรวจสอบ” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า นพ.สุภัทรบอกว่าถูกย้ายไปในพื้นที่ที่ทุรกันดารกว่าเดิม อาจเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นั่นก็เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับเหตุผลที่บอกว่า นพ.สุภัทรมีความสามารถ เสียสละ เราก็ต้องไปพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญ ให้ประชาชนได้ประโยชน์ ก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประธานชมรมแพทย์ชนบทไม่ใช่หรือ ตนไม่ได้เกลียดหรือรัก เป็นคนรู้จักกัน อันที่เขาทำดี ก็ชื่นชม ส่วนที่เขากล่าวหาผู้บังคับบัญชา ตนก็รู้สึกว่าทำไม่ถูก แต่ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะไปตักเตือนหรือลงโทษ เพราะสายการบังคับบัญชามีหลายขั้นและเป็นอำนาจที่ปลัดสธ. ไม่ใช่จบที่ตน

ส่วนกรณีประชาชน รวมถึงเอ็นจีโอใน พื้นที่จ.สงขลา ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งย้าย และจะนำพวงหรีดและดอกไม้จันทน์ไปวางที่สสจ.สงขลา นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ ขอให้แสดงออกตามขอบเขตกฎหมาย อย่าโทษเรื่องการเมือง เพราะไม่มีความเชื่อมโยงกัน คำสั่งทางการเมืองจะต้องเป็นไปตามขอบเขตตามกฎหมาย

เมื่อถามต่อว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า หนึ่งในสาเหตุที่นพ.สุภัทรถูกย้ายเพราะตรวจเจอความผิดปกติของการสั่งซื้อ ATK นายอนุทินกล่าวว่า รมว.สธ. และปลัด สธ.คนที่แล้วเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ซื้อ ATK ราคาแพง อย่างที่ร.พ.จะนะซื้อชุดตรวจราคาสูง ร่วมกับพรรคการเมือง แจกบัตรคิว โดยใช้ทรัพยากรของกระทรวง ตนไม่ได้ว่าอะไรเพราะประชาชนได้ประโยชน์ ทำไมเวลาที่ตัวเองกล่าวหาผู้บังคับบัญชาในสายงาน ปลัดสธ.ก็ไม่ได้ให้ใครวางพวงหรีด เราแมนๆ หน่อย เป็นลูกผู้ชาย อันนี้พี่สอนน้อง เวลามีอะไรเราต้องแมนๆ แต่รมว.สธ. แมนมาก

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. กล่าวว่า อำนาจการสั่งย้ายผอ.ร.พ.ชุมชน เป็นอำนาจของผู้ตรวจราชการสธ. ไม่ใช่อำนาจของปลัดสธ. และไม่ได้มีการแก้ไขหนังสือ คำสั่ง เพื่อหวังจะมาย้ายคนคนเดียว หรือย้ายนพ.สุภัทรออกจากพื้นที่แน่นอน ทุกอย่างเป็นอำนาจผู้ตรวจฯ ส่วนปลัดทำหน้าที่ออกกติกา และทำให้ชัดเจน ระเบียบใช้กับทุกคน ไม่ได้ใช้กับนพ.สุภัทรคนเดียว โดยระเบียบของข้าราชการระดับสูงก็มีการโยกย้ายทุก 4 ปี โดยปกติการอยู่ในตำแหน่งผอ.ร.พ.ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร อย่างนพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผอ.ร.พ.อุ้มผาง จ.ตาก แพทย์ชนบทตัวจริงที่มุ่งทำงานในพื้นที่ ก็ไม่ขอโยกย้าย และไม่มีใครขอย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ตรงนั้นก็เลยอยู่นาน

“ส่วนพื้นที่อ.จะนะ จะเห็นว่าขณะนี้มีความเจริญมาก ไม่ได้กันดารหรือลำบากเหมือนในอดีต การย้ายไปที่อ.สะบ้าย้อย ก็ดูแล้วว่าไม่ได้มีการสูญเสียอะไร ทั้งเงินเดือนและเบี้ยเสี่ยงภัย ได้รับครบ ไม่ได้มีอะไรที่ นพ.สุภัทรเสียประโยชน์” นพ.โอภาสกล่าว

วันเดียวกัน ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสงขลา เดินทางมาอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยขอให้ทบทวนการย้ายนพ.สุภัทร และขอให้หยุดใช้อำนาจการเมืองรังแกข้าราชการ

พร้อมระบุด้วยว่า การออกมาเคลื่อนไหวในฐานะภาคประชาชนจ.สงขลา ไม่มีเจตนาสร้างอำนาจพิเศษให้นพ.สุภัทร จากการถูกโยกย้ายครั้งนี้ และการย้ายนพ.สุภัทรครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของรมว.สธ.ต่อการใช้อำนาจทางการเมืองต่อการบริหารราชการที่กำลังกดทับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเห็นได้ชัด จึงให้โอกาสนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยแก้ตัวด้วยการทบทวนการใช้อำนาจครั้งนี้ มิเช่นนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยจะได้รับบทเรียนจากคนสงขลาและคนภาคใต้

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เพื่อไทย และผู้นําฝ่ายค้านในสภาฯ ออกแถลงการณ์ เรื่องการย้ายนพ.สุภัทร ระบุว่า แม้การโยกย้ายดังกล่าวจะเป็นอํานาจหน้าที่ของปลัดสธ.ที่จะทําได้ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากการย้ายนพ.สุภัทรตามคําสั่งดังกล่าว ไม่ได้ให้เหตุผลถึงการโยกย้ายไว้ จึงมีข้อสังเกตว่าเหตุผลอันแท้จริงมาจากเรื่องใด เพราะนพ.สุภัทรก็ปฏิบัติหน้าที่ในร.พ.จะนะมานาน มีความผูกพันกับชาวบ้านและชุมชน และไม่ปรากฏว่านพ.สุภัทรได้กระทําการใดที่เป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ที่ต้องมีการโยกย้าย

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง นพ.สุภัทรเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทที่ออกมาทักท้วง เสนอแนะ และไม่เห็นด้วยกับนโยบายของสธ.หลายเรื่อง เช่น นโยบายกัญชาเสรี การบริหารจัดการโควิดและวัคซีน รวมถึงการจัดซื้อ ATK ดังนั้น เหตุผลการโยกย้ายครั้งนี้ก็ยังมีข้อน่าสงสัยว่าจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ประกอบกับเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาล โดยหลักแล้วควรจะทําเฉพาะกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเท่านั้น ในฐานะ ผู้นําฝ่ายค้านในสภาฯ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงเหตุผลการโยกย้ายนพ.สุภัทรครั้งนี้ เพื่อให้สังคมคลาย ข้อสงสัยต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน