อิ๊งเย้ยสว.เชย-ขวางนั่งนายกฯ
สว.อุปกิตฟ้องโรม-เรียก100ล.

‘บิ๊กตู่’ เผยยุบสภา มีวันในใจแล้ว ยันเปล่าเตะถ่วงรอ ‘รทสช.’ พร้อม บ่นเครียด-เหนื่อย มาหลายวัน เลขาฯ รทสช.ยันพร้อมสู้ศึก ‘วิษณุ’ชี้ 7 พ.ค.ถูกโฉลกจัดเลือกตั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ เริ่มแล้ว นำทีมเดินสายหาเสียงอุบลฯ วันเดียว 3 เวที ต่อด้วยอำนาจเจริญ-ร้อยเอ็ด ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ถ้าประชาชนเลือกเพื่อไทย แลนด์สไลด์ แขวะส.ว.ความคิดเชย ขวางคนอายุน้อยเป็นนายกฯ ‘ชลน่าน’ โวเพื่อไทยคะแนนนิยมพุ่งทั่วประเทศ รัฐสภาล่มส่งท้ายก่อนปิดสมัยประชุม ‘ส.ว.อุปกิต’ ส่งทนาย ยื่นฟ้อง ‘ส.ส.โรม’ หมิ่นประมาท กล่าวหาเอี่ยวยาเสพติด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน

‘บิ๊กตู่’แจงยิบภารกิจกอ.รมน.
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานวันสถาปนา กอ.รมน. ครบรอบ 15 ปี ถึงกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล(ก.ก.) เรียกร้องให้ยุบ กอ.รมน.ว่า ทราบหรือไม่ถึงภารกิจ ของกอ.รมน. อยากให้ติดตามว่าทุกอย่างมีความเป็นมา เหตุใดจึงต้องมีและมีมาตั้งแต่ เมื่อใด กอ.รมน.เป็นหน่วยงานที่ใช้ในการ บูรณาการความมั่นคงภายใน หลายคนอาจ มองว่ามีทหาร ตำรวจ และหน่วยงานราชการอยู่แล้ว แต่เมื่อใดปัญหามีความเชื่อมโยงกันต้องมีกฎหมาย หน่วยงานที่ต้องทำงานร่วมกันกรณีเกินกำลัง เกินขีดความสามารถของ หน่วยงานปกติ เหมือนในอดีตที่มีคอมมิวนิสต์

วันนี้แม้จะไม่มีแล้ว แต่มีสถานการณ์อื่นเข้ามา เช่น ปัญหาความมั่นคงภายใน ปัญหายาเสพติด และมีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศด้วย กอ.รมน.จึงเป็นหน่วยงานเสริมหน่วยงานอื่นในการปรึกษาหารือพูดคุย และหากสถานการณ์รุนแรง ก็มีพ.ร.บ.ความมั่นคง ทำให้สามารถกำกับดูแลได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในต่างประเทศมี National Gard สถานการณ์ปกติตำรวจก็ดูแลไป หากในต่างประเทศมีความรุนแรงเกิดขึ้นจะใช้หน่วยงานนี้ กอ.รมน.ของไทยไม่ได้มุ่งหมายถึงขั้นนั้น แต่ต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้

ย้ำไม่ใช่มีไว้เพื่ออำนาจ
“ไม่ใช่มีไว้เพื่อต้องการมีอำนาจ เหนือโน้นเหนือนี่ ไม่ต้องหรอกครับ อำนาจทั้งหมดอยู่ที่พวกเรา ถ้าอยู่ในกรอบกติกาของกฎหมายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรก็ได้ วันหน้าไม่ต้องมีเลยก็ได้ มันเป็นไปได้ไหมเล่า สถานการณ์ปัจจุบันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เข้ามาจำนวนมาก ทั้งภัยไซเบอร์ ภัยจาก ต่างประเทศ กอ.รมน.เป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา เหมือนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองดูแลเจ้าหน้าที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายคนกังวลว่าอาจใช้ กอ.รมน.ทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ชี้แจงอยู่นี่ไงว่ากอ.รมน.ทำอะไรบ้าง ไปจับกุมใครหรือเปล่า” ต่อข้อถามว่าในระดับพื้นที่มีการใช้ กอ.รมน.เผยแพร่เรื่องการเมืองกับชาวบ้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “นั่นสิ แล้วผิดไหมเล่า ตอบมาสิ เขาทำผิดหรือไม่ หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี ประเทศ โลกนี้อยู่ด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ ละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ไม่ใช่มั้ง คุณต้องการให้ประเทศชาติวุ่นวาย สับสนอลหม่านหรือเปล่า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องมีกฎหมาย บอกมาเลยว่านายกฯ ไม่ต้องทำหรอก จะได้ไม่ต้องทำ”

ก่อนพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นรถกลับ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกำหนดวันยุบสภา จะเป็นช่วง วันเกิดของนายกฯ วันที่ 21 มี.ค.นี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้วคุณเกิดเมื่อไร ผู้สื่อข่าวตอบว่า 16 ธ.ค. แต่ไม่ทันยุบสภา นายกฯ ตอบว่า ไม่ทันก็เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน พร้อมย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า เริ่มต้นวันดีๆ หน่อย

ยันตั้งใจทำงานเพื่อทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการอภิปรายพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่าง 15-16 ก.พ.เสร็จสิ้นว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นกำลังใจให้ ทุกคนคงทราบดีนายกฯ พยายามทำทุกอย่างให้ประเทศชาติเดินหน้าไปต่อ ก็แล้วแต่อนาคต สิ่งสำคัญที่สุดอยากบอกพวกเราว่าทุกคนและทีมงานข้าราชการทั้งหมดพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาหลายปัญหามีความซับซ้อนหลายเรื่องด้วยกัน ต้องใช้เวลาในการแก้ไขพอสมควร จนกว่าจะไปถึงเป้าหมาย 100%

สิ่งที่พูดมา 2 วัน หลายอย่างฟังไปที่เป็นประโยชน์จะนำไปปรับปรุงแก้ไขในหลายเรื่อง เรารับฟังเหตุผลทุกคน ฟังแล้วหาเหตุผลข้อเท็จจริงต่างๆ นายกฯ ตั้งใจอยู่แล้ว ทำเพื่อทุกคน เพื่อประเทศชาติและประชาชนทุกคนและนี่เป็นสภา ตนก็ให้เกียรติสภา

ต่อข้อถามว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าลง พื้นที่ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง (รทสช.) ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องทำตามหน้าที่ของเรา เรายังเป็นนายกฯ อยู่ แม้เลือกตั้งแล้วยังคงเป็นนายกฯ รักษาการอยู่ดี ต้องใช้เวลาในช่วงนี้ทำงานเหมือนเดิม เพียงแต่หลายอย่างทำได้ไม่ได้ ต้องดูกฎหมายอีกครั้ง เพราะงานหยุดไม่ได้อยู่แล้ว ประเทศชาติว่างเว้นการบริหารไม่ได้

มีวันยุบสภาในใจ-โต้เตะถ่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการเชิญไปดีเบตพร้อมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องดูโอกาสและความเหมาะสมแล้วกัน แต่ยังไม่ได้สนใจ วันนี้คิดว่าการดีเบตคือเรื่อง การดีเบต ตนก็พูดแบบของตนอยู่แล้ว และพูดทุกวันอยู่แล้ว ผลงานก็พูดมาเยอะ แต่ไม่สนใจดีเบต

ต่อข้อถามว่า วางวันจะยุบสภาช่วงไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “คงกำหนดไว้ในใจบ้างแล้วล่ะ” ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็กำหนดไว้ในใจ ต้องตัดสินใจอีกครั้ง ทุกอย่างต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อทุกคนทุกพรรคมีความพร้อมก็ว่าไป ในส่วนของรทสช. พร้อมอยู่แล้ว แต่เพียงยังไม่เปิดตัว ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรมากนัก ที่บอกว่าตนถ่วงเวลาเพื่อให้พรรคที่ตนสังกัดพร้อม เขาก็ต้องพร้อมของเขา รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรเมื่อไหร่

เมื่อถามว่า หากให้นายกฯ พูดหนึ่งประโยคเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าอยากพูดอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเป็น การเลือกตั้งที่สร้างสรรค์ ให้ทุกคนมองว่าประเทศชาติและประชาชนสำคัญที่สุดสำหรับทุกคนที่จะช่วยกันทำให้บ้านนี้เมืองนี้ เดินไปข้างหน้าได้เพื่ออนาคตลูกหลานของท่าน เมื่อถามว่า พร้อมรับทุกสถานการณ์หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ต้องพร้อมอยู่แล้ว”

‘วิษณุ’แจ้งภารกิจทำได้-ไม่ได้
เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาหารือ 30 นาที

นายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า ขอเข้าพบนายกฯ เพื่อหารือปฏิทินการทำงานหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร มีราชการหลายอย่างที่ต้องการให้ นายกฯ รับทราบว่าอะไรที่ทำได้หรือไม่ได้หากมีการยุบสภา นายกฯ บอกให้ตนไปเตรียมการและอธิบายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ก.พ. เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ยุบสภามาก่อน การยุบสภาครั้งสุดท้ายเมื่อ 8 ปีผ่านมาแล้ว และรัฐธรรมนูญได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

“ผมอธิบายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่กำหนดว่ารัฐบาลรักษาการจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ ในกรณีที่จะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ นายกฯ สงสัยว่าสามารถตั้งคณะกรรมการต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะมาตรา 169 ห้ามเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและพนักงาน แต่ไม่ได้พูดถึงคณะกรรมการ ซึ่งถือเป็นการซักซ้อมความเข้าใจกัน เรื่องเหล่านี้จะเริ่ม นับหนึ่งเมื่อนายกฯ ยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ ในกรณีที่อยู่ครบวาระจะเริ่มนับตั้งแต่หลังเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 มี.ค.เป็นต้นไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่าตุ๊กตาที่ตั้งไว้จะยุบสภาเร็วหรือช้า นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งตุ๊กตา เพราะอยู่ที่นายกฯ ต่อข้อถามว่ากระบวนการยุบสภาจะใช้เวลาเท่าไหร่ นายวิษณุกล่าวว่า ในชั้นของรัฐบาลวันเดียวเสร็จ เรื่องยุบสภา ไม่ต้องเข้าครม. ส่วนการทูลเกล้าฯ เป็นอีก ขั้นตอนหนึ่ง การยุบสภาจะมีผลโดยสมบูรณ์ ต่อเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น และนายกฯ จะพูดอย่างไรก็ไม่มีผล

“สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีต นายกฯ ยุบสภาเสร็จไม่มีใครรู้ วันรุ่งขึ้นประชุมครม.มีการต่อว่า ทำไมจะประชุมครม.อยู่แล้วจึงไม่ปรึกษากัน ทำให้พล.อ.เปรมต้องเดิน ขอโทษครม.รอบห้องว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน ไม่สามารถปรึกษาใครได้ และตามกฎหมายเป็นอำนาจของนายกฯ”

ชี้ฤกษ์ดีเลือกตั้ง 7 พ.ค.
ต่อข้อถามว่านายกฯ จะส่งสัญญาณก่อนยุบสภาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ แล้วแต่นายกฯ เมื่อถามว่าสมัยนายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการประกาศให้ประชาชนรู้ก่อน ทำไมครั้งนี้ไม่มีการประกาศ นายวิษณุกล่าวว่า ครั้งนั้นมีแรงกดดันมา เหมือนกับยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย อยู่มาจนสภาครบ 4 หนแล้ว มีการบอกล่วงหน้าว่ายุบ แต่วันและเวลาไม่มีใครบอกใครได้ ขณะนี้คลื่นลมก็มีอยู่แล้วว่าอาจจะยุบสภา แต่วัน เวลา เป็นเรื่องของนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นเนติบริกร จะแนะนำวันยุบสภาให้นายกฯ หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่ต้องใช้เนติบริกร ต้องใช้โหร” ต่อข้อถามว่าเดือนมี.ค.ถือว่าฤกษ์ดีหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่เคยดู นึกไม่ออกว่ายุบสภาจะไปดูฤกษ์ทำไม เพราะยุบไปแล้วจะเลือกตั้งเมื่อไรอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดูฤกษ์ ควรไปดูวันเลือกตั้งดีกว่า เพราะจะรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย วันยุบสภาไม่ได้ทำอะไรให้เกิดขึ้นมาได้

ส่วนกรอบการเลือกตั้ง 7 พ.ค.2566 ของ กกต.ถือเป็นวันฤกษ์ดีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นวันที่จำเป็น เพราะต้องเป็นวันอาทิตย์ และอยู่ในกรอบ 60 วัน หากนับจากวันที่สภาครบวาระ จะลงล็อกในวันที่ 7 พ.ค.ซึ่งถ้านับก็จะได้ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 10 พ.ค. แต่ไม่ตรงกับวันอาทิตย์ และจะต้องให้มีเวลาหาเสียง ถ้าจะให้เลือกตั้งใน 30 เม.ย. ระยะเวลาการหาเสียงจะเหลือไม่ถึง 30 วัน ดังนั้นวันที่ 7 พ.ค.จึงถือว่าเหมาะสม ถูกโฉลก โชคชัย พิพัฒน์สวัสดี

เมื่อถามว่าวันที่ 21 มี.ค.ถือเป็นฤกษ์ดี ยุบสภาหรือไม่ เพราะเป็นเลขที่ตรงกับ วันคล้ายวันเกิดพล.อ.ประยุทธ์ และได้สมัครเป็นสมาชิก รทสช.วันที่ 21 ม.ค. นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้ ตนนึกว่านายกฯ ชอบเลข 22 เพราะนายกฯ ยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค.2557

‘ตู่’ยังไม่ตัดสินใจลงปาร์ตี้ลิสต์
เวลา 15.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิษณุเข้าพบเพื่อหารือถึงเรื่องวันยุบสภาหรือไม่ว่า เรื่องนั้นไม่ต้องคุย เพราะเขาเคยคุยกับตนมาแล้วว่าแล้วแต่นายกฯ จะยุบเมื่อไรก็ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะอยู่จนครบเทอมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูเวลาให้พอสำหรับหลายคนที่ต้องการย้ายพรรค ต้องมีเวลาให้เหมาะสม คำว่าครบหรือไม่ครบคืออย่างไร ถึงวันที่ 23 มี.ค.เลยหรือไม่ ก็คงไม่ถึง ให้เวลาเขาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ จะลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดเลย ดูก่อน

ต่อข้อถามถึงการจัดทำนโยบายของรทสช.คืบหน้าอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถึงขั้นพอใช้ได้แล้ว ซึ่งนโยบายจะต้องทำอย่างระมัดระวัง การจะทำอะไรก็ตามต้องทำแล้วทำได้จริง บางทีถ้าลมๆ แล้งๆ ไปแล้วทำ ไม่ได้ก็เสียหายอีก และไม่อยากให้เป็นอย่างที่เคยผ่านมาแล้วทั้งหมด ต้องดูว่าอะไรทำมาแล้วบ้าง จะทำต่อหรือไม่ จะทำไมอีกหรือไม่ ในสิ่งที่เราทำดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อ อะไรที่ ยังน้อยอยู่ก็ทำให้มากขึ้น และให้เกิดความ เป็นธรรมทั่วถึง ส่งถึงมือประชาชนโดยรวม หลักการมีอยู่เท่านี้

ส่วนกรณีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จะช่วยงานนายกฯ ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันตรงนี้ นายอิทธิพลยังไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ยังทำงานอยู่ด้วยกันกับเรา ก็มีข่าวออกไปในสื่ออยู่แล้ว เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว แล้วแต่ความสมัครใจของเขา

บ่นเครียด-เหนื่อยมาหลายวัน
ต่อข้อถามว่ารทสช.จะเปิดตัวทีมเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เคยมีหรือไม่คนเดียวที่ทำได้จริง เพราะต้องทำเป็นทีม ตนไม่เก่งเศรษฐกิจ แต่ประคับประคองประเทศมา 8 ปี เป็นทีมงานที่ทำด้วยกัน ธนาคาร แห่งประเทศไทย(ธปท.) กระทรวงการคลัง ข้าราชการ หากพูดถึงทีมเศรษฐกิจ ถ้าไป เอานักธุรกิจมา เขาก็อีกแบบหนึ่ง เขาบริหารบริษัทของเขา ซึ่งค่อนข้างเพอร์เฟ็กต์อยู่แล้ว ทุกคนทำงานแข่งกันอยู่แล้วเพื่อให้กำไร มากขึ้น ยังมีแผนก มีฝ่าย มีบุคลากร แต่นี่รัฐบาลทำเศรษฐกิจให้คนทั้ง 70 ล้านคน ไม่ล่มสลายก็เก่งแล้ว ได้รับคำชมเชยพอสมควร

สื่อถามทุกวันว่าใครจะมาทำเศรษฐกิจ มาเป็นผู้นำเศรษฐกิจ เขากลัวหมดแล้ว เขาบอกว่าอยากมาแต่ไม่กล้าเปิดตัว แต่จะช่วยนายกฯ เราก็เอาเขามาช่วยคิดช่วยทำโดยไม่ต้อง เปิดเผยตัว เศรษฐกิจมหภาค จุลภาค เราก็บริหาร โดยรับฟังจากผู้รู้และนำปัญหามาปรึกษากัน ไม่มีใครเป็นพระเอก คนเดียวทำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ยาวกว่า 15 นาที เป็นไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไป ระยะหนึ่ง นายกฯ ได้กล่าวว่า มีอะไรอีกไหม อยากตอบ แต่ไม่มีคนถาม ผู้สื่อข่าวจึงถาม ถึงการหาเสียงช่วยรทสช.ในวันที่ 25 ก.พ. ที่ จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อจัดให้ก็ต้องไป เธอจะเอาไว้ให้เราแล้วใช่ไหม ก็โอเค เป็นหัวหน้าก็ต้องไป เอ้ย..ไม่ใช่ หัวหน้า เขาไม่ให้เป็น ให้เป็นสมาชิกก็บุญแล้ว

ผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าวันนี้อารมณ์ดี นายกฯ กล่าวว่าดีทุกวัน ปกติดีทุกวัน ไม่ได้มีเรื่องดีอะไรเป็นพิเศษ ก็ดีเหมือนเดิม แต่มันเครียดไปก็เท่านั้น เหนื่อยเปล่า ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ขอให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นายกฯ กล่าว ด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “เหรอจ๊ะ เอ้อ อารมณ์ดีก็ว่า อารมณ์เสียก็บ่น คึกมากเลยเหรอ อ๋อเมื่อเช้าฉันเหนื่อย เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยเหนื่อย กูจะรอดวันนี้หรือเปล่าว้า มันเหนื่อยมาจากเมื่อวานและหลายๆ วัน มันเครียดไง”

ตรวจงานเมืองคอน 20 ก.พ.
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ. เพื่อตรวจติดตามผลดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการต่อการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยซ้ำซาก และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยเวลา 07.30 น. คณะนายกฯ เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ออกจากบน.6 ดอนเมือง ไปท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เดินทาง ต่อโดยเฮลิคอปเตอร์ ไปที่ อ.จุฬาภรณ์ เพื่อตรวจติดตามแนวทางการพัฒนา อ.จุฬาภรณ์ และพบปะประชาชนในพื้นที่ ที่หอประชุม ที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ ศูนย์ราชการอำเภอจุฬาภรณ์ และตรวจติดตามการพัฒนา ความมั่นคงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ ร.พ.มหาราชนครศรีธรรมราช

ช่วงบ่าย นายกฯ สักการะหลวงพ่อวัดยางใหญ่และนมัสการพระครูวินัยธร ณัฏฐาสันต์ สิทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดยางใหญ่ ที่วิหารหลวงพ่อวัดยางใหญ่ อ.ท่าศาลา และไหว้บูชาตาพรานบุญ ที่วิหารปฐมบรมครูตาพรานบุญ ก่อนไปวัดเจดีย์ อ.สิชล กราบสักการะ พระประธานและนมัสการพระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ รวมทั้งไหว้บูชา ไอ้ไข่ เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้น ตรวจติดตาม “วาระเมืองสิชลยุติภัยพิบัติซ้ำซาก เพิ่มพูนศักยภาพการจัดการน้ำ” และทักทายประชาชนที่วัดเจดีย์ จากนั้นตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยซ้ำซากบริเวณคลองเปลี่ยน พื้นที่ รอยต่อ ต.เปลี่ยน และ ต.เทพราช อ.สิชล ก่อนเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 18.15 น.

‘บิ๊กป้อม’ฟิตไปจันท์-ตราด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ปฏิบัติราชการที่จ.จันทบุรีและตราด ในวันที่ 20 ก.พ. โดยช่วงเช้า ตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนา ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

จากนั้นเป็นประธานเปิดงาน “บจธ.มอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำกิน” มอบป้ายสัญลักษณ์สิทธิในที่ดินให้แก่ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนฯ 10 คน และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้ผู้ว่าฯ จันทบุรี มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ให้ผู้แทนประชาชน 5 คน และเยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายผลผลิตเกษตรในพื้นที่ และชมแปลงเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่

ช่วงบ่ายพล.อ.ประวิตรไปตรวจความ คืบหน้าโครงการแก้มลิงหนองฉุงใหญ่ อ.เขาสมิง จ.ตราด รับฟังบรรยายสรุปการทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังสถานการณ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ การอนุรักษ์พื้นฟูแหล่งน้ำในพื้นที่ และกล่าวมอบนโยบาย ก่อนกลับกทม.

ปชป.ปราศรัยใหญ่สงขลา 25 ก.พ.
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดวันยุบสภาไว้ในใจแล้ว คาดว่าเวลาที่เหมาะสมควรเป็นช่วงใด นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงไม่เรียนว่าเหมาะสมช่วงไหน เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ แต่ยุบสภา หลัง 23 มี.ค.ไม่ได้ เพราะครบวาระสภาแล้ว นายกฯ ยังไม่ได้มาหารืออะไร แต่คิดว่าเมื่อ ถึงเวลา ท่านคงต้องถามสักคำ หรือหารือกันสักคำว่าจะเป็นอย่างไร

“ผมเดาใจว่าคงจะเป็นเดือน มี.ค. ไม่ใช่เดือนก.พ. เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระเบียบของสำนักงาน กกต. รวมถึงความพร้อมของบางพรรค อาจมีผลสำคัญที่จะมาประกอบการตัดสินใจของนายกฯ ในการยุบสภาด้วย” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการบ่อยขึ้นในช่วงนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่หวั่น เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ต้องแข่งกัน ทุกพรรค ปชป.พร้อมอยู่แล้วทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ทั้งยังยืนยันว่าจะส่ง ส.ส.เขตครบทั้ง 400 เขต รวมถึงส.ส.บัญชีรายชื่อครบ สำหรับเวทีการหาเสียงอื่นๆ ของพรรคที่จะตามมานั้น หลังจากเวที จ.นครศรีธรรมราช เปิดตัว ผู้สมัคร ส.ส.ครบ 58 เขตเป็นครั้งแรก จะมีการปราศรัยใหญ่ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 25 ก.พ.นี้ ส่วนในกทม.ตนลงพื้นที่ ต่อเนื่อง กับทีมกทม.ของพรรค

ชูยุทธศาสตร์ดัน‘อู๊ดด้า’นายกฯ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าปชป. และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง กล่าวถึงความพร้อมเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า วันนี้ความพร้อมของปชป.ชายแดนใต้ ตั้งแต่สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส มีความพร้อมอย่างมาก ปชป.ได้ชูนโยบายสันติภาพสู่สันติสุข หวังว่าจะฟื้นสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาให้ได้ เพราะทุกเขตที่พูดคุยกันแล้วทุกคน มีความมั่นใจหลังจากพรรคออกยุทธศาสตร์ 3 ส. สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ และเริ่มออกนโยบาย 8 นโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสร้างเงิน ในนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องการเกษตร ได้รับการตอบรับจากพื้นที่อย่าง ดียิ่ง ว่าให้ประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จริง และสามารถทำได้ไว ทำได้จริง

ทั้งเรื่องการให้ทุนกลุ่มประมงพื้นบ้าน ประมงท้องถิ่น 100,000 บาทต่อปี รวมถึงประมงพาณิชย์ ซึ่งพรรคจะเข้ามาแก้ไขเรื่องกฎหมายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อให้กลับมาทำอาชีพประมงได้ปกติ, การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ในที่ดินที่มิใช่ของรัฐ รวมถึงที่ดินของรัฐที่จะจัดสรรในที่ทำกินให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป, กลุ่มชาวนาที่พรรคจะให้ทุน 30,000 บาท โดยให้ไร่ละ 2,000 แต่ไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งจะทำควบคู่กับการประกันรายได้ ข้าว ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง และข้าวโพด

ที่สำคัญจะทำควบคู่กับเรื่องการศึกษา รอบนี้การศึกษาจะเป็นเป้าหมายหลักหลังจากเคยทำเรื่องนมโรงเรียน เรื่องอาหารกลางวัน เรื่องเงินกู้ยืมกยศ. ในอนาคตจะทำในเรื่องการเรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาตรี และเชื่อมั่นว่านายจุรินทร์ มีความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ เพื่อนำพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก ปชป. กล่าวว่า พรรคจะจัดให้ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ เวลา 15.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ มีวาระสำคัญ อาทิ รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญพรรคประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 พ.ศ.2565 เมื่อ 23 เม.ย.2565 การดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 43 และมาตรา 61 ยังมีวาระที่สำคัญคือการแก้ไข ข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามพ.ร.ป.พรรค การเมือง และการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

‘เสี่ยติ่ง-ลูกสาว’เข้าซบรทสช.
ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย พร้อม ส.ต.ต.ชมชาติ กัปปะหะ นายจิรายุ เผ่ากา สมาชิกสภาจังหวัดเชียงราย ทีมนักการเมือง ท้องถิ่นจาก จ.เชียงราย มายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกรทสช. โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการรทสช. ต้อนรับ

นายสัมพันธ์กล่าวว่า ตนและลูกสาว คือน.ส.ศิลัมภา เลิศนุวัฒน์ สมัครเป็นสมาชิก รทสช. นอกจากจะมีความผูกพันส่วนตัวกับ พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคแล้ว เคยทำงานด้านการเมืองด้วยกันมาก่อน และมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต จึงตั้งใจมาช่วยทำงานที่พรรคนี้ ความจริงมีหลายพรรคมาชักชวนให้เข้าไปร่วมงานด้วย แต่ตนตัดสินใจมาร่วมกับรทสช. ตามเหตุผลที่ได้แจ้งไปแล้ว ที่ผ่านมาตนมีโอกาสทำงานการเมืองอยู่เบื้องหลังนายกฯ มาหลายยุคหลายสมัยและอยู่เบื้องหลังนายกฯ หลายคน รวมทั้งการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2562 จนมาถึงตอนนี้ เห็นว่า ควรเป็นนายกฯ ต่อไปอีกหนึ่งสมัย

“ในส่วนของภาคเหนือ ผมพูดได้ว่าชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงได้รับความเชื่อมั่น และศรัทธาจากประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้ผมจะพยายามทำให้สำเร็จ ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของประเทศ เพราะประเทศต้องการคนดี ซื่อสัตย์ และพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ รวมถึงสมาชิกพรรคทุกคน ที่ต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตด้วย หลังจากนี้จะเริ่มเปิดตัวผู้สมัคร ในพื้นที่จ.เชียงรายเพิ่มขึ้น” นายสัมพันธ์กล่าว

‘ขิง’ลั่นพรรคพร้อมสู้เลือกตั้ง
นายเอกนัฏกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้ นายสัมพันธ์และทีมงานเข้ามาร่วมงานด้วยตอนนี้เท่ากับว่ารทสช. มีส.ส. ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสภาเพิ่มขึ้นอีก 1 คน คือ น.ส.ศิลัมภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วและอยู่ระหว่างการแจ้งไปยังสภา ถือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะได้มาช่วยกันทำงาน

พรรคให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ในการ จัดเตรียมผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และในวันที่ 19 ก.พ. ตนจะไปจ.นราธิวาสเพื่อจัดตั้งสาขาพรรค พร้อมพูดคุยนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน ซึ่งถือเป็นบ้านใหญ่ของจ.นราธิวาส ที่เชื่อว่าจะสามารถกวาดเก้าอี้มาได้ใน 4 เขตของ จ.นราธิวาสด้วย

วันนี้รทสช.มีความพร้อมมากในการเตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ตามที่ตั้งใจจะส่ง ผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต ขณะนี้มีความ คืบหน้าและความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของผู้สมัครทีมงาน รวมถึงผู้สนับสนุนที่มีเกือบทุกพื้นที่ เช่น จ.เชียงราย มีนายสัมพันธ์ นำทีม หรือจ.นราธิวาส มีนายกูเซ็ง มาร่วมงาน หลังจากนี้จะประกาศตัวผู้สมัครและนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในโค้งสุดท้าย ช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนจากนี้ พรรคจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

‘อนุชา’ไขก๊อกส.ส.-ร่วมก๊วนตู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกภาพส.ส. ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ผลนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. ซึ่งก่อนหน้านี้นายอนุชาได้ยื่นลาออกจาก สมาชิกพปชร. ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายอนุชาเป็นหนึ่งในกลุ่มสามมิตร ที่มีบทบาทภายในพปชร. แต่ภายหลังกลุ่ม สามมิตรได้แยกกันทำงานทางการเมือง ขณะเดียวกันนายอนุชา เคยระบุว่า ได้ตัดสินใจแล้วที่จะไปร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีความสุขที่ได้เห็นการทำงานที่มีความจริงใจ

ชทพ.บุกหาเสียงอู่ทอง
ที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมแกนนำพรรค รวมทั้งคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ในวัย 89 ปี ช่วยนายนพดล มาตรศรี หาเสียง ในเขตเลือกตั้งที่ถูกแบ่งใหม่ อู่ทอง-สองพี่น้อง

นายวราวุธกล่าวว่า สุพรรณบุรีไม่ใช่ของชทพ. แต่เป็นของทุกคน ซึ่งมีสิทธิกำหนดชะตาว่าปี 2566 จะเดินไปอย่างไร และมีหลายพรรคเสนอตัวเข้ามา อยากรับใช้ชาวสุพรรณบุรี ขอถามว่าทุกคนจะให้หรือไม่ และเป็นครั้งแรกที่ตนเองได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งครั้งนี้มีหลายคนเสนอตัว ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร แต่วราวุธรับประกันได้ว่า ไม่แพ้ พรรคไหนแน่นอน และเวทีดีเบตไม่แพ้ใครแน่นอน ให้จับตาดู โดยเฉพาะภาษาอังกฤษแบบเหน่อๆ แบบนี้ ลุงตู่ก็ทำไม่ได้ และเดือนพ.ค.นี้จะมาวัดความรักความผูกพัน พิสูจน์ว่ากว่า 40 ปีที่ผ่าน ชาติไทยพัฒนาจะได้ไปต่อ หรือไม่

ด้านน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาชทพ. ปราศรัยว่า ปีนี้ จะมีการเลือกตั้งส.ส. โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีความแตกต่างจากปี 2562 ซึ่งจะเป็นการกาบัตรหนึ่งใบ แต่ในปีนี้จะเป็นกาบัตรสองใบ โดยบัตร ใบแรกเลือกส.ส. และใบที่สองเลือกพรรค พร้อมขอคะแนนเกิน 4 แสนคะแนน เมื่อรวมกับคะแนนทั่วประเทศจะให้ชทพ.ได้ส.ส. บัญชีรายชื่อมากที่สุด รวมถึงขอให้เลือก ส.ส.เขต ทั้ง 5 เขต ของสุพรรณบุรียกจังหวัด

นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการชทพ. กล่าวว่า ยืนยันว่าเราจะต้องไปต่อ จนได้ นายกฯ คนที่ 2 ของสุพรรณบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 5 เขต จ.สุพรรณบุรี ชทพ.วางตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. ดังนี้ นายสรชัด สุจิตต์ เขต 1 นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เขต 2 นายประภัตร โพธสุธน เขต 3 นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เขต 4 และนายนพดล มาตรศรี เขต 5

แลนด์สไลด์ – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำผู้บริหารพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส. เปิดเวทีปราศรัย ใหญ่ โดยมีชาวบ้านแห่ไปฟังนโยบายเนืองแน่น บริเวณหน้าศาลากลางหลังเก่า อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 17 ก.พ.

‘อิ๊ง’นำทีมขึ้น 3 เวทีอุบลฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมา จ.อุบลราชธานี เพื่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ สามเวที ประกอบด้วย เวทีปราศรัยย่อย วัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี อ.ตระการพืชผล เวทีปราศรัยโรงเรียนมัธยมเดชอุดม อ.เดชอุดม และเวทีปราศรัยใหญ่ที่ศาลากลางเก่า อ.เมือง โดยมี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำพท. ส.ส.ในพื้นที่และประชาชนมารอต้อนรับจำนวนมาก พร้อมขอถ่ายภาพเซลฟี่ มอบ ดอกกุหลาบแดงเพื่อเป็นกำลังใจให้ น.ส.แพทองธาร รวมทั้งส่งเสียงเชียร์ให้ น.ส.แพทองธารได้เป็นนายกฯ

เวลา 11.00 น. ที่วัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า ถ้าพท.ได้เป็นรัฐบาล ทุกสิ่งที่ดีงามจะเกิดกับประชาชนแล้ว ยกระดับใหม่ให้ดีขึ้น กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท จะเอาหรือไม่ 30 บาท รักษา ทุกโรค วันนี้เป็นบัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทั่วไทย ผู้หญิงถ้าอายุถึงเกณฑ์จะ ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี 1 อำเภอ 1 ทุน สนับสนุนลูกหลานไปเรียนหนังสือ ต่างประเทศ

ยาเสพติดที่เต็มบ้านเต็มเมือง พท.กลับมาจะปราบปรามยาเสพติดทันที และจะยกระดับรายได้การท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เป็น 3 ล้านล้านบาทใน 4 ปี รวมถึงจะทำนโยบายปริญญาตรีได้เงินเดือน 25,000 บาท ข้าราชการที่จบปริญญาตรีก็จะปรับให้ได้เงินเดือน 25,000 บาทเช่นกัน วันเลือกตั้งอยากให้ประชาชนจำชื่อแล้วกาเบอร์พท.ทั้งคน ทั้งพรรค จะเหมือนถูกหวยทั้งปีทั้งชาติ และที่ ส.ว.บอกประกาศต่อให้พท.แลนด์สไลด์จะไม่ยอมให้พท.เป็นรัฐบาล แบบนี้ยอมหรือไม่

มั่นใจกวาดยกจว. 11 คน
น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า จ.อุบลราชธานีมีศักยภาพ พท.อยากให้หายจน เราจะพัฒนาการเดินทางและด้านการขนส่ง เพราะเชื่อมไปได้หลายประเทศทั้งกัมพูชา ลาว จีน โดยรถไฟที่สามารถประหยัดเวลาและขนส่งสินค้าเกษตรไปขายได้ทั่วประเทศ รวมถึงกระจายไปได้ทั่วโลก พท.จะพาสินค้าเกษตรไปกระจายรอบโลกเมื่อพท.เป็นรัฐบาล รวมถึงสนามบินดีๆ ใหญ่บึ้มทันสมัย สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ คนจะมาเยอะ เงินหมุนเวียนในพื้นที่อุบลราชธานีเยอะและกระจายไปจังหวัดข้างเคียง ทั้งประเทศจะดีขึ้น

“พท.ต้องการสร้างรายได้ให้ประชาชน แล้วเราจะถูกหวยตลอดไป เราทำเป็น เราทำมาแล้ว จำได้หรือไม่ตอนพท.เป็นรัฐบาลราคาสินค้าเกษตรดีมาก เราจะทำให้กลับมาเป็นแบบนั้น อย่าแบ่งใจให้ใคร พท.ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ลูกคนเดียวเดี่ยวๆ นะจ๊ะ เลือกพท.ทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์”

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจจะได้ส.ส.อุบลราชธานี ยกจังหวัด 11 คน ว่า มั่นใจมากๆ ผู้สมัครของเราพร้อมแล้ว

แขวะส.ว.ความคิดเชย
ผู้สื่อข่าวถามกรณี ส.ว.บางคนตั้งธง แม้พท.แลนด์สไลด์จะไม่เลือกนายกฯ จากพท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องขอบคุณที่ ช่วยพท.หาเสียง ทำให้ประชาชนประจักษ์ ที่สงสัยกันอยู่ว่าทำไมเราถึงพูดว่าปิดสวิตช์ ส.ว.มันจำเป็นแค่ไหน ขอฝากขอบคุณ มี ส.ว. ช่วยหาเสียง ขอขอบคุณมากๆ

ส่วนที่มองว่าตนอ่อนประสบการณ์นั้น คนอายุน้อยกว่าตนเป็นเจ้าของธุรกิจแลเก่งมากๆ แม้ตนไม่ได้เก่งที่สุดแต่มีทีมที่เก่งที่สุด การคอมเมนต์เรื่องอายุเป็นคอมเมนต์ที่เชยแล้ว หันไปดูทั่วโลกว่าเกิดอะไรบ้าง ผู้นำแต่ละคนอายุเท่าไร ไม่ใช่แค่ผู้นำทางการเมือง แต่ผู้นำบริษัททั้งในและต่างประเทศมีเด็กเก่งๆ อยู่มาก อย่าคอมเมนต์แบบนี้อีกเลย เป็นคอมเมนต์ ที่ไม่สร้างสรรค์และแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะ

ต่อข้อถามว่าถ้าประชาชนสนับสนุนพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ถ้าประชาชนเลือกก็แน่นอน ต้องสู้เต็มที่ อยู่แล้ว เพราะอิ๊งมีทีมและนโยบายพรรคที่ทำกันอย่างเข้มข้น ต้องเคารพเสียงของประชาชนอยู่แล้ว” เมื่อถามว่าหมายความว่าพร้อมเป็นนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตนรู้สึกเขิน พอพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่า เรายังไม่มีชื่อเป็น แคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่าความเห็นของ ส.ว. ยิ่งต้องตอกย้ำให้ ส.ว.เห็นว่าเราพร้อมเป็นนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คือสิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่ไม่ขอท้าทายกับดราม่าทางการเมืองแบบนี้ ขอท้าทายด้วยเสียงและสิทธิของประชาชน “ไม่จำเป็นต้องเลือกอิ๊งเป็นนายกฯ อิ๊งจะเป็นแคนดิเดตหรือเปล่าตอนนี้ชื่อยังไม่ออกเต็มที่ แต่เคารพเสียงของประชาชนด้วย ที่บอกว่าคุณเคารพเสียงประชาชน คุณเคารพเสียงของเขาหรือเปล่า

‘เต้น’ชี้คู่แข่งคือ 250 ส.ว.
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัว เพื่อไทย กล่าวว่า ชัดเจนแล้วว่า ส.ว.250 คน เตรียมสกัดขัดขวางเจตนารมณ์ประชาชน ไม่สนใจว่าแม้จะมีพรรคใดได้เกินครึ่งสภา ก็จะไม่ยอมรับ นี่คือเหตุผลและความจำเป็น ที่พรรคต้องประกาศแลนด์สไลด์ เพราะรู้ดีว่าคู่แข่งที่แท้จริงไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็น ส.ว. 250 คน ขณะนี้เขาเปิดตัวตนออกมาอย่างชัดเจน ไม่ใช่สเต็ปเดียวว่าจะยกมือสกัดกั้น พท.เท่านั้น ถ้าใช้ 250 ส.ว.เอาพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้ ต่อไปจะแก้รัธรรมนูญปลดล็อกวาระนายกฯ 8 ปี ให้ได้เป็นนายกฯ กันยาวๆ

ส่วนการวิจารณ์ประสบการณ์ของ น.ส.แพทองธาร นั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส.ว.พิจารณาตัวเองกันดีๆ หลายคนนั่งกันในสภาเกือบ 10 ปี ยังไม่เคยมีประสบการณ์ ลงเลือกตั้งเลย ยังไม่กล้าประกาศตัวกับประชาชนให้พิจารณา แต่น.ส.แพทองธารมาตามกติกา เข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้าประชาชนไม่เลือกก็เคารพการตัดสินใจ แต่ถ้าประชาชนเลือกก็อยากให้ ส.ว.ทั้งหลายเคารพประชาชนด้วย

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำพท. ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ หากพูดแบบ ไม่เข้าข้างตัวเอง พท.น่าจะกวาด ส.ส. ยก จ.อุบลราชธานี ครบทั้ง 11 เขต แม้เรื่องประชาธิปไตยอาจจะมีพรรคการเมืองอื่นมาแบ่งคะแนน แต่วันนี้ประชาชนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีปัญหาเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจและยาเสพติด ประเด็นเหล่านี้พท.คือคำตอบ อีกทั้งพรรคคู่แข่งยังมีประเด็นยาเสพติดที่ประชาชนต่อต้าน จึงทำให้ตนมั่นใจและยังมั่นใจไปถึงพื้นที่อีสานใต้ ทั้ง จ.ยโสธร อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ พท.มีกระแสดีมาก

โวคะแนนนิยมพุ่งทั่วปท.
เวลา 14.30 น. ที่โรงเรียนมัธยมเดชอุดม อ.เดชอุดม น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า เสียดายประเทศโดนรัฐประหารทำให้ถอยหลัง หนี้สินที่รัฐบาลทำไว้ชั่วลูกชั่วหลานก็ใช้หนี้หมดยาก หากไม่ได้รัฐบาลที่ดีเข้ามาบริหาร สมัยหน้า ถ้าประชาชนเลือกใครคนนั้นต้องได้รับใช้ประชาชน ยืนยันพท.ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ใครมาบอกอย่าเชื่อ ขอให้เลือกพท.พรรคเดียว เลือกทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ไปเลย

เวลา 18.00 น. ที่ศาลากลางเก่า อ.เมือง อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำ พท. ปราศรัยว่า วันนี้พท.โชคดีที่น.ส.แพทองธาร ตัดสินใจลงเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของเรา ที่ผ่านมาที่เป็นพรรคพลังประชาชนจนมาเป็นพท.ทุกวันนี้ เคยเอาคนที่ไม่ใช่ตระกูลชินวัตรมาอยู่ แต่ไม่สามารถตุ้มโฮมพวกเราชาวเพื่อไทยได้

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพท. กล่าวว่า ทุกวันนี้ประชาชนเกิดมาแล้วเป็นหนี้ ทุกครัวเรือนรวมกันเป็นหนี้ 14 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะ 10 ล้านล้านบาท พท.อาสามาแก้ความทุกข์ที่พอกพูนมากว่า 8 ปี ถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ ทุกข์เหล่านี้ไม่หาย ความมั่นใจว่าพท.จะแลนด์สไลด์ นอกจากอุบลราชธานีแล้ว ในพื้นที่ทั่วประเทศรวมถึงภาคใต้ ที่มีการสำรวจความคิดเห็นเขาสนับสนุนพท. นี่คือความมั่นใจของเรา

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า พท.ต้องการทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น การแก้ปัญหารวดเร็วจะกลับมาอีกครั้งหากพท.ได้เป็นรัฐบาล เราต้องการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน ขอให้เลือกพท.ทั้งคนทั้งพรรค

สำหรับวันที่ 18 พ.ย. ครอบครัวเพื่อไทยหาเสียงที่ จ.อำนาจเจริญ และร้อยเอ็ด

รัฐสภาถกร่างกม.การศึกษาฯ
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งสุดท้ายของสมัยประชุมสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว การประชุมนัด เวลา 10.00 น. แต่เปิดประชุมได้เวลา 10.28 น.

ก่อนเข้าสู่วาระ นายชวนได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าวันนี้มีส.ส.ขอลา 52 คน ส.ว. 45 คน รวมขอลาในเวลา 10.35 น. เป็น 97 คน ส่วนองค์ประชุม 333 คน จากนั้นเข้าสู่การลงมติมาตรา 14 ซึ่งต้องใช้เวลารอนานกว่า 30 นาทีจึงครบองค์ประชุมและลงมติได้

พบสมาชิกรัฐสภาที่แสดงตน เพียง 377 คน เป็น ส.ส.209 คน จาก 417 คน ส.ว. 168 คน จาก 249 คน การลงมติมาตรา 14 ต้องใช้การแสดงตนเป็นองค์ประชุม และตรวจเช็ก กันหลายรอบ แต่สามารถผ่านการลงมติได้

เวลา 11.25 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 15 นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา พปชร. หารือว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จัดทำอย่างเร่งรีบ และมีการแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาบางส่วนจึงกังวลจะไม่รอบคอบสมบูรณ์เท่าที่ควร จะเกิดผลกระทบกับการศึกษา อยากให้ชะลอไปก่อน และเสนออีกครั้งตอนรัฐบาลใหม่

นายตวง อันทะไชย ส.ว. ประธานกมธ. ยืนยันจะใช้กลไกสภาทำให้การพิจารณาเดินหน้าต่อไป แต่ส.ส.ฝ่ายค้านยืนยันจะให้ถอนออกไปทบทวนเนื้อหา

รัฐสภาล่มส่งท้ายสมัยประชุม
ระหว่างพิจารณามาตรา 16 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พท. หารือว่า พท.เป็นห่วงเรื่องการปฏิรูปการศึกษา แต่กังวลกับคนที่ยังเห็นต่าง โดยเฉพาะครู ทั่วประเทศ และเวลาเท่านี้ไม่พอสำหรับการพิจารณากฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเสนอให้นำมาพิจารณาครั้งหน้าเพื่อความละเอียดรอบคอบ ถ้าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็อย่าไปคิดมาก เพราะไม่อยากได้ของด่วนแบบลวกๆ แต่อยากได้ของดี แม้จะช้าหน่อย

เวลา 13.37 น. นายชวนกดออดให้สมาชิกแสดงตนก่อนลงมติ มาตรา 16 ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง สมาชิกยังไม่ครบองค์ประชุม มีเพียง 320 คนเท่านั้น นายชวน จึงสั่งปิดการประชุมเวลา 14.26 น. ซึ่งถือว่าการประชุมรัฐสภาล่มเป็นครั้งที่ 6 นับแต่ ต้นปี 2566

นายชวนกล่าวว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตนขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันประชุมพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้ผ่านการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ พิจารณาร่างพ.ร.ป. 2 ฉบับ ร่างพ.ร.บ. เกี่ยวกับการปฏิรูป 13 ฉบับ หนังสือสัญญา 17 ฉบับ อยากเรียนว่า 4 ปี ได้รับความ ร่วมมือด้วยดี แม้ในช่วงปลายมีปัญหาบ้างก็ตาม ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย 4 ปี เราจะไม่สามารถทำงานได้ถึงขนาดนี้

“การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญไม่อยู่ในฐานะที่รัฐสภาทำเองได้ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล แม้วันนี้คาดว่าจะเป็นวันสุดท้ายของการประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ตาม ขอให้ทุกคนที่มาจากการเลือกตั้งประสบความสำเร็จทางการเมือง ส่วนวุฒิสมาชิกเชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นผู้มีความรู้ที่น่าเคารพนับถือ ผมจึงห้ามเสมออย่าพาดพิงเหมารวม จนทำให้ทั้งหมดเสียใจ หวังว่าส.ว.จะเป็นกำลังของบ้านเมืองในหน้าที่ของแต่ละฝ่ายต่อไป” นายชวนกล่าว

โปรดเกล้าฯพ.ร.ฎ.ปิดประชุม
ค่ำวันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.2566

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองพ.ศ.2565 ตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย.2565 นั้น บัดนี้ จะสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวันตามสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 28 ก.พ.2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2566

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

‘อุปกิต’ฟ้อง‘โรม’-เรียก100ล.
เมื่อวันที่ี 17 ก.พ. เวลา 15.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดา นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชี รายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทเนื่องจากในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อครม. ในช่วงดึกวันที่ 15 ก.พ. นายรังสิมันต์ได้อภิปรายในหัวข้อ “เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา” โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทนายอุปกิต

นายเรืองศักดิ์กล่าวว่า นายอุปกิตฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 1 พ.ค.2566 เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอุปกิตได้ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญา หลังนายอัจฉริยะกล่าวหานายอุปกิตเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน