พ่อแม่เอาเรื่อง สูญเงินเป็นล้าน
พ่อแม่ผู้ปกครองร้อง กองปราบฯ ลูกหลานถูกโมเดลลิ่งสาวสอง วัย 33 หลอกลวง อ้างพาเข้าวงการบันเทิงได้ ทั้งเล่นหนัง-ถ่ายเอ็มวี-เดินแบบ ออกอุบายให้ไปถ่ายรูปที่สตูดิโอย่านลาดพร้าว 42 เก็บค่าบริการ 3.6 พันบาท แล้วบอกมีคนติดต่อมาได้งานแน่ หว่านล้อมให้จ่ายเงินอีก 2 หมื่นบาท เป็นค่ารองเท้าบู๊ต เสื้อผ้าต่างๆ แต่กลับเงียบหายไม่มีงานให้ ส่วนข้าวของก็เป็นการสั่งซื้อทิพย์ มีผู้ปกครองตกเป็นเหยื่ออีกกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท จึงพากันมาแจ้งความให้จับกุมโมเดลลิ่งจอมต้มตุ๋นรายนี้ข้อหาฉ้อโกง
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายปิยณัฐ สุกยัง หรือทนายเจ เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.ยุพดี ลาภพณิช พูลผล อายุ 48 ปี พร้อมผู้เสียหายรายอื่นๆ เข้าพบ ร.ต.อ.ธีรเดช อรุณนพรัตน์ รอง สว. (สอบสวน) กก.1.บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิด นายดาด้า หรือชินจัง อายุ 33 ปี โมเดลลิ่งรายหนึ่ง อ้างพาเข้าวงการบันเทิง หลอกเก็บเงินค่าดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 50 ราย เสียหายร่วมล้านบาท
น.ส.ยุพดีกล่าวว่า จากการที่ลูกสาวอายุ 16 ปี และลูกชายอายุ 8 ขวบ ได้รับการติดต่อจากโมเดลลิ่งรายนี้ ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง อ้างว่าฝากลูกของตนทั้งสองคนให้เข้าวงการเดินแบบ ถ่ายแบบเล่นมิวสิควิดีโอ ถ่ายเอ็มวี ได้ หากสนใจให้มาทดลองเดินแบบที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 42 เมื่อไปถึงพบเพียงหญิงสาวที่ชื่อ เพียงพิศ หรือพลอย และช่างภาพมาถ่ายรูปให้ ก่อนเรียกเก็บเงินค่าถ่ายภาพ 3,600 บาท ตอนนั้นตนยังไม่ได้สงสัยอะไร กระทั่งโมเดลลิ่งคนดังกล่าวได้ติดต่อมาหาอีกครั้งอ้างว่าบุตรสาวของตนได้งานแล้ว ก่อนทำทีแนะนำว่าจำเป็นต้องซื้อรองเท้าบู๊ต, อุปกรณ์เสื้อผ้า และข้าวของอื่นๆ เพิ่มเติม โดยจะเป็นผู้ดำเนินการให้ เพียงแค่ให้โอนเงินค่าใช้จ่ายไปให้ รวมเป็นเงินเกือบ 2 หมื่นบาท ด้วยความไว้ใจตนจึงยอมทำตาม
น.ส.ยุพดีกล่าวต่อว่า แต่เมื่อถึงกำหนดบุตรสาวของตนกลับไม่ได้มีงานตามที่กล่าวอ้าง รวมถึงของใช้ต่างๆ ที่ถูกเรียกเก็บเงินไปนั้นก็ไม่มีการสั่งซื้อจริง จึงรู้ว่าถูกหลอก มาทราบภายหลังว่านอกจากตนแล้วยังมีเหยื่อรายอื่นๆ ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกว่า 50 ราย รวมความเสียหายแล้วนับล้านบาท
ด้านทนายเจกล่าวว่า พฤติการณ์ของโมเดลลิ่งรายนี้ถือเป็นภัยต่อสังคม เพราะเอาความฝันของเด็กๆ มาใช้เป็นจุดอ่อนเพื่อหลอกลวงเงิน จึงตัดสินใจพากลุ่ม ผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความกับทางกองปราบปราม เพื่อเอาผิดกับโมเดลลิ่งรายนี้ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปก่อเหตุหลอกลวงเงินจากเหยื่อรายใหม่เพิ่มอีกด้วย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ ก่อนเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วนำเรื่องส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
