วันที่ 27 ก.พ. นายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักพุทธฯ ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารสำนักพุทธฯ และผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมปรากฏตามสื่อ เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา โดยมอบให้สำนักพุทธฯ ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้แจ้งส่วนราชการในพื้นที่ องค์กรปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสาน และช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับในพื้นที่ และพศจ.อย่างใกล้ชิด ในการป้องกันแก้ปัญหา และเฝ้าระวังพระภิกษุ-สามเณรกระทำการไม่เหมาะสมผิดพระธรรมวินัย ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที บูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อพุทธศาสนิกชนนั้น ในส่วนของสำนักพุทธฯ กำหนดมาตรการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน

โดยจะลงพื้นที่ตรวจสอบพระสงฆ์ที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง นอนตามสถานีขนส่งต่างๆ ออกรับเรี่ยไร ปักหลักบิณฑบาตอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ หากเป็นพระสงฆ์จริงก็จะนำกลับส่งวัดต้นสังกัดให้เจ้าอาวาสว่ากล่าวตักเตือน หากเป็นพระปลอมก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายอินทพรกล่าวต่อไปว่า ส่วนมาตรการระยะยาว จะต้องมีการประสานเจ้าคณะผู้ปกครองให้มีความเข้มงวดในการดูแลพฤติกรรมพระสงฆ์ในปกครองมากขึ้น และที่สำคัญพระอุปัชฌาย์จะต้องเข้ามามีบทบาท ทั้งต้องมีส่วนรับผิดชอบพระสงฆ์ที่สร้างพฤติกรรมเสื่อมเสียด้วย ต้องให้พระอุปัชฌาย์มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบมากกว่านี้ เพื่อให้ช่วยดำเนินการสอดส่องพฤติกรรมพระสงฆ์ที่พระอุปัชฌาย์เป็นผู้บวชให้ด้วย นอกจากนี้ จะมีการทำฐานข้อมูลพระสงฆ์ เมื่อมีพระรูปใดสึกออกไปแล้วจะต้องบันทึกประวัติถึงสาเหตุในการสึก ว่าเป็นการขอสึก ด้วยตัวเองเพราะสาเหตุใด โดย พศจ.แต่ละพื้นที่จะต้องเข้าไปช่วยเจ้าคณะผู้ปกครองบันทึกข้อมูลด้วย เพื่อป้องกันพระสงฆ์ที่มีความผิดติดตัว หรือมีข้อร้องเรียน ที่ยังไม่สามารถแสดงตัวเอง ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วไปขอสึกจากวัดหนึ่งเพื่อให้เรื่องต่างๆ เงียบ แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับแอบไปบวชใหม่อีกวัดหนึ่ง ที่สำคัญเพื่อเป็นการป้องกันพระสงฆ์ที่มีความผิดถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิกแอบไปบวชใหม่ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน