โดนอ่วม33ปีพล.ต.ต.-ดาบอีก7รายก็ผิด

สั่งจำคุกรูดแก๊งนายตำรวจร่วมกันทุจริตก่อสร้างแฟลตตำรวจวงเงิน 3.8 พันล้าน โดนระนาวตั้งแต่พล.ต.ท.-พล.ต.ต.-พ.ต.อ.-พ.ต.ท.-พ.ต.ต. ยันนายดาบรวมทั้งสิ้น 8 คน ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์จำเลยที่ 1 ลดโทษกระทงละ 1 ใน 3 จำเลยที่ 1 เหลือ 33 ปี 4 เดือน ส่วนคนอื่นๆ โดนโทษลดหลั่นลงมา สำหรับนิติบุคคลคือบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำเลยที่ 9 ยกฟ้องอาญา แต่ให้ปรับ 2.6 แสนบาท

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.96,131/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยื่นฟ้องพล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ คณะกรรมการประกวดราคาจัดสร้างโครงการกับพวก ประกอบด้วย พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พล.ต.ต.สมาน สุดใจ, พ.ต.อ.ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ, พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ง, พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คำนิล, พ.ต.ท.คมคริบ นุดาลัย, ด.ต.สายัณ อบเชย และบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-9 คน เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำเเหน่งหน้าที่

โจทก์ฟ้องว่า จําเลยที่ 1-6 เป็นเจ้าพนักงาน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการประกวดราคาจ้าง โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รายการอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชั้น จำนวน 163 หลัง วงเงิน 3,709,880,000 บาท ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ มีเจตนาแสวงหาประโยชน์อันมิควร ได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเอื้อประโยชน์แก่บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด จำเลยที่ 9 โดยมุ่งหมายมิให้แข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 9 ให้เป็น ผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญา โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 7 เป็นเจ้าพนักงาน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจการจ้าง ได้อาศัยโอกาสที่ตนมีอำนาจหน้าที่ เรียกรับเงินจากจําเลยที่ 9 จํานวน 60,000 บาท เพื่อช่วยเหลือจําเลยที่ 9 ด้วยการอำนวย ความสะดวกในการดำเนินการก่อสร้างการตรวจ การจ้าง การตั้งเรื่องเบิกจ่ายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง

โดยจําเลยที่ 9 ยินยอมจ่ายเงินให้แก่จําเลยที่ 7 เพื่อแลกกับการตอบแทนช่วยเหลือ ในการตรวจการจ้าง จำเลยที่ 8 เป็นเจ้าพนักงาน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมงาน ได้อาศัยโอกาส ที่ตนมีอำนาจหน้าที่เรียกรับทรัพย์สินจากจำเลย ที่ 9 จำนวน 91,618,000 บาท เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 9 ด้วยการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการก่อสร้าง การตรวจการจ้าง การตั้งเรื่อง เบิกจ่าย และการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง โดยจําเลยที่ 9 ยินยอมจ่ายเงินให้แก่จําเลยที่ 8 เพื่อแลกกับการตอบแทน ช่วยเหลือดังกล่าว ขอให้ลงโทษจําเลยที่ 1-6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 จำเลยที่ 7,8 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157 จําเลยที่ 9 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,86 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางการไต่สวน ประกอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ของโจทก์และพยานหลักฐานของจำเลยทั้งเก้าแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-6 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตๆ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่จำเลยที่ 9 ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการพิจารณาหรือดำเนินการ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคา รู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏแจ้งชัดว่าควรรู้ว่าการเสนอราคา ในครั้งนั้น มีการกระทำผิด ละเว้นไม่ดำเนินการ เพื่อให้มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับ การเสนอราคาในครั้งนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 เป็นบทเฉพาะย่อมไม่ต้องปรับบทความผิด ตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เป็นบทเฉพาะย่อมไม่ต้องปรับบทความผิด ตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

จําเลยที่ 7 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งว่าการนั้นจะชอบหรือ มิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เป็นบทเฉพาะย่อมไม่ต้อง ปรับบทความผิดตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคำนวณราคา เป็นเงินได้กรณีจําเลยที่ 7 จํานวน 60,000 บาท








Advertisement

กรณีจําเลยที่ 8 นั้น เงินจํานวน 91,618,000 บาท ที่ได้มาจากการกระทําความผิดต่อตำแหน่ง หน้าที่ราชการให้รับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 32 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำไปรวมกับทรัพย์สินอื่นหรือมีการจําหน่ายจ่ายโอนเป็นทรัพย์สินอื่นโดยสภาพไม่สามารถส่งมอบได้หรือการติดตาม เอาคืนจะกระทําได้โดยยากเกินสมควร จึงให้จําเลยที่ 7,8 ส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบชำระ เป็นเงินจำนวนดังกล่าวแทนตามมูลค่าภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา

จำเลยที่ 9 เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1-6 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิพากษาว่า จําเลยที่ 1-6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จําเลยที่ 7,8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) จําเลยที่ 9 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐฯ มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นการกระทำกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐฯ มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำเลยที่ 1-6 จำคุกคนละตลอดชีวิต และปรับคนละ 3.9 เเสนบาท จำเลยที่ 7 จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 8 จำคุก 19 ปี จำเลยที่ 9 ปรับ 2.6 เเสนบาท

ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-8 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุ บรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จําเลยที่ 1-6 คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 2.6 เเสนบาท จำเลยที่ 7 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 8 คงจำคุก 12 ปี 8 เดือน นับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษ ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อท 28512561 ของศาลนี้ โดยให้จำเลยที่ 7,8 ส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบ เป็นเงินแทนตามมูลค่าดังกล่าวภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา

หากจำเลยที่ 1-6 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 กรณีต้องกักขัง แทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ได้ จำเลยที่ 9 ซึ่งเป็นนิติบุคคลไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 29,29/1 ยกฟ้องจำเลยที่ 9 สำหรับฐานเป็นผู้สนับสนุน การกระทําความผิดของจําเลยที่ 7 และที่ 8

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2564 ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณานัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสิ้น 29 นัด รวมระยะตั้งแต่วันฟ้องถึงวันอ่านคําพิพากษาเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน 17 วัน

หลังมีคำพิพากษา จำเลยทั้ง 8 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 7, 8 ส่วนจำเลยที่ 1-6 อยู่ระหว่างศาลอุทธรณ์พิจารณา

เมื่อครบกำหนดเวลาราชการ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลยที่ 1-6 ไปคุมขังยังเรือนจำ พิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอคำสั่งพิจารณาประกันของศาลอุทธรณ์ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน