หมอเตือนแพร่ไว ติดเชื้อวันละหมื่น

สังเวยโควิดอีก 2 ศพสลดเมืองกรุง รายแรกวัย 52 นอนตายคาที่นอนบนคอนโดฯ ย่านวิภาวดี เมียนมาพบกลายเป็นศพตอนเช้า อีกรายหนุ่มรับจ้างวัย 22 นอนป่วยแน่นหน้าอกอยู่บนหอพักแถวหนองจอก แฟนสาวมาพบนอนแน่นิ่ง อยู่บนที่นอน ทั้งคู่ตรวจ ATK ผลเป็นบวก ‘หมอธีระ’ ร.พ.จุฬาฯ คาดติดเชื้อโควิดพุ่ง วันละหมื่นคน เตือนโควิดขาขึ้น หลังสงกรานต์มีอาการ ต้องนอนร.พ.กว่า 1 พันรายแล้ว แนะนำมาตรการผู้ติดเชื้อแยกตัวกักตัวอย่างเคร่งครัด 14 วันกลับมาใช้ ชี้สายพันธุ์ XBB.1.16.x ระบาดเพิ่ม 42 ประเทศแล้ว กรมวิทย์แจงไทยเจอ XBB.1.16 เพิ่มอีก 6 ราย สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10% ล่าสุดองค์การอนามัยโลกประกาศปรับเป็นสายพันธุ์เฝ้าระวังแล้ว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด โดยระบุใจความดังนี้ เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 29,147 คน ตายเพิ่ม 149 คน รวมแล้วติดไป 686,558,099 คน เสียชีวิตรวม 6,860,033 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ รัสเซีย โรมาเนีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม

ข้อมูลจาก GISAID (Cr: Rajnarayanan R, US) ล่าสุดพบว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16.x นั้นมีรายงานการตรวจพบเพิ่มขึ้นเป็น 42 ประเทศทั่วโลก ทาง Nextstrain ได้กำหนดรหัสสำหรับ XBB.1.16 ให้เป็น clade 23B (โอมิครอน) เรียบร้อยแล้วต่อจาก XBB.1.5 ซึ่งเป็น 23A เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างเป็นระบบ จากข้อมูลจนถึงปัจจุบันบ่งชี้ให้เห็นว่า XBB.1.16.x มีสมรรถนะการแพร่ที่เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม มีรายงานจากหลายประเทศ ทั่วโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับไทยเรามีคนติดเชื้อและป่วยเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน สังเกตได้จากคนรอบตัวเรา และมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เข้าระบบรายงาน ตัวเลขรายสัปดาห์ 16-22 เม.ย. จำนวนผู้ป่วยนอนรักษาตัวในร.พ. 1,088 ราย สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 150% หรือมากขึ้นถึง 2.5 เท่า คาดประมาณจำนวนติดเชื้อใหม่รายวัน อย่างน้อย 7,772-10,794 ราย โดยจะสังเกต ได้ว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวใน โรงพยาบาลในแต่ละสัปดาห์นั้นเพิ่มขึ้นถึง 2.59 เท่า และ 2.5 เท่า ตามลำดับ ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์แรกนั้นขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ดังนั้น จึงเป็นตัวสะท้อนว่าการระบาดที่ปะทุขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละระลอกที่ผ่านมา ที่มักมีระยะเวลาอยู่ราว 6-8 สัปดาห์ ไม่ได้เป็นฤดูกาล แต่เป็นไปในแบบวงรอบ ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการเปิดเสรีเดินทางท่องเที่ยว พฤติกรรมเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวัน และการถดถอยของภูมิคุ้มกันและประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงได้ตามกาลเวลา

“เมื่อติดเชื้อแล้วยังควรแยกตัวจากผู้อื่น หลักฐานทางการแพทย์จากการวิจัยทั้งจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ หากติดเชื้อและกักตัว 5 วัน มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้อยู่ 50-75% 7 วัน 25-30% 10 วัน 10% 14 วัน ก็จะปลอดภัย แต่หากไม่กักตัว ไม่ว่าจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยก็แล้วแต่ ย่อมเสี่ยงที่จะ แพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นได้มาก แม้จะใส่หน้ากากก็ป้องกันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานพยาบาล สถานศึกษา สถานที่ดูแลเด็ก/ผู้สูงอายุ รวมถึงสถานบริการที่มีการให้บริการดูแลผู้คนจำนวนมาก ความเสี่ยงจะสูงมาก และนำไปสู่ความสูญเสียได้มากเป็นเงาตามตัว

ทางที่เป็นไปได้และเหมาะสมคือ “แยกตัว 7-10 วันจนกว่าจะไม่มีอาการและตรวจ ATK ซ้ำแล้วได้ผลลบ” จากนั้นจึงค่อยมาทำงานหรือใช้ชีวิต โดยป้องกันตัวเคร่งครัดจนครบ 14 วัน” นพ.ธีระกล่าว

ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นเป็นหลักพันว่า อย่ากังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ เพราะเราไม่ได้ตรวจ ผู้ติดเชื้อทุกคน ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 5 รายในรอบ 7 วัน เฉลี่ยไม่ถึงวันละ 1 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนตามที่กำหนด ก็ขอให้มารับวัคซีน

“อย่าไปกังวลกับสถานการณ์มากจน เกินไปว่าจะติดเชื้อ 2-3 พันคน ก็ช่วงระบาดหนักเคยติดเชื้อมาเป็นหลายหมื่นคนต่อวัน สธ.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กทม. มหาวิทยาลัย ติดตามสถานการณ์ผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต ผู้มีอาการหนักและสายพันธุ์ อย่างต่อเนื่อง อย่ากังวลจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน เคยทำงานอย่างไร เด็กจะเปิดเทอมอย่างไรก็ทำได้อย่างปกติ แต่ให้ระมัดระวัง หากมีอาการสงสัยก็ตรวจ ATK มีการจำหน่าย มีอาการทางเดินหายใจก็ใส่หน้ากากอนามัย ช่วยลดได้หลายโรคไม่เฉพาะโควิด มีข้อสงสัยก็เข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน” นพ.โอภาสกล่าว

ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สธ. กล่าวว่า ก่อนช่วงสงกรานต์ ผู้ป่วยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มาด้วยเรื่องไข้หวัด มีการศึกษาพบว่า เป็นโควิด 3% กว่าๆ แต่เป็นไข้หวัดใหญ่ถึงเกือบ 15% หลังสงกรานต์ขณะนี้ เชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโรงเรียนจะใกล้เปิดเทอม และโควิดก็กำลัง มากขึ้น คาดว่าถึง 10% แล้ว เพราะมีการ กลายพันธุ์เป็นพันธุ์ใหม่ซึ่งแพร่เร็ว แต่ความรุนแรงไม่มากยังเหมือนเดิม เพราะเรามีเสื้อเกราะคือวัคซีน และอีกชั้นคือหน้ากาก

ส่วนการแยกโรคต่างๆ ในช่วงเปิดเทอม นพ.ทวีกล่าวว่า ทางการแพทย์แนะนำอยู่แล้วว่า ถ้าเด็กมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ไม่ว่าจะเป็นเชื้ออะไรก็ให้นอนอยู่บ้าน เพราะสามารถนำมาติดต่อเพื่อนได้ทั้งหมด และเพื่อนก็ติด และเอาเข้าไปสู่ครอบครัว เป็นวงจรของการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจ จะเริ่มจากเด็กป่วยเล่นกันและก็เข้าครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุเป็นอันตราย ส่วนการจัดการเรียนการสอน เชื่อว่าเหมือนจับปูใส่กระด้ง การจะแยกกลุ่มเด็กก็เป็นเรื่องยาก เพราะ เป็นเรื่องพฤติกรรม เด็กชอบวิ่งเล่นกัน และไม่สวมหน้ากาก ดังนั้น ต้องเน้นที่การรับวัคซีน ซึ่งรับได้พร้อมกันทั้งโควิดและไข้หวัดใหญ่ โดยจะมีการประชุมของคณะกรรมการวิชาการ เพื่อทบทวนและสื่อสารทำให้ง่ายขึ้นในการเอาไปปฏิบัติ

เมื่อถามถึงกรณีบางปีช่วงเปิดเทอมจะมีโรคมือ-เท้า-ปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัสด้วย ปีนี้ต้องเฝ้าระวังไปพร้อมกับโควิดและไข้หวัดใหญ่ด้วยหรือไม่ นพ.ทวีกล่าวว่า สธ.ต้องตามเรื่องเชื้อนี้อยู่แล้ว เพราะกลุ่มเชื้อเอนเทอโรไวรัสมือ-เท้า-ปาก ตัวที่อาจจะอันตรายได้คือ EV71 แต่เชื้อ EV71 ของปีที่แล้วของไทย ค่อนข้างน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ต้องตามเรื่องเชื้อต่อไป เพราะทำให้เจ็บป่วยเยอะ เนื่องจากติดง่ายมากในเด็กเล็ก

ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า ล่าสุดองค์การอนามัยโลกปรับชนิดสายพันธุ์ที่ติดตาม ใกล้ชิด ได้แก่ 1.สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5 และ XBB.1.16 2.สายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง (VUM) 6 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75, CH.1.1, BQ.1, XBB, XBB.1.9.1 และ XBF โดยสายพันธุ์ XBB.1.5 และ XBB.1.16 ทั่วโลกจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ 27 มี.ค.-2 เม.ย. 2566 พบจำนวนเพิ่มขึ้นจากรอบสัปดาห์ก่อน คือ XBB.1.5 จาก 96 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 50.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 46.2 และ XBB.1.16 จาก 31 ประเทศ คิดเป็น ร้อยละ 4.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.5

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์จากความได้เปรียบในการเพิ่มจำนวนและความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกัน XBB.1.16 อาจแพร่กระจายไปทั่วโลกและมีส่วนทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานการเพิ่มความรุนแรงของโรค

สำหรับประเทศไทย พบ XBB.1.16 เพิ่มจำนวน 6 ราย XBB.1.16.1 จำนวน 1 ราย ทำให้ขณะนี้ไทยพบ XBB.1.16 และ XBB.1.16.1 รวมเป็น 34 ราย สัดส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16* คิดเป็น 9.8% ของสายพันธุ์ที่ตรวจใน สัปดาห์นี้ ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.5* เป็น สายพันธุ์ที่พบมากที่สุด คิดเป็น 28% ใน ขณะที่ BN.1* ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 มีสัดส่วนลดลง

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ส่วนกรณีผู้เสียชีวิต ชาวเมียนมาที่มีผลการตรวจ ATK เป็นบวก ผลการตรวจสายพันธุ์ พบเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16.1 มีการกลายพันธุ์ T547I เพิ่มเติมจากสายพันธุ์แม่ ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์แรก ที่พบในกลุ่ม XBB.1.16 อาจช่วยให้หลบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์แม่ จนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XBB.1.16.1 จำนวน 2 รายในไทย ขณะเดียวกัน XBB.1.16 ก็ยังคงพัฒนาต่อไปตามธรรมชาติของไวรัสเพื่อให้มีความได้เปรียบในการเพิ่มจำนวนที่สูงขึ้น ปัจจุบันพบ XBB.1.16 มีการกลายพันธุ์ S494P เพิ่มเติมอีก ซึ่งพบมากขึ้นในอินเดียและสหรัฐ ในไม่ช้าก็อาจจะถูกกำหนดชื่อ เป็นสายพันธุ์ย่อยอื่นอีก โดยขอประชาชน อย่าตื่นตระหนก สำหรับผู้ติดเชื้อชาวเมียนมารายนี้ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงมีความเป็นไปได้ที่การติดเชื้อไม่ว่าสายพันธุ์ใดก็ตามจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าปกติ

“กรมวิทย์จะเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลง สายพันธุ์อย่างใกล้ชิด ประสานร.พ.ทั่วประเทศส่งตัวอย่างผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ ทั้ง ชาวไทยและต่างชาติมาตรวจสายพันธุ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจกล่าว

ด้านนายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ มีความห่วงใยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมอบหมายให้ตนหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยตนประชุมร่วมกับ นพ.โอภาส ปลัดสธ. ถึงมาตรการป้องกัน โดยที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันว่าจะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ร่วมทำความเข้าใจให้นักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองยินยอมให้นักเรียนฉีดวัคซีนโควิด-19 โดย สสจ.จะอำนวยความสะดวกให้นักเรียนฉีดวัคซีนในสถานศึกษา

“สธ.มีความเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจจะแพร่ระบาดมากขึ้น ดังนั้น ศธ.จะเน้นย้ำสถานศึกษาในสังกัดอีกครั้งว่า สถานศึกษาควรจะกลับมาใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเหมือน ที่ผ่านมา เช่น การเว้นระยะห่าง การตรวจ คัดกรอง และใส่หน้ากากอนามัย แต่ผมมองว่าการระบาดครั้งนี้ อาจจะไม่รุนแรงถึงขั้น จะต้องปิดสถานศึกษาเหมือนการระบาด ครั้งแรก” นายอรรถพลกล่าว

วันเดียวกัน เวลา 07.33 น. ร.ต.ท.วัชรากร ศรีสว่าง รองสว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งเหตุพบชายเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ เหตุเกิดที่ร้านซักรีดกานดา ห้องเลขที่ 399/18 ชั้น 1 คอนโดโชคชัยร่วมมิตร ซอยวิภาวดี 16/5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงพร้อมด้วยอาสามูลนิธิกู้ภัย ไปตรวจสอบที่ เกิดเหตุ เป็นห้องพักเปิดให้บริการซักรีดผ้า ที่บริเวณห้องนอน พบร่างของนายภาคิน เจริญจิตร อายุ 52 ปี เสียชีวิตอยู่บนที่นอน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเอทีเคหาเชื้อโควิด-19 ผลปรากฏว่า ผลตรวจขึ้น 2 ขีด ยืนยันว่าป่วยโรคโควิด-19

จากการสอบสวนทราบว่า ภรรยาเห็น ผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 24 เม.ย. ก่อนมาพบศพสามีนอนเสียชีวิตตอนเช้า พนักงานสอบสวนจึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไป

ดับโควิด – เจ้าหน้าที่เข้าเก็บร่างของชายอายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง เสียชีวิตภายในห้องพักย่านหนองจอก กทม. ผลตรวจเอทีเคผลเป็นบวก ภรรยาระบุผู้ตายมีอาการป่วยไม่สบาย ก่อนนอนแน่นิ่งสิ้นใจ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.

ส่วนอีกรายเหตุเกิดเมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.สุวัฒ ดีพลงาม รอง สว. (สอบสวน) สน.หนองจอก รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิต ไม่ทราบสาเหตุ ถนนสกุลดี หอพักแห่งหนึ่ง แขวงและเขตหนองจอก กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัย และแพทย์เวร ร.พ.ตำรวจ พบศพนายนาวินท์ เชาว์รักษ์ อายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง นอนอยู่ภายในห้องไม่มีเลขที่ ตรวจสอบผลตรวจ ATK เบื้องต้นผลบวก

สอบสวนทราบว่าผู้ตายพักอาศัยอยู่กับแฟนเพียงสองคน ก่อนหน้านี้ 3-4 วัน ผู้ตายมีอาการป่วยไม่สบาย และบ่นว่าแน่นหน้าอก จึงนอนพักอยู่ภายในห้อง จนมาเมื่อช่วงเช้า แฟนมาแจ้งเจ้าของหอพักว่านายนาวินท์เสียชีวิตแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งต่อที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุ การเสียชีวิตต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน