วันที่ 2 พ.ค. นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครราชสีมา จัดเตรียมเงินทุนหมุนเวียนในสถานธนานุบาลที่ทางเทศบาลนครนครราชสีมากำกับดูแลทั้ง 3 แห่ง รวมกว่า 380 ล้านบาท โดยแห่งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่บนถนนโพธิ์กลาง ใกล้สำนักงานเทศบาลฯ เตรียมเงินทุนหมุนเวียนในระบบไว้ประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อรองรับนโยบายกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่มีรายได้น้อยให้มีเงินทุนหมุนเวียนใช้จ่ายในอัตราดอกเบี้ยต่ำช่วงเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2566

โดยให้คิดดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่นำทรัพย์มาจำนำระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-31 ก.ค. ดังนี้ 1.เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อเดือน 2.เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน สำหรับผู้มาใช้บริการวันที่ 1 ส.ค.-31 ธ.ค. ใช้อัตราดอกเบี้ยดังนี้ 1.เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.50 ต่อเดือน 2.เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน

นายประเสริฐกล่าวต่อว่านอกจากนี้สถานธนานุบาลของทางเทศบาลยังช่วยเหลือประชาชนด้วยการรับจำนำสิ่งของเกือบทุกชนิด วงเงินขั้นต่ำเพียง 100 บาท เพื่อช่วยเหลือ ประชาชนที่มีรายได้น้อยรวมทั้งผู้ปกครองในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน

ด้านนายวิษณุ เศษปรุ เจ้าพนักงานสถานธนานุบาล กล่าวว่าสถานธนานุบาล ของเทศบาลนครนครราชสีมาเปิดรับจำนำสิ่งของที่มีมูลค่าทุกชนิดเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ยืนยันว่ามีเงินทุนเพียงพอให้ประชาชนแน่นอน

รับเปิดเทอม – พ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปหาซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนตามร้านในตลาดชัยพร เขตเทศบาลเมืองหนองคาย เพื่อรับเปิดเทอม พบว่าราคาชุดนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อน เมื่อวันที่ 2 พ.ค.

ส่วนที่บริเวณ ตรอกถนนอัษฎางค์ ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา แหล่งรวมชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และร้านรับปักเสื้อนักเรียน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ปกครองนำเสื้อผ้าชุดนักเรียนมาทำการตัดแก้และปักชื่อ รวมทั้งปักสัญลักษณ์ต่างๆ กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ใกล้เปิดเทอมนี้ บรรดาผู้ปกครองส่วนใหญ่นำชุดเก่ามาทำการแก้ไขส่วนต่างๆ เพื่อนำกลับมาให้บุตรหลานได้ใช้ใหม่ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ขณะที่นักเรียนบางรายที่ขึ้นชั้นเรียนใหม่ ต้องซื้อชุดนักเรียนใหม่ทั้งหมดก็ใช้วิธีการประหยัด ด้วยการลดจำนวนซื้อชุดนักเรียนลง

ด้าน น.ส.สุจินนท์ มีแก้ว ช่างประจำร้านปักชุดนักเรียน กล่าวว่า ช่วงนี้ใกล้จะเปิดเทอม ผู้ปกครองจะพาบุตรหลานนำชุดนักเรียนมาปักชื่อและแก้ชุดนักเรียนกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการปักชื่อ ปักโลโก้ และปักดาว ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีคนนำชุดนักเรียน มาแก้ใหม่เพื่อใช้ซ้ำเพิ่มขึ้นถึง 20% เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนราคารับปักเสื้อและชุดนักเรียน ก็ยังยึดราคาเดิม มีเพียงในส่วนของการปักโลโก้ของโรงเรียนเท่านั้นที่จะต้องใช้เวลามาก และทางร้านก็ใช้จักรไฟฟ้าในการปัก ทำให้ใช้ไฟมากขึ้น อีกทั้งค่าไฟก็มีราคาสูงขึ้นจึงขอขึ้นราคาปักโลโก้ละ 10 บาท จาก 50 บาทเป็น 60 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน