วันนี้เพิ่มอีกคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ ฆ่า ‘ทราย’ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีในท้องที่สน.ทองหล่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยืนยันหลังเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนชุดใหญ่ที่กองปราบฯ คาดทุกคดีสอบสวนเสร็จทั้งหมดในสัปดาห์หน้า และจะทยอยส่งฟ้อง ต่ออัยการ อธิบดีกรมโรงงานฯ ร่วมประชุมปมไซยาไนด์ จ่อแจ้งจับสาวอำมหิตและดาราสาวใช้สารอันตรายผิดประเภท ยืนยันไม่มีเจ้าหน้าที่บกพร่อง แต่รองผบ.ตร.ชี้หละหลวมหลายประเด็นและไม่สามารถชี้แจงได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ ผู้ต้องหาวางยาฆ่าชิงทรัพย์เหยื่อ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง พร้อมกันนี้ยังได้เชิญ นาย จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าไซยาไนด์ ทั้งบริษัทผลิต โรงงานที่นำเข้า วัตถุประสงค์ของการนำเข้าและนำไปใช้ และการครอบครองไซยาไนด์ รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในวันนี้เรียกกรมโรงงานอุตสาหกรรมมาชี้แจงรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของการควบคุมและการกำกับดูแล เพราะไซยาไนด์มีไว้สำหรับอุตสาหกรรมและเพื่อศึกษาวิจัยเท่านั้น หากพบว่าการที่ไซยาไนด์หลุดรอดออกไปจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐจะมีความผิดด้วย เหมือนกับกรณีเรื่องปืนหาย ที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจนั้นๆ จะต้องได้รับโทษ 157 ในฐานะผู้บังคับบัญชา และโรงงานที่นำเข้าไซยาไนด์ เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ต้องประชุมในวันนี้ก่อน

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าทางคดี วันนี้เป็นการเรียกประชุมที่กองปราบปรามทั้งหมดตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้นำสำนวนคดีมารวมไว้ที่กองปราบปราม เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับใคร แต่ยอมรับว่าในช่วง 4 วันที่ผ่านมา คดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการขยายผลในทางคดี และคาดว่าภายใน 1-2 วัน จะมีความชัดเจนว่า จะมีใครเกี่ยวข้องกับการร่วมกันฆ่าหรือไม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนในกรณีของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือ ทราย ขาวอินทร์ ที่เสียชีวิตในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ในวันที่ 9 พ.ค. จะสอบปากคำแพทย์นิติเวชเพื่อประกอบสำนวนคดี หลังจากนั้นคาดว่าจะออกหมายจับแอมเพิ่มในคดีนี้ได้ ส่วนในวันที่ 11 พ.ค.นี้ จะเรียกบุคลากรทางการแพทย์ มาสอบปากคำในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อขอความเห็นภาพรวมของคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์และการใช้สารไซยาไนด์ทั้งหมด ที่สโมสรตำรวจ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้ขึ้นศาลด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกอีกด้วยว่า ขณะที่การสอบปากคำพ่อแม่ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรองผกก.สอบสวน สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีของนางสรารัตน์ พบว่าให้การเป็นประโยชน์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยคำให้การได้ เพราะจะกระทบกับรูปคดี ส่วนการสอบปากคำนอมินีที่มีชื่อบนกล่องพัสดุว่าเป็นคนสั่งซื้อไซยาไนด์ให้นางสรารัตน์ พนักงานสอบสวนสอบปากคำไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ขอยังไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดในสำนวนเรื่องคำให้การ เพราะเป็นประเด็นสำคัญในสำนวน เจ้าตัวอ้างว่านางสรารัตน์เป็นคนสั่ง โดยที่เขาไม่ทราบว่าชื่อถูกนำไปแอบอ้าง

ต่อมาเวลา 11.50 น. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมประชุมกับตำรวจชุดคลี่คลายคดี ก่อนออกมาเปิดเผยว่า กรณีนางสรารัตน์ใช้สารไซยาไนด์ฆ่าเหยื่อ และกรณีดาราสาว (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) นำไปใช้วางยาฆ่าสัตว์เลื้อยคลาน ถือเป็นการใช้ไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ ทางกรม ในฐานะผู้เสียหาย ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ด้วย มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ใช้รายย่อยที่ไม่ต้องมีการขออนุญาตครอบครอง หากในรอบหกเดือนมีการใช้เกิน 100 กิโลกรัม ต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำไปใช้ด้วย ส่วนการขายผ่านออนไลน์จะต้องไปดูที่ พ.ร.บ. ควบคุมและกฎหมายเรื่องวัตถุอันตราย ว่าโฆษณาได้หรือไม่ หลังจากนี้จะประสาน สคบ.เข้าตรวจสอบต่อไป

“ปัจจุบันมีบริษัทที่ขอนำเข้าไซยาไนด์ ทั้งหมด 14 ราย รวมน้ำหนัก 80 ตันต่อปี หลังจากนี้อาจแก้ไขเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตการนำเข้าไซยาไนด์ โดยจะกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความเข้มงวดก่อนนำเข้า เช่น ให้ผู้ที่ขออนุญาตนำเข้าแจ้งรายชื่อผู้ที่ต้องการใช้สารไซยาไนด์ เป็นต้น ทั้งนี้ขอรับรองว่า เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีความบกพร่องในเรื่องนี้” นายจุลพงษ์กล่าว

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยภายหลังการประชุมคณะทำงาน ว่า มอบหมายให้คณะทำงานเก็บประเด็นรายละเอียดการสอบสวนทุกคดีที่ยังขาดอยู่ ส่วนคดีของน.ส.มณฑาทิพย์จะออกหมายจับคดีฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพิ่มในวันที่ 9 พ.ค. ส่วนคดีของน.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปี ที่จ.ราชบุรี มีความคืบหน้าไปมากกว่า 80% ยังรอข้อมูลการใช้โทรศัพท์และเส้นทางการเงินบัญชีทั้งหมดเพื่อประกอบสำนวนคดีเพิ่มเติม จากนั้นออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีอื่นๆ นั้น พนักงานสอบสวนยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่าสามารถออกหมายจับในข้อหาอื่นได้หรือไม่ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าการสอบสวนน่าจะแล้วเสร็จ 100% หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานในแต่ละคดีเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนจะทยอยส่งสำนวนทุกคดีฟ้องต่ออัยการในเวลาไล่เลี่ยกัน ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ส่วนกรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯ ไม่ได้บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่นั้น จากการพิจารณาข้อมูลพบว่าการดำเนินงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรมยังมีความหละหลวมมาก และยังมีช่องโหว่ในข้อกฎหมาย อาจก่อให้เกิดปัญหาในกรณีอื่นได้อีก และขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่ามีสารไซยาไนด์หลุดออกจากระบบไปจำนวนเท่าไหร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน