ศธ.สั่งเช็กตึกเรียนทั่วปท. รพ.ชัยภูมิวุ่น-หลังคาปลิว

‘บิ๊กตู่’ นำคณะใหญ่บินไปตรวจเหตุพายุถล่ม จ.พิจิตร โดยเฉพาะเหตุอาคารโดมโรงเรียนที่สามง่ามพังถล่มทำให้มีเด็ก-ผู้ใหญ่เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 18 คน ย้ำจนท.ต้องจัดจนท.พร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่ใช่รอให้เกิดเหตุค่อยระดมคน สำนักนายกรัฐมนตรี-ศธ.เร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ รมว.ศึกษาธิการหวั่นเหตุซ้ำรอย สั่งโรงเรียน ทั่วประเทศตรวจสอบซ่อมแซมอาคารสถานศึกษา ชัยภูมิระทึกอีกพายุร้อนพัดหลังคาโรงจอดรถร.พ.ชัยภูมิปลิวว่อนถนน ทับรถพังยับ 14 คัน โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และคณะ ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ไปตรวจราชการและติดตามสถานการณ์วาตภัย รวมถึงให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ในพื้นที่ จ.พิจิตร ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ 18 คน

เคารพศพ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เดินทางไปเคารพผู้เสียชีวิตจากเหตุพายุถล่มโรงเรียนวัดเนินปอ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 18 คน ที่อ.สามง่าม จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 24 พ.ค.

จุดแรกที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และให้ความช่วยเหลือสาธารณภัยวาตภัย โรงเรียนวัดเนินปอ อ.สามง่าม ตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณลานสนามฟุตบอล และดูสภาพความเสียหายของโรงเรียน พร้อมสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้ถอดบทเรียนและกำชับเรื่องการดูแลเยียวยา หากส่วนไหนทางจังหวัดไม่สามารถดำเนินการได้ให้ร้องขอไปทางส่วนกลาง เบื้องต้นสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหารและตำรวจฟื้นฟูดูแลโดยเร็วที่สุด สำหรับพื้นที่ อ.สามง่าม มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3 ตำบล คือ เนินปอ, รังนก และกำแพงดิน กว่า 408 หลังคาเรือน

พล.อ.ประยุทธ์รับฟังบรรยายสรุป จากกองอำนวยการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย ก่อนเผยว่า วันนี้มาดูความ เดือดร้อนต่างๆ เพื่อรับทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทราบว่ามีการประกาศภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้ใครเกิดขึ้น ในส่วนความช่วยเหลือขอย้ำให้รวดเร็วที่สุดส่วนเรื่องการซ่อมบ้านต่างๆ ตำรวจ ทหาร ต้องเข้ามาช่วยกัน พร้อมขอให้ กองอำนวยการร่วมติดตามขั้นตอนการช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย

โดยสั่งการในเชิงนโยบายให้ติดตามพื้นที่ความเสี่ยงในทุกพื้นที่ ทั้งนี้ ทุกอย่างเมื่อมีเหตุต้องมีวิธีการบริหารต่อไป ต้อง เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือ ไม่ใช่เกิดแล้วเพิ่งเรียกมา ต้องมีช่องทางการสื่อสาร สิ่งสำคัญความพร้อมของส่วนอำนวยการผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีแผนขั้นต้นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภัยพิบัติ จังหวัดเคยมีอะไรบ้าง ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง อุทกภัย สาธารณภัย ทั้งหมดจะต้องมีแผนสำรองไว้ ทั้งระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินพบปะให้กำลังใจประชาชนและนักเรียนที่ได้รับผล กระทบจากเหตุวาตภัย ก่อนไปเคารพศพ ผู้สูญเสียที่ตั้งบำเพ็ญกุศลภายในบ้าน คือนายดำ อ่องแดง อายุ 58 ปี และด.ช. วัชรากร พันวัน อายุ 6 ขวบ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย จากนั้นไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ร.พ.พิจิตร

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า มาเยี่ยมผู้ประสบภัยเหตุวาตภัย และติดตามสถานการณ์ และประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ ที่ทำได้ดี ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไป โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการบรรเทาภัยพิบัติมีกฎหมายอยู่แล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบตามกรอบของรัฐบาลทุกอย่างมีกติกาอยู่ แล้ว ทั้งเงินช่วยเหลือจากสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก็มีอยู่แล้ว

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท 2.เงินทุนเลี้ยงชีพ สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต 30,000 บาท และครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ อีกครอบครัวละ 50,000 บาท

สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สาธารณภัยทั่วไปได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยฯ โดยผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 30,000 บาท และผู้บาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 15,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างรอข้อมูลสรุปรายละเอียดผู้บาดเจ็บจากทางจังหวัดพิจิตร เพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเงินกองทุนช่วย เหลือฯ พิจารณาจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่อไป

ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 10,000 บาท (จ่ายแล้ว) และเงินช่วยเหลือสำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 5,000 บาท ผู้บาดเจ็บ รายละ 3,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการจะมอบเงินช่วยเหลือเฉพาะนักเรียน โดยจะมีการพิจารณาทบทวนการมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพิจิตร มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย 1.ค่าสะเทือนใจ รายละ 2,300 บาท 2.ค่าทำศพ รายละ 29,700 บาท 3.ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็น ผู้ที่ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวเป็นหลัก มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวเพิ่มให้อีก 29,700 บาท 4.ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เกิน 3 วัน มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม รายละ 4,000 บาท นอกจากนี้ ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรการกุศล มูลนิธิต่างๆ ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของสถานภาพความเป็นอยู่ การเยียวยาด้านจิตใจ รวมถึงการฟื้นฟูสถานที่เกิดเหตุเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วด้วย

ขณะที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ที่ร่วมคณะไปพร้อมของพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ศธ.ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกคน โดยสั่งการให้ต้นสังกัดของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่อยู่ในพื้นที่วาตภัย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือ รวมถึง ขอให้สถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศสำรวจตรวจสอบอาคารสถานที่ ตลอดจนระบบไฟฟ้าของสถานศึกษา ว่ามีการบำรุงดูแลรักษาให้ปลอดภัย พร้อมใช้งานหรือไม่ หากพบอาคาร สายไฟฟ้า สนามเด็กเล่น ชำรุดต้องเร่งซ่อมแซมให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา ขณะนี้สถานศึกษามีแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดภัยพิบัติทุกประเภทอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ และต้องถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพื่อป้องกันและเตรียมรับมือหากเหตุเช่นนี้อีก

น.ส.ตรีนุชกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ ผู้ประสบเหตุวาตภัยที่อาคารโดมของโรงเรียนวัดเนินปอล้มทับ ได้มีการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้ 1.กลุ่มผู้เสียชีวิต ศธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบเงินช่วยเหลือรายละประมาณ 145,000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ช่วยเหลืองานบำเพ็ญศพ และทีมสหวิชาชีพช่วยเหลือด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต และ 2.กลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ มอบเงินช่วยเหลือนักเรียนที่บาดเจ็บสาหัส รายละ 8,000 บาท บาดเจ็บไม่สาหัส รายละ 6,000 บาท รวมถึงมีทีมศูนย์ความปลอดภัยลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ช่วยเหลือและมีทีมงานดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ทุกราย อย่างน้อยรายละ 2 คน

ส่วนการฟื้นฟูช่วยเหลือระยะยาวกลุ่ม ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จะอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม พร้อมจัดครูดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ครู 1 คน ต่อ นักเรียน 1 คน รายงานทุกวันและทุกระยะ รวมถึงส่งต่อข้อมูลและดูแลช่วยเหลือนักเรียนจากระดับชั้นประถมศึกษาไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษา และจัดหาทุนการศึกษาให้กับนักเรียนกลุ่มผู้ประสบภัย เป็นต้น พร้อมทั้งให้นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำเขตพื้นที่ ลงพื้นที่ให้คำปรึกษา ฟื้นฟูและเยียวยาจิตใจของนักเรียนที่มีเพื่อนบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เกิดลมพายุฤดูร้อนต้นฤดูฝนจากอิทธิพลร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดทั้งฝนและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ หลังคาโรงจอดรถขนาด 8 คูณ 40 เมตร ด้านหลังร.พ.ชัยภูมิ หลังคาโรงจอดรถปลิวจากอีกฝั่งหนึ่งของถนน ตกทับรถยนต์ทั้งของเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ร.พ.ชัยภูมิ มีทั้งรถเก๋ง และรถยนต์กระบะ และของบรรดาญาติ ผู้ป่วยที่จอดไว้เรียงกันริมถนนทางเข้าออกเสียหายไปกว่า 14 คัน รวมมูลค่าความ เสียหายจากรถยนต์ที่เป็นรถเก๋ง และรถกระบะส่วนใหญ่มีสภาพใหม่ หลังคาโรงรถพังทับได้รับความเสียหายครั้งนี้ กว่า 7 ล้านบาท เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากพายุฝนต้นฤดูถล่ม ในครั้งนี้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน