ห้ามมีอีก! ตร.ลั่นฟันพี่เลี้ยงเด็ก ทารุณดญ.มัดขังส้วม

ลั่นฟันครูพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี หลังคลิปว่อนโซเชี่ยลทำโทษรุนแรง จับมัดมือมัดเท้าขังไว้ในห้องส้วม ผู้การเผยบุกสอบปากคำทั้งเหยื่อและผู้ก่อเหตุได้ข้อเท็จจริงชัด รับสารภาพกระทำตามคลิปจริง อ้างป้องกันไม่ให้เด็กทำผิดกฎของสถานที่ งัดกฎหมายกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก 2 ฉบับมาเป็นแนวทางเล่นงาน อีกกรณีครูมัธยมโรงเรียนในจ.อุบลราชธานี ทำโทษไม่เหมาะสม ตบหน้านักเรียนหน้าชั้น เบื้องต้นผอ.โรงเรียนสั่งคาดโทษครูที่ก่อเหตุ พร้อมให้ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนที่โดนตบ พร้อมให้เซ็นเอ็มโอยูว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

วันที่ 30 พ.ค. พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเด็กหญิงถูกทำร้ายร่างกาย ในสถานสงเคราะห์เด็กแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จ.สระบุรี ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบเด็กทั้ง 9 คนแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ อัยการ ตำรวจร่วมสอบ พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บพยานหลักฐานทางกล้องวงจรปิด ส่วนผู้ก่อเหตุก็ได้สอบสวนไปแล้วซึ่งยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง และเสียใจที่มีแนวความคิดแบบนั้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อออกหมายจับ ซึ่งจะต้องดูว่าความผิดอยู่ในขั้นไหน ส่วนข้อกล่าวหา เบื้องต้นจะต้องตรวจสอบดูว่าเข้าข่ายพ.ร.บ. คุ้มครองเด็กหรือไม่ น่าจะผิดในมาตรา 309 ซึ่งผู้ก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน และยอมรับสารภาพกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ส่วนเด็กทั้ง 9 คนขณะนี้พักอยู่บ้านพักเด็กและสตรีในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพคอยดูแลเยียวยาทางด้านจิตใจ

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่จากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Thanya Wannasathit ระบุว่าเด็กกว่า 280 ชีวิตต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืด พร้อมลงรูปเด็กที่ถูกกระทำ ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นไปยังสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี ถนนพหลโยธิน ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เพื่อหาข้อมูล ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท ได้ลงพื้นที่พร้อมประชุมแนวทางในการสอบสวน

ต่อมาลงพื้นที่ไปยังตึกทานตะวันตั้งอยู่ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรีที่ถูกอ้างว่าเป็นสถานที่ ที่เด็กถูกทำร้ายร่างกาย ขณะนี้ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สระบุรี อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. พระพุทธบาท ได้นำเด็กที่ถูกพี่เลี้ยงในบ้านพักทำร้ายร่างกายเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงภายในห้องประชุม โดยมี น.ส.สุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมสอบปากคำเด็กที่ถูกทำร้ายด้วย

จากนั้นช่วงบ่าย นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พล.ต.ต.วิชิต พร้อมด้วยน.ส.สุนีย์ และอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ สหวิชาชีพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมหารือกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น โดยเวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงได้ข้อสรุป

พล.ต.ต.วิชิตกล่าวว่า เบื้องต้นวันนี้มีการสอบปากคำเด็กไปบางส่วนต่อสหวิชาชีพ ทราบว่าจุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังที่ 3 ชื่อ “บ้านทานตะวัน” ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีเด็กอาศัยอยู่ 40 คน โดยผู้ก่อเหตุเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเด็กในบ้านพักดังกล่าว สำหรับภาพเด็กที่ปรากฏถูกมัดมือมัดขานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 30 เม.ย.โดยพยานยืนยันว่าคนที่มัดเป็นเด็กโต 2 คนซึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นจริง สาเหตุที่ลงโทษเนื่องจากเด็กกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุทะเลาะกัน และหนีออกจากสถานที่พักอาศัยจำนวน 9 คน จึงถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านและถูกลงโทษดังกล่าว โดยรุ่นพี่มีการจับมัดมือคู่กัน และภาพที่เกิดขึ้นคือเด็กหญิงคนดังกล่าวปวดท้องเข้าห้องน้ำ รุ่นพี่จึงได้ช่วยอุ้มพาไปเข้าห้องน้ำ และมีรุ่นพี่อีกคนถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งครู พี่เลี้ยง (ผู้ถูกกล่าวหา) ยืนยันว่าไม่ได้เป็น ผู้ลงมือทำ แต่ยอมรับว่าเคยข่มขู่เด็กว่าถ้าทะเลาะกันหรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนดจะต้องถูกมัดและต้องถูกลงโทษในลักษณะนี้ ซึ่งเด็กรุ่นพี่ทั้งสองคนก็ทำตามคำสั่งของพี่เลี้ยงที่เคยพูดไว้ ภายหลังครูพี่เลี้ยง ก็มาเห็นภาพที่เด็กถูกมัดมือมัดเท้า แต่ก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือหรือตักเตือน แต่กลับสนับสนุนว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทาง พม.ได้ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีแล้ว ส่วนภาพที่เด็กไปนอนอยู่ในห้องน้ำนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริงภายในห้องน้ำชั้น 2

สำหรับครูพี่เลี้ยงผู้ถูกกล่าวหานั้นให้การว่าเป็นกติกาของตัวเอง หากเด็กคนใดมีการขับถ่ายเลอะที่นอนในช่วงกลางคืนก็จะถูกลงโทษโดยการให้ไปนอนในห้องน้ำจนกว่าจะหยุดปัสสาวะรดที่นอนจึงจะให้กลับมานอนที่เดิม เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เด็กคนอื่นๆ กระทำตาม เมื่อถามถึงกรณีข้อมูลของเด็กที่ระบุว่ามีเด็กหลายคนถูกลงโทษโดยการให้ลงไปแช่ในน้ำ ในกรณีนี้ครูพี่เลี้ยงก็ยอมรับว่าเป็นกติกาที่ถูกกำหนดขึ้นในการที่จะลงโทษเด็กเล็กหากมีอาการดื้อหรือซุกซน แต่จากการตรวจสอบที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีเด็กคนใดเคยโดนลงโทษด้วยวิธีดังกล่าว แต่หากมีพยานหลักฐานก็จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมด อยู่ที่พยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ภายในสถานสงเคราะห์ ในส่วนของผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ถ้าหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ก็จะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนครูพี่เลี้ยงผู้ถูกกล่าวหาจะดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ความผิดเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพ และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนข้อหาอื่นๆ ในเรื่องของการหน่วงเหนี่ยวกักขัง จะต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้ง

ทารุณเด็ก – ภาพสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัด สระบุรี ที่จนท.สถานสงเคราะห์ฯ แฉผ่าน โซเชี่ยลเปิดโปงการ กระทำทารุณเด็กในความดูแล ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับครูพี่เลี้ยงที่ก่อเหตุ หลังเค้นสอบจนรับสารภาพ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.

สำหรับกรณีครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี ทำโทษนักเรียนด้วยวิธีที่ไม่สมควรจึงถ่ายคลิปภาพเหตุการณ์ส่งให้กับเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องเรียนนักเรียนถูกครูตบหน้า

ล่าสุด น.ส.กนิษฐา ทองเลิศ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ เปิดเผยว่าจากกรณีดังกล่าว ว่าที่ร้อยตรีหญิงกอบสมุทร ศรีดา ผอ.โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร อ.โพธิ์ไทร จังหวัดอุบล ราชธานี ได้รายงานว่ามีครูได้ลงโทษนักเรียนชั้น ม.1 ในชั้นเรียนคาบเรียนที่ 3 เวลา 10.10-11.00 น. วันที่ 29 พ.ค. เมื่อได้รับแจ้งจากนักเรียน ผู้บริหารและครูผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ขึ้นไปรับนักเรียนที่ชั้นเรียนเพื่อมาสอบถามถึงเหตุการณ์ของการลงโทษในครั้งนี้

จากการสอบถามทราบว่าในขณะที่ครูสอน นักเรียนผู้ถูกลงโทษได้พูดคุยกับเพื่อน เมื่อครูได้พบเห็นจึงเรียกให้นักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียนและให้นักเรียนได้ทำโจทย์ตัวอย่างบนหน้ากระดาน แต่นักเรียนทำไม่ได้จึงได้ตบหน้านักเรียน 1 ครั้งพร้อมทั้งว่ากล่าวนักเรียนว่าไม่ตั้งใจฟังที่ครูสอน จนผอ.และคณะครูได้ไปรับนักเรียนในชั้นเรียน โดยได้แยกออกมาที่ห้องกิจการนักเรียนเพื่อสังเกตอาการและสภาพของจิตใจนักเรียน ก่อนจะนำกลับไปพบผู้ปกครองและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองได้รับทราบ พร้อมทั้งโรงเรียนได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับครูที่ลงโทษนักเรียนด้วยการตบหน้านั้น ทางผอ.โรงเรียนได้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมทั้งกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และได้แจ้งให้ครูที่ลงโทษนักเรียนไปพบ ผู้ปกครองที่บ้าน เพื่อปรับความเข้าใจกับ ผู้ปกครองและนักเรียนแล้ว พร้อมทั้งมอบเงินค่าทำขวัญนักเรียนในเบื้องต้น และรับปากกับผู้ปกครองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นนักเรียนคนใดก็ตาม

ด้านว่าที่ ร.ต.หญิงกอบสมุทร ศรีดา ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้รองผู้อำนวยการ ซึ่งรักษาราชการแทน เข้าแยกเด็กออกมาจากห้องเรียนทันที และให้ครูฝ่ายจิตวิทยาเข้าพูดคุยกับเด็กชายเอ สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความรู้สึกของเด็กที่ถูกกระทำต่อหน้าเพื่อน ส่วนครูอีกชุดก็ให้เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียนที่ยังอยู่ในห้องเรียน เพื่อไม่ให้เสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนำตัวเด็กออกมาได้มีการพูดคุยประเมินสภาพจิตใจเด็กแล้ว จึงให้รองผู้อำนวยการนำเด็กไปส่งที่บ้าน พร้อมทั้งบอกเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ พร้อมกันนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนก็ให้คุณครูเข้ามาพูดคุยขอโทษและทำขวัญเด็กนักเรียนตามประเพณีอีสาน และรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับเด็กนักเรียนคนอื่นอีกด้วย

ผอ.โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร ยังกล่าวอีกว่า นอกจากโรงเรียนจะได้เข้าดูแลเรื่องสภาพจิตใจของเด็กและผู้ปกครองแล้ว ก็ได้รายงานเหตุการณ์ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ ที่ 29 และให้ครูที่ก่อเหตุเขียนรายงานชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และจะให้ทำ MOU ในการสอนในอนาคต พร้อมลงโทษด้วยการสั่งงดพิจารณาขั้นพิเศษประจำปีนี้ ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ที่ 29 ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนของทางราชการ เพื่อลงโทษอื่นๆต่อไป

ด้านนายเขมราฐ ขัมภรัตน์ นายอำเภอ โพธิ์ไทรได้เข้าสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้กำลังใจครูและเด็กนักเรียน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางนายเขมราฐ บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น วันนี้หลังทราบข่าวตน ได้เข้ามาพูดคุยและให้กำลังใจทุกฝ่าย ส่วนกระบวนการของการปกครองก็มีการพูดคุยกับผู้ปกครอง จบลงได้ด้วยดีแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน