ฟอก2.5พันล้าน โผล่‘บางละมุง’ ตม.แกะรอยเจอ

สตม.จับ 2 คดีใหญ่แก๊งคอลฯ-ยาเสพติดข้ามชาติ รวบหนุ่มมังกรจีนกบดานคอนโดฯ หรู บางละมุง ชลบุรี หลังถูกทางการจีนออกหมายจับคดีฟอกเงินให้แก๊งคอลฯ ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา พบนำเงินที่ได้ไปเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัล ให้คนที่อยู่ในจีนซื้อทองคำ อสังหาริมทรัพย์ กว่า 2.5 พันล้าน อีกคดีจับหนุ่มเกาหลีใต้ มือขวาแก๊งยานรก ตามหมายจับอินเตอร์โพลขนยาเสพติดเข้าแดนโสมผ่านพัสดุ หลบซ่อนอยู่ในบ้านหรูที่ชลบุรี เผยจับเพื่อนร่วมแก๊ง อีก 70 คน ยึดทรัพย์ 17 ล้าน

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รองผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผบก.สส.สตม, พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รองผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รองผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รองผบก.สส.ภาค 7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนบก.สส.ตม.ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีที่ 1 สตม.รวบหนุ่มจีนเครือข่าย ฟอกเงินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท สืบเนื่องจากการประสานงานกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับ ของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ คือนายซู เหวย อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ฟอกเงินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา มีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจนทราบว่านายซูถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และซ่อนตัวอยู่ในคอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงเฝ้าดูและติดตาม จนพบนายซู เหวย ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว อยู่บริเวณริมถนนแถวคอนโดฯ ดังกล่าว จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจค้น นายซูสมัครใจพาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ จากนั้นจึงนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนทราบว่านายซูมีหน้าที่ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โดยนำเงินที่แก๊งคอลฯ ได้มาจากการหลอกลวงประชาชนมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือติดต่อคนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าซื้อทองคำหรืออสังหา ริมทรัพย์ จากการตรวจสอบพบว่าฟอกเงินให้ขบวนการแก๊งคอลฯ มากกว่า 2,500 ล้านบาท

คดีที่ 2 สตม.จับกุมมือขวาขบวนการลักลอบขนยาเสพติดเข้าแดนโสมผ่านพัสดุ พบของกลางมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ในช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.65 ถึง มี.ค.66 กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซล ปฏิบัติการปราบปรามเพื่อป้องการการระบาดของยาเสพติดบริเวณโดยรอบสถานบันเทิง เช่น ย่านกังนัม และย่านแทวอน จับกุม ผู้เกี่ยวข้องในการจัดจำหน่ายยาเสพติดและ ผู้เสพสารเสพติด ทั้งหมด 70 ราย ยึดของกลางยาเสพติดหลายประเภท มีมูลค่าสูงถึง 620 ล้านวอน ยึดเงินสดมูลค่า 19.15 ล้านวอน รวมเป็นเงินไทยกว่า 17 ล้านบาท

โดยช่วงดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนของกรุงโซลสืบพบว่านายคิม จุนบอม ผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้หลบหนีมายังประเทศไทย กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโซล จึงประกาศออกหมายแดงของตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยจึงประสานมายังสตม. เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศเกาหลีใต้รายสำคัญ คือนายคิม จุนบอม อายุ 26 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติรับผิดชอบขนยาเสพติด

เกาหลีหนีไม่รอด – ตำรวจสตม.บุกรวบนายคิม อายุ 26 ปี หนุ่มเกาหลี ที่หมู่บ้านหรูในต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังทางการประเทศเกาหลีใต้ประสานให้จับกุม ในฐานะผู้ต้องหาคดีลักลอบนำเข้ายาเสพติด เมื่อวันที่ 31 พ.ค.

บก.สส.สตม. ได้สืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย จนทราบว่า นายคิมถือหนังสือเดินทางประเทศเกาหลีใต้เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.65 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงเฝ้าดูและติดตาม จนพบนายคิมซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศเกาหลีใต้และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด อยู่บริเวณหน้าหมู่บ้าน จึงแสดงตนขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ จึงแจ้งข้อกล่าวหาและนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.นาจอมเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนทราบว่านายคิมจะใช้ แอพพลิเคชั่น ‘เทเลแกรม’ เพื่อติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับลูกค้า และเมื่อมีการตกลงสั่งซื้อ นายคิมจะแบ่งยาเสพติดให้มีสัดส่วนที่เล็กลงและนำไปไว้ในสถานบันเทิงที่ลับตาคนที่ ได้มีการนัดหมายกับผู้ซื้อไว้ล่วงหน้า เพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น อีกทั้งนายคิมยังเป็นผู้รับหน้าที่ขนยาเสพติดจากประเทศไทยส่งออกไปยังประเทศเกาหลีใต้

สำหรับสตม.มีมาตรการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรม ไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน