พายุพัดถล่มเชียงใหม่ สลดคลื่นซัด-จม2ศพ

กรมอุตุฯ ย้ำเตือนคลื่นลมแรงทั้งทะเลอันดามัน-อ่าวไทย อีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม สลดป้าชาวแม่แตงวัย 54 เชียงใหม่ กลับจากงานศพหลบฝนข้างทาง ต้นไม้ทานแรงลมไม่ไหวโค่นทับสายไฟฟ้าแรงสูงฟาดใส่ชอร์ตไหม้ทั้งตัวต้องตัดแขนทิ้ง ส่วนที่ระยองครอบครัวร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ เจอศพลูกชายวัย 14 ปีหายไปในทะเลต่อหน้าแม่ ส่วนฝั่งอันดามันคลื่นซัดลุงเฝ้ากระชังปลาจมทะเลภูเก็ต

เตือนคลื่นลมแรงฝนตกหนัก
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุ นิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องคลื่นลมแรงและฝนตกหนักถึงหนักมาก ฉบับที่ 12 ระบุมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมชายฝั่งประเทศเมียนมา ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร (ม.) บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 ม. ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 ม. ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งต่อไป

ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มไว้ด้วย จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ป้าวัย 54 ไฟแรงสูงชอร์ตร่างไหม้
ที่จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเหตุคุณป้าวัย 54 ปีชาวบ้านห้วยหก ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง เดินเท้ากลับบ้านจากช่วยงานศพญาติในหมู่บ้านเกิดพายุพัดต้นไม้ยืนต้นตาย ยืนหลบข้างถนนกลัวต้นไม้ล้มทับใส่ แต่ต้นไม้กลับล้มทับพาดสายไฟฟ้าแรงสูงหย่อนลงมาปลิวฟาดใส่ลำตัวถูกไฟฟ้า ชอร์ตร่างกายไหม้ทั้งตัวอาการสาหัส แพทย์ต้องตัดแขนทิ้งและนิ้วเท้าทิ้งเพื่อรักษาชีวิต ญาติเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงประสานทนายลงบันทึกประจำวันเตรียมแจ้งความ

นายชัชชัย วอเซอลอย อายุ 27 ปี บุตรชายนางพิมพ์ใจ วอเซอลอย อายุ 54 ปี หรือป้าสุข พร้อมด้วยนายฌาน มันห้วย ทนายความ เข้าพบร.ต.อ.ประสิทธิ์ โพชะจา พนักงานสอบสวนสภ.ป่าแป๋ อ.แม่แตง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากช่วงเย็นวันที่ 1 มิ.ย. นางพิมพ์ใจถูกไฟฟ้าแรงสูงชอร์ตนอนหมดสติกลางถนนในหมู่บ้านอาการสาหัส

นายชัชชัยเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 1 มิ.ย. ขณะที่แม่ของตนเดินทางกลับมาที่บ้านหลังจากไปช่วยงานศพญาติในหมู่บ้านห้วยหก ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง ช่วงเดินเท้ามาตามถนน เกิดพายุมีลมพัดกระหน่ำในหมู่บ้าน สังเกตเห็นว่ามีต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่กำลังถูกลมพายุพัดใกล้ล้ม จึงได้หลบอยู่ข้างทางใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูงในหมู่บ้าน แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ต้นไม้ต้นดังกล่าว ล้มลงอย่างแรงพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูง น้ำหนักของต้นไม้ทำให้สายไฟฟ้าหย่อนลงมาเหวี่ยงพาดใส่ลำตัว แม่ของตนถูกไฟฟ้าแรงสูงชอร์ต จนทำให้ล้มลงนอนกลางถนนหมดสติ มีเลือดออกกองเต็มถนน สภาพแขนขวาและร่างกายหลายจุดไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย

เผยหมอสั่งตัดแขนขวา-นิ้วเท้า
หลังจากนั้นญาติๆ ที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาช่วยนำตัวแม่ขึ้นรถกระบะขึ้นเขาลงห้วยด้วยความยากลำบากระยะทางกว่า 10 ก.ม.ไปส่งให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพอบต.ป่าแป๋ ที่มารอรับผู้ป่วยบริเวณหมู่บ้านป่าแป๋ เพื่อนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่แตง ก่อนที่ทีมแพทย์จะส่งตัวแม่ไปรักษาต่อที่ร.พ.นครพิงค์เนื่องจากอาการสาหัส ต่อมาได้ติดต่อร.พ.ทราบว่าแม่รักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ เนื่องจากถูกไฟไหม้เกือบทั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนขวาถูกไฟไหม้จนถึงกระดูกทำเนื้อตาย ทางแพทย์อาจจะต้องตัดแขนขวา และนิ้วเท้าบางนิ้วทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้ ซึ่งทางทีมแพทย์ต้องดูอาการก่อนว่าจะสามารถผ่าตัดได้วันไหน

นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามกับญาติๆ เบื้องต้นยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ญาติพี่น้องเกรงว่าแม่จะไม่ได้รับความ เป็นธรรม ประกอบกับแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจต้องใช้เวลารักษาตัวนานนับปี และส่งผลกระทบกับครอบครัว เนื่องจากตนมีฐานะค่อนข้างยากจน ทุกวันนี้ก็ทำงานรับจ้างรายวันอยู่ต่างอำเภอ ส่วนแม่ก็ทำไร่ทำสวน รับจ้างรายวันทั่วไปอยู่ในหมู่บ้านเลี้ยงดูครอบครัว

ด้านนายฌาน มันห้วย ทนายความ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนได้รับการประสานจากญาติคนเจ็บ ซึ่งเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้จะมีหน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาประสานงานในการช่วยเหลือเบื้องต้น ตนจะได้นำตัวญาติผู้เสียหายไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เนื่องจากทางญาติต้องดูอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อน อย่างไรก็ตามหากญาติต้องการจะดำเนินคดีก็จะมีการประสานความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง

เจอแล้วศพด.ช.วัย 14 เหยื่อคลื่น
ส่วนความคืบหหน้ากรณีเด็กชายวัย 14 ปี ลงเล่นน้ำทะเลกับมารดา บริเวณชายหาดแสงจันทร์ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง จนถูกคลื่นซัดจมหายไป เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อหน้า น.ส.สุนิด พรเพชร อายุ 42 ปี มารดาที่เล่นอยู่ด้วย พยายามเตือนว่าให้ระวัง แค่หันหลังไปเพียงครู่เดียว บุตรชายลอยออกไปนอกเขื่อนหินแล้ว แม้เรียกคนช่วยแต่ไม่ทัน ด้วยพลังคลื่นที่รุนแรง ซัดคนออกไปช่วย หมดสติ 1 ราย อีกรายถูกคลื่นซัดกระแทกหินจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศล ได้นำเรือยาง เจ็ตสกีออกไปตามหา รวมถึงนักประดาน้ำลงงม แต่เป็นไปด้วยความจากลำบากเพราะกระแสคลื่นแรงมาก ผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมงก็ยังไม่พบร่างเด็กชาย ต่อมามารดาของเด็กที่จมหายได้จุดธูปริมหาดขอให้เจ้าที่เปิดทางให้พบร่างลูกชาย แต่ก็ยังไม่พบ ท่ามกลางทีมค้นหาที่ยังคงเดินหน้าค้นหาต่อไป

เวลา 10.00 น.วันที่ 5 มิ.ย. ร.ต.อ.ทองดาว โคตรหลักคำ ร้อยเวรสภ.เมือง ระยอง ได้รับแจ้งพบศพเด็กจมน้ำแล้ว มาเกยชายหาดแสงจันทร์ เยื้องโรงแรมฟอร์จูนระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ห่างจากจุดที่จมหายไปประมาณ 2 กิโลเมตร จึงประสานแพทย์เวรร.พ.ระยอง พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงจุดที่ได้รับแจ้ง พบชาวบ้านกำลังยืนมุงกันอยู่ริมชายหาด เข้าไปตรวจสอบพบศพ ด.ช.วงศกร คะเรรัมย์ อายุ 14 ปี นอนหงายใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สภาพศพดวงตาเบิกโพลง ตัวซีดขาว เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเบื้องต้น ขณะเดียวกันน.ส.สุนิด พรเพชร อายุ 42 ปี และสามี พ่อแม่ของผู้เสียชีวิตเดินทาง มาถึง เมื่อเห็นศพบุตรชายถึงกับปล่อยโฮทรุดลงกับพื้น ส่วนทางพ่อเด็กตะโกนเรียกชื่อลูกชายลั่นชายหาดยากจะทำใจรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เป็นที่รันทดแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ต้อง ช่วยกันปลอบใจทั้งสองคน แล้วนำศพ ผู้เสียชีวิตส่งพิสูจน์ร.พ.ระยอง

ด้านนายบุญธรรม ใยกล้า นายกเทศมนตรี ตำบลเนินพระ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย หลังจากที่เกิดเหตุ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ออกค้นหาจนถึงกลางดึก แต่เนื่องจากคลื่นลมแรงจึงได้ยุติการค้นหา และในช่วงเช้าได้สนธิกำลัง ทุกหน่วยงาน ออกค้นหาอีกครั้ง จนพบร่างผู้เสียชีวิต ห่างจากจุดที่จมไกลกว่า 2 ก.ม. ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากคลื่นลมรุนแรงมาก ร่องน้ำอาจเปลี่ยนทิศทาง เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์คนจมน้ำ แต่ยังช่วยขึ้นมาได้ ครั้งนี้น่าจะมีการเปลี่ยนทิศทางน้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการกัดเซาะ จะเร่งรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางแก้ไข ครั้งนี้ลมด้านนอกเข้ามาทำให้คลื่นใหญ่มาก ฝากประชาสัมพันธ์ หากนักท่องเที่ยวพบว่าคลื่นลมแรงมาก ไม่ควรลงน้ำที่ลึกเกินไปเพราะหากถูกคลื่นซัดจะเสียการทรงตัว แม้ว่ายน้ำเป็นก็เกิดอันตรายได้ จึงขอฝากเตือนนักท่องเที่ยว หากมีการเตือนจากเจ้าหน้าที่ควรเชื่อฟัง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

เหยื่อคลื่น – ตำรวจชันสูตรพลิกศพนายประเชิญ ธรรมวงศ์ อายุ 59 ปี ชาวประมงถูกคลื่นลมแรงซัดตกทะเล ขณะดูแลกระชังปลาตามลำพัง โดยมีเรือตังเกไปพบศพลอยอยู่ในทะเล ริมหาดอ่าวปอ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.

พายุซัดชาวประมงจมทะเลดับ
พ.ต.ต.ธัญพิสิฐ เมืองจันทร์ สว.(สอบสวน) สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากนายพันธ์ฤทธิ์ หลงขาว อายุ 33 ปีชาวประมง ว่าพบศพลอยอยู่ในทะเล บริเวณหน้าโรงแรมจันทร์ดารา ม.6 บ้านอ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ขอให้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย

หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยพ.ต.ต.สุชาติ ลือชา สว.สส.สภ.ถลาง จนท.สายตรวจตำบลป่าคลอก แพทย์นิติเวช ร.พ.วชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดตรวจสอบที่ เกิดเหตุ พบศพ นายประเชิญ ธรรมวงศ์ อายุ 59 ปี ลอยอยู่ริมหาดอ่าวปอ หลังจากชาวประมงได้ใช้เรือหางยาวลากศพ เข้าฝั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ศพลอยน้ำไปตาม กระเแสน้ำอีก เพราะช่วงนี้มีฝนตกหนักและมีมรสุมคลื่นลมแรง

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพนายประเชิญพบว่ามีบาดแผล บริเวณเหนือคิ้วด้านขวา เสียชีวิตมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 1 วัน จากนั้นจึงนำศพมอบให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นำศพ ไปยังร.พ.ถลางเพื่อให้แพทย์ชันสูตร หาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนในเบื้องต้นญาติของผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายเฝ้ากระชังเลี้ยงปลา อยู่ในทะเลเพียงลำพัง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา ญาติๆ พยายามโทร.หาผู้ตาย แต่ไม่รับสาย คาดว่าฝนตกหนักและพายุลมแรงซัดผู้ตายล้ม แล้วจมทะเลจนเสียชีวิตดังกล่าว หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

หวั่นแล้งจัดทำ‘ทีลอซู’น้ำแห้ง
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากพื้นที่ อ.อุ้มผาง นายธันย์ปรวัฒน์ ภูริวัฒน์เมธา นายอำเภออุ้มผาง พร้อมด้วยนายยุทธพล เชี่ยวชาญสิงขร ผู้ใหญ่บ้านกล้อทอ หมู่ 2 ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง และหัวหน้าส่วนราชการ และชาวบ้านกล้อทอ ร่วมกันสำรวจแหล่งน้ำ ที่ต้นน้ำตกกล้อทอหนึก และแหล่งน้ำถ้ำทีหนึกปู่ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำอีกแห่งหนึ่งที่ไหลลงสู่น้ำตกทีลอซู น้ำดังกล่าวผุดออกจากถ้ำ ไหลลงสู่ลำธารผ่านหมู่บ้าน ปีนี้แหล่งน้ำดังกล่าวแห้งเร็วกว่าทุกปี จึงมีการประชุมผู้นำหมู่บ้าน เพื่อจะสร้างฝายชะลอน้ำ

นายยุทธพล เชี่ยวชาญสิงขร ผู้ใหญ่บ้านกล้อทอ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาสำรวจแหล่งน้ำ น้ำตกกล้อทอหนึกที่ถ้ำทีหนึกปู่ เป็นต้นทุนน้ำอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน พบว่าปีนี้น้ำแห้งเร็วกว่าทุกปี ฝนก็ตกช้า หวั่นเกิดวิกฤตเกิดภัยแล้ง สายน้ำดังกล่าวเป็นต้นน้ำของน้ำตกทีลอซู จึงร่วมกันสำรวจหาจุดที่จะสร้างฝายเพื่อเก็บน้ำให้ชาวบ้านไว้ใช้อุปโภคบริโภค ที่สำคัญคือให้มีน้ำไหลลงสู่น้ำตกทีลอซูด้วย

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ สารใจ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลข103 ม.2 บ้านกล้อทอ กล่าวว่า ปีนี้อากาศร้อนมาก แตกต่างจากปีที่ผ่านมา มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน แต่ปีนี้แล้งมาก น้ำน้อยมาก ฝนมาช้าและไม่ตกต้องตามฤดูกาล เป็นห่วงจะมีผลกระทบกับน้ำตก ทีลอซู ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่มี นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้น้ำตกทีลอซูไม่มีน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมความสวยงามกันแล้ว

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ผู้นำหมู่บ้านได้ประชุมปรึกษาหารือกับชาวบ้าน ระดมความคิดกันแล้วว่า จะเตรียมสร้างฝายชะลอน้ำ ระดมชาวบ้านช่วยกัน เพราะถ้าปล่อยเช่นนี้จะไม่มีน้ำใช้ในหมู่บ้าน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอ.อุ้มผาง คือ น้ำตกทีลอซู น้ำจะแห้งไม่สวยงาม การสร้างฝายเกิดประโยชน์ ทำให้ป่าชุ่มชื้นกลับมาเหมือนเดิม นอกจากนี้ให้ชาวบ้านที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวหันมาปลูกพืชไร่นาสวนผสม สร้างป่าสร้างรายได้จะดีมาก อย่างไรก็ตามเมื่อสำรวจเส้นทางน้ำเสร็จ ทางนายอำเภอจะหารือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชาวบ้าน เพื่อหาจุดสร้างฝายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน