ตุ๋นลงทุนหุ้น-ฟอกเงิน ลอบทำงานที่ปราจีนฯ

สตม.ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งจีน 2 คดีใหญ่ รวบ 9 ผู้ต้องหาตามยุทธการมังกรซ่อนกายที่ทางการจีนประสานขอให้จับส่งกลับไปดำเนินคดี ฉ้อโกง 3 ราย ตุ๋นลงทุนหุ้น ACE King มีเหยื่อหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิก 2.5 แสนบัญชี มูลค่าความเสียหาย 1.1 หมื่นล้านบาท, คดีฉ้อโกงสัญญา-ฟอกเงิน 4 ราย, ใช้ตำแหน่งหน้าที่ผิดกฎหมาย 1 ราย และทำธุรกิจเถื่อน สร้างแพลตฟอร์มจ่ายเงิน Oneda Pay มูลค่าความเสียหาย 1.4 พันล้านบาท โดนเพิ่มคดีหลบหนีเข้าเมือง 7 ราย ส่วนคดีที่สองหลบหนีเข้าเมืองทำงานก่อสร้างที่กบินทร์บุรี ปราจีนบุรี 35 คน นำตัวส่งดำเนินคดีและส่งกลับจีน ส่วนคดีที่สาม จับ 2 หนุ่มไทยขน 19 แรงงานต่างด้าวกัมพูชาเข้ามาทำงานในไทย ได้ค่าจ้างหัวละ 1.5 พันบาท นำตัวส่งดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. แถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี

โดยคดีแรกจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 9 ราย อายุ 27-48 ปี ตามยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2 หลังจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 9 ราย ซึ่งหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 รายกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็นถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง 3 ราย ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หุ้น “ACE King” โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้งทำโปรโมชั่นต่างๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น ดังกล่าว ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท

ข้อหาฉ้อโกงสัญญา 2 ราย ในระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.2565 ใช้บริษัทแห่งหนึ่งหลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายจ่ายเงินซื้อเหล้าเป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน หรือประมาณ 33.7 ล้านบาท ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่กลับไม่มีเหล้า และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย

ข้อหาฟอกเงิน 2 ราย 3.1 นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงิน ฉ้อโกงทรัพย์สินคนอื่น ไปเข้าบัญชีธนาคารของ ผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อฟอกเงิน

ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว 1 ราย ตั้งแต่ปี 2564-2565 ใช้ประโยชน์จากตำแหน่ง ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำในห้างชื่อดังแห่งหนึ่ง ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน หรือประมาณ 75 ล้านบาท

และข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย 1 ราย โดยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมาย พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลังการจับกุมได้ตรวจสอบพบมีเดินทางเข้ามาและอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) 2 ราย จึงอนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทย ก่อนส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอ ผลักดันส่งกลับไป ส่วนคนต่างด้าวการอนุญาตสิ้นสุด ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนคดีที่ 2 สืบเนื่องจากกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่ามีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จะมีคนสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียน ร่วมกันไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว 35 คน จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าคนจีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 32 คน วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และคนประจำพาหนะ 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คนไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน

นอกจากนี้ยังจับกุมแรงงานสัญชาติ เมียนมา ได้อีก 9 คน ซึ่งเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน จำนวน 1 คน

ปิดท้ายคดีที่ 3 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าวและขยายผลการกระทำผิดของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก อาทิ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน เอาตัวมาหลบซ่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณจุดซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว จนกระทั่งเวลา 02.30 น. วันที่ 12 มิ.ย.2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์ โตโยต้า รีโว่ สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าว 19 คน และพบตัวนายธันยพงศ์ และนายสุเทพ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถ 1,500 บาท ต่อแรงงาน 1 คน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละ 5,000-8,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน