หลอกลงทุนอสังหาฯ อ้างสนิทนักธุรกิจใหญ่

ตร.กองปราบฯ บุกรวบสองแม่ลูก ตุ๋นตั้งสำนักร่างทรง ศาลเจ้าแม่ทับทิม ย่านบางมด กทม. ตั้งตนเป็นร่างทรงอาม่า อ้างทำนายทายทักอนาคตการค้า-การงาน-เดินทางได้ พอมีลูกศิษย์เลื่อมใสศรัทธา ออกอุบายหลอกให้นำเงินมาลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ให้ผลตอบแทนสูง แถมแอบอ้างสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่นักลงทุนวงในมีข้อมูลอินไซด์ เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้รวมกันกว่า 50 ล้าน ช่วงแรกจ่ายผลตอบแทนให้จนตายใจ ก่อนออกลายบ่ายเบี่ยง อ้างขาดสภาพคล่อง สืบจนรู้ความจริงว่าไม่ได้นำเงินไปลุงทุนในธุรกิจตามที่อ้าง จึงรวมตัวกัน แจ้งความ สองแม่ลูกแสบให้การปฏิเสธ ส่วนสามีใหม่ผู้เป็นแม่อีกรายที่ร่วมแก๊งต้มตุ๋นตั้งสำนักร่างทรงด้วย ดอดมอบตัวแล้วก่อน หน้านี้

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) สั่งการให้ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.บุรินทร์ กะปิตถา, พ.ต.ต.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง และ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมนางภวริศา สินรัตน์นนท์ อายุ 60 ปี และ น.ส.ปัณณพัชน์ สินรัตนนันท์ อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และฉ้อโกง ได้ที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

แม่ลูกร่างทรง – ตำรวจกองปราบฯ นำหมายศาลเข้าจับกุมนางภวริศา สินรัตน์นนท์ และน.ส.ปัณณพัชน์ สินรัตนนันท์ สองแม่ลูกร่างทรง ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี สอบสวนให้การปฏิเสธคดีตุ๋นร่วมลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหยื่อเสียหายรวม 50 ล้านบาท เมื่อ 4 ก.ค.

สืบเนื่องจากนางภวริศา และน.ส.ปัณณพัชน์ ผู้ต้องหาทั้งสองรายซึ่งเป็นแม่ลูกกันนั้นได้ร่วมกับนายวรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) สามีใหม่ของนางภวริศา จัดตั้งสำนักร่างทรงชื่อว่า “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” อยู่ย่านบางมด ถนนพระราม 2 พร้อมตั้งตนว่าเป็นร่างทรงอาม่า ล่วงรู้และทำนายเหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องการค้า การงาน และการเดินทางได้ กระทั่งเมื่อเห็นว่าเริ่มมีลูกศิษย์ศรัทธาเลื่อมใสจึงอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจออกอุบายให้นำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อ้างผลตอบแทนสูงกว่าที่สถาบันทางการเงินกำหนดไว้ พร้อมยังอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่นักลงทุนวงใน ทำให้ผู้เสียหายส่วนใหญ่หลงเชื่อโอนเงินให้น.ส.ปัณณพัชน์ ผู้ต้องหา มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ช่วงแรกมีการจ่ายผลตอบแทนจริง ก่อนจะเริ่มออกลาย บ่ายเบี่ยง อ้างขาดสภาพคล่อง

ต่อมาผู้เสียหายมาทราบว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ต้องหาไม่มีการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงรวมตัวเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม จนมีการออกหมายจับและนำมาสู่การติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายวรศักดิ์ ผู้ร่วมก่อเหตุอีกรายนั้นหลังเกิดเรื่องได้เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนกฎหมายไปก่อนหน้านี้แล้ว







Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน