จับมือเพิ่มอีก6พรรค สลายขั้ว-ฝ่าวิกฤตชาติ ตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ เพื่อไทย-กก.-พปชร.เฮ กกต.ตีตกร้องยุบพรรค

เพื่อไทยมัดเพิ่มอีกพรรค วันนี้เปิดตัวชาติไทยพัฒนานำ10 เสียงมาเติม ผนึกกับ 6 พรรคใหม่รวมได้แล้ว 238 เสียง ‘ชลน่าน’มั่นใจส่ง ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ ได้ ‘เสรีพิศุทธ์’จี้เปิดใจรับพรรคสองลุง ‘อุ๊งอิ๊ง’นำทีมเพื่อไทยเดินเท้าไปพรรคก้าวไกลขอเสียงโหวตนายกฯ ‘ภูมิธรรม’ ประกาศยอมขอขมา เพื่อสลายขั้วตั้งรัฐบาล ฝ่าวิกฤตประเทศ ‘พิธา’เผยยังไร้คำตอบ แค่รับฟังอย่างมืออาชีพ-มีวุฒิภาวะ ‘อนุทิน’ ไม่กังวล เชื่อใจเพื่อไทยเดินตามเงื่อนไขร่วมตั้งรัฐบาล กกต.ตีตกคำร้องยุบ‘พท.-ก้าวไกล-พปชร.’

‘บิ๊กตู่’ลุยระยอง-ไม่ร้อนใจ
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. เวลา 08.15 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสถานีการบิน กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ จ.ระยอง

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงบริเวณโครงการอีอีซี ได้ทักทายสื่อมวลชนว่า “ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันดูสิ่งดีๆ ออกข่าวประเทศไทยก้าวหน้าไปเยอะแล้ว” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และคณะร่วมถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าอาคาร EECi พร้อมถามหานาย สุพัฒนพงษ์ ว่า “รองนายกฯ อยู่ไหน ทำไมเดี๋ยวนี้ห่างกัน จะไม่อยู่กับฉันแล้วหรือ จะแยกตัวแล้วหรือ”

ตรวจงาน – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปติดตามแนวทางพัฒนามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 9 ส.ค.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อากาศดี จะกลัวอะไรกับแดด สื่อมวลชนจึงถามว่าร้อนหรือไม่ เนื่องจากเป็นการถ่ายภาพกลางแจ้ง พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ร้อน ชินแล้ว” ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วร้อนใจหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ร้อนหรอก เมื่อถามว่าแล้วการเมืองร้อนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “การเมืองจะร้อนเพราะสื่อมวลชนนั่นแหละ”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน ติดตามแนวทางการพัฒนามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ส่วนเวลา 13.45 น. ไปติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ ที่ 3 ที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ตรวจเยี่ยมโครงการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกพืชพันธุ์ไม้เมืองหนาวและต่อยอดด้านการเกษตรเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง และเวลา 16.45 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ

อีก 6 พรรค – แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมตัวแทน 6 พรรค ประกอบด้วยประชาชาติ, เสรีรวมไทย, เพื่อไทรวมพลัง, พลังสังคมใหม่, ท้องที่ไทย และชาติพัฒนากล้า แถลงจับมือจัดตั้งรัฐบาล ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 9 ส.ค.

พท.ดึงอีก6พรรคตั้งรบ.228เสียง
เวลา 12.35 น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยอีก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง, พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง, พรรคเพื่อไทรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย (สร.) 1 เสียง, พรรคพลังสังคมใหม่ (พ.ส.ม.) 1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย (ท.) 1 เสียง ร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย ที่มีเสียงรวมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้ว 212 เสียง รวมทั้งสิ้น 228 เสียง

นพ.ชลน่านอ่านแถลงการณ์ว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือก นายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับ พี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยและนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศที่สำคัญอย่างสูงสุด

“เราอยากขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมือง ที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกัน ฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ” นพ.ชลน่านระบุ

‘สุวัจน์’ยก 5 ข้อร่วมหอ
ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้พรรคยินดี ตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เหตุผลที่ตอบรับคำเชิญมี 5 ข้อ ดังนี้ 1.พรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคที่มีความชอบธรรม เป็นพรรคที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่สอง เมื่อพรรคอันดับที่หนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย 2.พรรคเพื่อไทยยืนยันกับทุกพรรคการเมืองว่าขณะนี้รวบรวมเสียงของสส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรอย่างแน่นอน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3.วันนี้ที่ประชุมมีการพูดถึงอย่างชัดเจนว่าภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะไม่มีนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

4.พรรคเพื่อไทยมีความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และ 5.เกือบ 3 เดือนนับแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา เรามีรัฐบาลรักษาการแต่มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจรอไม่ได้ วันนี้จึงมีความจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ และลดความกังวลใจของพี่น้องประชาชนภายในประเทศ การปล่อยให้เกิดสุญญากาศโดยไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะเกิดผลไม่ดี

‘ทวี’ชี้จบที่พท.-สร.ให้รับ 2 ลุง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าวิกฤตขณะนี้เรื่องใหญ่คือหน้าที่สภาช่วงเปลี่ยนผ่าน เราต้องรับภารกิจของรัฐธรรมนูญที่การเห็นชอบแต่งตั้งนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ภารกิจขณะนี้จึงต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ ในการรวบรวมเสียงโหวตนายกฯให้ได้ 375 ขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ ซึ่งจะนำไปสู่กระบวน การสรรหาผู้มาเป็นรัฐมนตรี และแก้ปัญหาประเทศ พรรคประชาชาติขอให้เดินทางไปถึงแค่พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะเป็นนายกฯ หากออกจากหลักการนี้ไม่ใช่หลักประชาธิปไตย วันนี้ปัญหาประเทศเป็น สิ่งสำคัญจึงต้องมีนายกฯ จากนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นสิทธิของนายกฯพิจารณา จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชี รายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขอวิงวอนประชาชนที่ขณะนี้เกิดความเข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงพูดแบบนั้นแบบนี้ จะเปลี่ยนแปลงหรือละเมิดไม่ได้ แต่การหาเสียงก็คือการหาเสียง เพื่อให้ได้คะแนนมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค หากไม่ทำตาม นโยบายแบบนั้นจึงจะผิดสัญญา

นอกจากนี้ ยังได้ยินเสียงบอกว่ารวมพรรคนั้นได้ พรรคนี้ไม่ได้ ตนอยากขอให้ดูสามก๊ก หรือประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าฆ่าแม่ทัพตาย เราจะเอาไพร่พลไว้เลี้ยงดูหรือไม่ หรือจะฆ่าทิ้งให้หมด พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแม่ทัพ ถามว่าเราควรเอาหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าควรเลี้ยงดูไว้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม่ทัพอยู่ แต่ก็ยอมแพ้เพราะมี 40 เสียง เราควรเอาไพร่พลมาเลี้ยงดูหรือไม่ อยากขอให้ประชาชนเปิดใจให้กว้างเพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ถ้าไม่ช่วยกัน ก็จะเดินไปสู่นายกฯคนนอก จะทำให้ประเทศปิดตาย ไม่ต้องมีรัฐบาล ขอให้เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยว่าจะบริหารบ้านเมืองได้ อย่าไปทำให้ไขว้เขว

‘ชลน่าน’มั่นใจ‘เศรษฐา’นายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงสส.ที่ระบุมีเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ที่มีการตอบตกลงร่วมรัฐบาลมีเพียง 238 เสียง โดยรวมพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) 10 เสียงแล้ว ที่เหลือจะเป็นของพรรคใด และจะดึงพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันที่ 10 ส.ค. จะมีพรรค การเมืองเข้ามาเพิ่มเติม ส่วนจะเป็นพรรคใดนั้นขอให้รอติดตามการแถลงข่าว คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะจบทั้งหมด ส่วนจะมีพรรคลุงเข้าร่วมหรือไม่นั้น พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าขอความร่วมมือจากทุกพรรค เพื่อสลายขั้ว แก้วิกฤต ขอเสียงสนับสนุน

ต่อข้อถามว่า สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคล ใช่หรือไม่ และหากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มาร่วมโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทย จะทำให้สว.ไม่สบายใจหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทั้งแง่องค์กร ตัวบุคคล แต่การโหวตนายกฯ เป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถตัดสินใจได้ ส่วนพรรค ก้าวไกลก็มีความชัดเจนว่าเรามีข้อจำกัดการ ตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่เราปรารถนาเสียงจาก ทุกพรรคเพื่อทำให้สถานการณ์การเมือง ขณะนี้ก้าวสู่ความเรียบร้อย ปิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ เรายินดีถ้าพรรคก้าวไกลมาร่วมโหวตให้ และสิ่งที่เราดำเนินการจะไม่ทำให้สว.กังวล เพราะไม่ได้ตั้งรัฐบาลกับพรรค ก้าวไกล และไม่ได้แก้มาตรา 112 และทำให้ชัดเจนว่าสว.จะไว้ใจและสนับสนุนเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าว สส.พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยหากตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ถึงขั้นขู่ย้ายพรรค นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในที่ ประชุมสส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ไม่มีสส.คนใดแสดงแนวคิดไม่เห็นด้วยในเรื่องดังกล่าว มีแค่การแสดงความห่วงใยที่ เกิดขึ้นจริง แต่ถึงขั้นจะย้ายพรรคไม่มี พรรค เพื่อไทยมีเอกภาพทุกคนรับสภาพที่เป็นอยู่และพร้อมชี้แจงประชาชน

เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรค เพื่อไทย ที่จะเสนอรัฐสภา คือนายเศรษฐา ทวีสิน ใช่หรือไม่ หากชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่าน จะเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอต่อรัฐสภา ยืนยันคือชื่อนายเศรษฐา ส่วนที่ตั้งคำถามว่าหากชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่านความเห็นชอบนั้น บอกได้เลยไม่มีคำว่าถ้า ต้องผ่านเท่านั้น

‘เสี่ยอ้วน’ระบุมีบางกลุ่มปันใจ
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นข้อสังเกต เกี่ยวกับนายเศรษฐานั้น ยืนยันพรรคเพื่อไทยตรวจสอบหมดแล้ว ไม่มีปัญหาตามที่มี ผู้ออกมาท้วงติง เราเอาวาระประชาชนและวาระประเทศเป็นที่ตั้ง เราเจรจากับพรรคต่างๆ โดยวันที่ 10 ส.ค. จะมีพรรคชาติไทยพัฒนา มาเข้าร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าเรามีเสียงเกินครึ่งแล้ว โดยจะให้ทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่มเข้าร่วมเป็นรัฐบาลพิเศษแก้วิกฤต 3 ด้าน วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตความขัดแย้ง และวิกฤตด้านเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการเริ่มนับหนึ่งหลังมีปัญหาความขัดแย้งกว่า 20 ปี เราต้องคิดกระดานใหม่ ไม่เช่นนั้นเราจะพ้นวิกฤตไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเสียงสนับสนุนของพรรคสองลุงไม่มาในรูปแบบพรรค จะตั้งรัฐบาลสำเร็จได้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถคิดแบบเดิมเหมือนในอดีตได้ ที่แค่ไม่กี่พรรคจับมือกันตั้งรัฐบาลได้ แต่วันนี้จะต้องใช้ความพยายามจากทุกพรรคในการตั้งรัฐบาล บางส่วนอาจมาเป็นกลุ่มหรือเป็นรายบุคคลก็มาได้

“วันนี้ถ้าให้พูดชัดเจนคงยังไม่ได้ และเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ต้องการรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งสามารถผลักดันนโยบายได้ ฉะนั้นหากคิดมิติใหม่ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้วิกฤตประเทศช่วงนี้ อยากให้ สส.และสว.ที่มีเอกสิทธิ์ใช้เอกสิทธิ์มามีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตประเทศ และจากข้อจำกัดในหลักการนี้ จะไม่มีข้อจำกัด ถ้าจะมองว่าพรรคนั้นจะมา พรรคนี้จะมา อาจไม่ถูกต้องนัก อาจมีบางกลุ่ม บางคนมา”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะไปอยู่พรรคก้าวไกล หากเพื่อไทยจับมือข้ามขั้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่านายจาตุรนต์อยู่ เพื่อไทย เรื่องนี้ต้องถามนายจาตุรนต์ถึงความชัดเจน แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันไม่มีปัญหา

ขอคุยก้าวไกล-ยินดีขอขมา
นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการแถลงข่าวกรณีการขอหารือกับพรรคก้าวไกล ให้ช่วยโหวตแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ว่า การจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ ตนเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาประเทศไม่ใช่การเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการสลายขั้วทั้งหมด พรรคเพื่อไทยเสนอตัวนายกฯ คือนายเศรษฐา ทวีสิน เราหวังจะเป็นแกนกลางดึงทุกฝ่าย เป็นเจ้าภาพร่วมกันในการสร้างประเทศไทย ลดความขัดแย้งลง เราจะเร่งแก้ปัญหาของประเทศหลายเรื่อง ดึงนโยบายที่ดีของทุกพรรคมาดำเนินการ หลายเรื่องที่เคยอยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่อยู่ในนโยบายของเพื่อไทยอยู่แล้ว ยืนยันจะสร้างมิติทางการเมืองใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลที่ต้องแย่งกันทุกเรื่อง หากเห็นว่าอะไรดีที่ฝ่ายค้านนำเสนอก็นำมาปฏิบัติ เมื่อจุดยืนเป็นอย่างนี้เราจึงจะเข้าหาทุกฝ่าย

สำหรับพรรคก้าวไกลเราได้ติดต่อประสานงานและอยากใช้เวทีนี้พูดคุยกันว่าวาระสำคัญของประเทศเป็นแบบนี้ หรืออยากทำให้ความต้องการของประชาชนบรรลุ เราอยากให้เขาร่วมแสดงเจตจำนงโหวตครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรที่เคยเป็นปัญหาที่อาจมีส่วนกับพรรคเพื่อไทยหรือกับตน เรายินดีไปขอโทษ ขอขมา และยินดีไปแสดงคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับทางออกวิกฤตของชาติ หรือจะให้ไปที่พรรคก้าวไกลก็ยินดี วันนี้เรายินดีไปทุกพรรคถ้าคิดว่าคือทางออกของประเทศ ส่วนพรรคก้าวไกลยังไม่ตอบรับเรื่องเวลาสถานที่คุย

วันนี้เราคิดเรื่องใหญ่ของประเทศเป็นหลัก เราไม่ได้คิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือตัวบุคคลเป็นสำคัญ ฉะนั้น ถ้าเราอยากทำงานใหญ่ต้องคิดใหญ่ด้วย ต้องมองข้ามความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไล่หนูตีงูเห่า หรือความขัดแย้งหลายๆ อย่าง ที่สำคัญคือต้องเอาวาระของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยคงนับหนึ่งและเดินหน้าต่อไปได้ ตัวเลขทางคณิตศาสตร์เห็นชัดเจนถ้าวันนี้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เรามีทางเลือกไม่กี่ทาง ซึ่งมีต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งนั้น อาจมีเรื่องที่ประชาชนไม่สบายใจก็ได้ พรรคเพื่อไทยวันนี้ยอมทุกอย่างที่จะทำได้ เรายินดีร่วมกับทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายอิสระ มีเรื่องเดียวคือมาตรา 112 หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักเราไม่แตะต้อง

สลายขั้วตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ
ต่อข้อถามว่าที่ต้องขอเสียงจากพรรคก้าวไกลแสดงว่าเสียงจากส.ว.ไม่พอ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเรียกร้องทุกฝ่ายทั้งสว. ทุกคน สิ่งที่ตนเรียกร้องคือเรียกร้องเป็นรายบุคคล ทั้งกลุ่มการเมือง ทั้งพรรคการเมือง สส. และสว. เราอยากให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมา 20 ปี เพื่อไทยอาสาและมีต้นทุนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ ถ้าทำไม่ได้อนาคตข้างหน้าประชาชนก็จะตรวจสอบและตัดสินเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุหากจำเป็นให้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้ อาจต้องร่วมงานกับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนพูดชัดเจนแล้วว่าวันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่าย “เราสลาย เราไม่มีขั้ว ไม่มีลุง วันนี้อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกัน ทางที่ดีที่สุดคือให้ตอบสนองการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษเพื่อแก้ปัญหาของประเทศได้ และพยายามทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสัมฤทธิผลมากที่สุด เท่าที่คุยทุกพรรคยังไม่มีใครบอกว่าไม่ร่วม ทุกคนบอกว่าอยากฟัง รายละเอียดซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ การยอมรับอาจมีหลายระดับหลายเฉด ซึ่งสิ่งสำคัญคือการตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่ขอให้เป็นการเมืองในมิติใหม่ไม่ใช่ห้ำหั่นซึ่งกันและกัน”

เมื่อถามว่าจะเรียกแนวทางขอคะแนนโหวตนายกฯแต่ไม่ร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร เพราะจะมีเส้นแบ่งระหว่างงูเห่าในบางพรรค นายภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่คุยไม่มีใครเรียกร้องให้แบ่งกระทรวง ทบวง กรม จะเห็นว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้ยินว่าใครจะเอากระทรวงไหน วันนี้เราพูดในฐานะแกนนำว่าเราไม่คุยเรื่องกระทรวงกับใคร ปัญหาแย่งกระทรวงกันก็ไม่เกิด

“วันนี้เป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเราจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ เพื่อไปทำงานใน จุดที่ใช้วาระของประชาชน ประเทศชาติ เป็นที่ตั้ง สลายขั้วเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ความขัดแย้ง 20 ปีก็เพียงพอแล้ว เราจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในครั้งนี้ผ่านไปให้ได้ ถ้าไม่ได้เราจะบอกพี่น้องประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยได้ทำสุดความสามารถแล้ว สิ่งต่างๆ หลังจากนั้นไม่ใช่พรรคเพื่อไทยคนเดียวที่จะรับผิดชอบ ผมว่าสังคมและประชาชนทั้งหมดต้องรับผิดชอบ ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหา ส่วนที่ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหาผมว่าเราต้องอดทน ต้องทะนุถนอมกันและได้ชี้แจงกัน” นายภูมิธรรมกล่าว

ไปก้าวไกล – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดต นายกฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำ เดินเท้าจากที่ทำการพรรคไปเจรจาขอเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล ที่ตึกไทยซัมมิท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.

‘อิ๊ง’นำทีมเดินไปก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมประชุมอัพเดตงาน และเดินลงมาที่ชั้น 1 เพื่อซื้อเครื่องดื่มร้าน Think lab ได้เจอกับบรรดาแฟนคลับพรรคและกลุ่มเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจ รวมทั้งขอถ่ายภาพและขอลายเซ็น ช่วงหนึ่งบรรดาแฟนคลับได้ถามน.ส.แพทองธารถึงความคืบหน้าการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ก่อนมีเสียงสนับสนุนให้ดึงพรรค 2 ลุงมาช่วยเพิ่มเสียง รวมถึงยังบอกว่า “เราสู้กันมา เราต้องเป็นรัฐบาล เราจะยอมเป็นฝ่ายค้านเพื่ออะไร”

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ที่คนพูดว่าเราบอกจะปิดสวิตช์ สว.ถ้าเราแลนด์สไลด์ แต่วันนี้เราทำไม่สำเร็จ พอไม่สำเร็จก็ต้องมาดูตัวเลขว่าทำอย่างไรที่จะได้ตั้งรัฐบาล เราอยากผลักดันนโยบายพรรค ก็ต้องสู้เต็มที่ ซึ่งตนรู้ว่าบรรดาแฟนคลับหลายคนเข้าใจ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจยังคงมีอารมณ์อยู่ แต่หวังได้อธิบายกันด้วยเหตุผล ไม่ต้องสู้กันด้วยความรุนแรง ยอมรับว่ามีคนมาให้กำลังใจแล้วรู้สึกดีใจ และเข้าใจทุกคนที่กำลังมีความรู้สึกต่างๆ ซึ่งตนผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาแล้วเหมือนกัน เราต้องมุ่งหน้าว่าประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต้องมาก่อน ฉะนั้น เรื่องต่างๆ คงต้อง ก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ “ถ้าอิ๊งจะขออะไรสักอย่าง ก็ขอแค่กำลังใจจากทุกคนเท่านั้นเอง”

เวลา 15.20 น. พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชี รายชื่อ ร่วมเดินเท้าจากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยไปตึกไทยซัมมิท ที่ทำการพรรคก้าวไกลซึ่งอยู่ติดกัน เพื่อร่วมหารือกับแกนนำพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

รอคำตอบช่วยโหวตนายกฯ
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มารับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน มาคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง เพื่อขอทำความเข้าใจกับทั้ง 2 ฝ่าย ว่าเราทำงานกันถึงขั้นไหนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคก้าวไกลจะโหวตให้ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องคำตอบที่ต้องการ ตนคิดว่ารออีกนิด วันนี้ยังไม่มีคำตอบใดๆ จริงๆ เวลาที่คุยกัน เราจะพูดกันเสมอว่าบางครั้งกองเชียร์ของทั้ง 2 พรรคทะเลาะกัน แต่เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันด้วยเหตุผลเสมอ วันนี้ไม่มีอะไรมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการหารือแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้เราคุยกันว่าเงื่อนไขต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจอย่างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยมีเสียงสนับสนุนทั้งสส.และสว. สิ่งที่เราทำตอนนี้ไม่ใช่เกมการเมือง เรากำลังฟอร์มรัฐบาลที่แข็งแรงให้ได้ เพื่อ แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป ยังมี สิ่งที่สำคัญรออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย ยังมีประเทศและประชาชนที่เดือดร้อน ยังมี ต่างชาติที่รอเข้ามาลงทุนกับเรา ยังมีเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่เราต้องช่วยกันผลักดันนโยบาย ให้ประเทศไปต่อ นี่คือสิ่งที่เราพยายามโฟกัสมากที่สุด และกำลังจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้แข็งแรงที่สุด

ต่อข้อถามว่านายพิธาได้ฝากอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นายพิธารับฟังและเข้าใจซึ่งกันและกันในหลายจุด ฉะนั้นหากถามเรื่องความสัมพันธ์ ให้ไปถามทางพรรคก้าวไกล เพราะเราไม่มีปัญหากัน ขณะนี้เราทำงานกันอย่างผู้ใหญ่ เราพูดกันแบบผู้ใหญ่ ที่คุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามว่าหากเสนอชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่าน พร้อมเป็นคนต่อไปหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราต้องพยายามเต็มที่ให้ผ่าน

น.ส.แพทองธารกล่าวกรณีโพสต์ภาพในไอจีที่พาลูกชายและลูกสาวไปฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมไปหานายทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ว่า นั่นน่ะสิ จะเดินทางเร็วๆ นี้ เมื่อถามต่อว่ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ที่จะพาลูกชายไปเจอคุณตา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกเยอะ ส่วนจะเป็นคนแจ้งการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอให้นักข่าวรอดู เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้นักข่าวตื่นเต้น

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวถึงการพูดคุยกันได้ขอโทษพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่า ตนแจ้งไปว่าได้ขอโทษต่อสาธารณะแล้ว อะไรที่คิดว่าทำให้เกิดการผิดพลาด ตนพร้อมขอโทษเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ทุกอย่างได้พูดคุยและ ทุกคนไปช่วยกันคิดต่อ เมื่อถามว่าหลังจากนี้มีโอกาสกลับไปจับมือกับพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อีกไม่นานคงได้ทราบ และการได้พูดคุยถือเป็นเรื่องที่ดี

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับฟังซึ่งกันและกัน คงต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆ ยังไม่มีบทสรุปอะไร รับฟังกันอย่างมืออาชีพ ยังไม่มีแผนต่อ วันนี้ขอแค่รับฟังกันอย่างเข้าใจและมีวุฒิภาวะ

‘หนู’ไม่ติดใจ-เคลียร์‘เสี่ยนิด’แล้ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะไปขอขมาพรรคก้าวไกล กังวลหรือไม่ว่า 2 พรรคจะกลับมาจับมือกันอีกว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยมีการแถลงข่าวร่วมกันแล้ว มีจำนวน 212 เสียง เงื่อนไขต่างๆ ก็แถลงชัดเจนแล้ว จึงไม่กังวล พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องมีความเชื่อถือสูงอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะนำพรรคอื่นได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้รวมได้ 238 เสียงแล้ว จะมีพรรคอื่นมารวมอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “หากพรรคเพื่อไทยร้องขอมาว่า หนูไปทำนู่นทำนี่ รู้จักคนนี้ไหม รู้จัก คนนี้ไหม ไปทักถามให้หน่อยได้ไหม ผมก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ถ้าท่านไม่ได้ร้องขอมา เราก็ให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่แกนนำไป เอาใจเอาตัวช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”

ต่อข้อถามว่า การโหวตเลือกนายกฯ จะจบที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อยากให้เป็นเช่นนั้น ส่วนข้อครหาของนายเศรษฐา ต้องไปถาม สว. ในส่วนพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้วต้องอยู่บนสปิริตการตัดสินใจร่วมกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยจะนำเสนอแคนดิเดต นายกฯ คนไหนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อ พรรคภูมิใจไทยต้องสนับสนุน ผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสที่จะเสนอชื่อนายอนุทินเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เอาไว้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำก่อนค่อยว่ากัน

เมื่อถามว่าติดใจนายเศรษฐาหรือไม่ ที่ก่อนเลือกตั้งมีการหาเสียงพาดพิงนโยบายกัญชา นายอนุทินกล่าวว่า ตอนที่กล่าวหาอะไรมาก็ได้ตอบโต้ไปแล้ว เป็นอันจบกัน และถ้าพูดถึงนายเศรษฐากับตนไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันตอนมาทำการเมือง แต่รู้จักกันมา 20-30 ปีแล้ว เพื่อนฝูงซ้ำกันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคน ลูกๆ ก็รู้จักกัน เราได้เคลียร์ใจกันไปพอสมควรแล้ว

‘ท็อป’ตอบรับร่วมเพื่อไทย
นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชี รายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า การเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค เพื่อไทยไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร ยินดีเข้าร่วมเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้เร็วที่สุด พรรคเพื่อไทย ขอละลายพฤติกรรมความขัดแย้ง เอาศัตรู มาเป็นมิตรก็สามารถทำได้ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วง

ส่วนนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง กล่าวว่า ตนไม่ได้ร่วมแถลงข่าวในวันนี้ เพราะเพิ่งทราบเรื่องและ ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ทีมงานของพรรคไปร่วมรับฟังแนวทางก่อนและกลับมารายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ทราบ “ผมยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล ยังไม่ได้ ตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างการตัดสินใจและรอดูท่าทีจากพรรคก้าวไกลว่าจะมีท่าทีอย่างไร”

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมี 10 เสียง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับการประสานงานมาจากในพรรคว่าทางพรรคเพื่อไทยนัดหารือร่วมกันถึงแนวทางทำงานร่วมกันที่รัฐสภา วันที่ 10 ส.ค. เวลา 09.30 น. จากนั้นจะมีแถลงข่าวร่วมกันในเวลา 10.00 น. ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะตอบรับการร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะต้องขอคุยในแนวทางที่เกี่ยวข้องร่วมกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฟันธงได้เลยหรือไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะเข้าร่วมรัฐบาล นาย วราวุธกล่าวว่า “ต้องไปหารือในแนวทางกับพรรคเพื่อไทยก่อน” ต่อข้อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเตรียมดึงเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกลให้ช่วยโหวตนายกฯ นายวราวุธกล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ และเหตุการณ์ยัง ไม่เกิด ต้องขอรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาเคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว

ปธม.เผยภท.ต่อสายเชิญ
นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) มี 1 เสียง เผยว่า มีคนของพรรคภูมิใจไทย โทร.ชักชวนเข้าร่วม แต่ตนยังไม่ให้คำตอบ เนื่องจากมีประเด็นที่ต้องพิจารณาในความชัดเจน ทั้งตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ เบื้องต้นทราบว่าจะนัดโหวตอีกครั้ง 18 ส.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายเศรษฐาติดใจหรือไม่ นายสุรทินกล่าวว่า มีประเด็นที่ต้องพิจารณาที่มีการกล่าวหา จะโหวตเห็นชอบหรือไม่นั้น ตนยังประเมินอยู่ หากเป็นไปตามข่าวที่พรรคก้าวไกลจะยอมโหวตให้คนของเพื่อไทย เพื่อไม่ต้องพึ่งเสียง สว.อาจทำให้มีปัญหาขึ้นได้

“ผมมองว่าหากนายกฯ จากเพื่อไทยยังมีปัญหาแล้วเปลี่ยนเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อาจมีปัญหาได้อีก เพราะมีประเด็นถูกตรวจสอบ แต่หากเปลี่ยนเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจพอเป็นไปได้” นายสุรทินกล่าว

‘ธนกร’รอลุ้นเทียบเชิญ
ที่ จ.ระยอง นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุถึงแนวคิดที่จะดึงพรรค 2 ลุง เข้าร่วมตั้งรัฐบาลเป็นตัวเลือกสุดท้ายว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงการเข้าร่วมรัฐบาล แต่หากจะเข้าร่วมก็ไปในนามพรรค จากการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 8 ส.ค. มีความเห็นกันแบบนี้ และตอนนี้ยังรออยู่ 36 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ตนคิดว่ามีพลังที่อาจจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้น ที่พูด ไม่ได้หมายความว่าเราอยากเป็นรัฐบาล ตรงนี้อยู่ที่การเจรจาและต้องเป็นมติพรรค การร่วมรัฐบาลต้องมองถึงนโยบายแนวทางการทำงานเป็นหลัก อย่างที่ตนเคยพูดไว้ เรา ไม่ควรไปมองเรื่องวาทกรรมต่างๆ มันไม่ใช่เวลา และวันนี้ประชาชนรอรัฐบาลอยู่ ดังนั้น จึงต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายธนกรและนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนัก นายกฯ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประสานกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นายธนกรกล่าวว่า ตนกับนายสมศักดิ์ยังมีความสนิทสนมกันเหมือนเดิม เหมือนคนในบ้านให้ความเคารพรักท่าน ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนก็ยังเหมือนเดิม นาย สมศักดิ์ไม่ได้ชวนหรือประสานมาทางตนหรือนายอนุชา แต่ยอมรับว่ามีการแลกเปลี่ยนวิเคราะห์เรื่องทางการเมืองกันมากกว่า

“ผมยังอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ การจะทำอะไรเราก็อยู่ในมติที่ประชุมพรรคที่จะต้องมีการหารือกัน ยกเว้นในกรณีที่มีสถานการณ์พิเศษ เหมือนกับที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติพูด บางอย่างต้องให้ประเทศเดินหน้าไปให้ได้ แต่ส่วนตัวตนยังยึดมั่นอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายธนกรกล่าว

‘ไอติม’เชื่อ 8 พรรคเดิมดีสุด
ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทยระบุจะพูดคุยกับก้าวไกลเพื่อขอโทษและขอให้โหวตหนุนแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยว่า เป็นข้อมูลที่เพิ่งทราบ แต่ท่าทีและจุดยืนของก้าวไกลต้องให้ผู้เจรจาที่มีข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนในที่ประชุมพรรควันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมานั้นไม่มีการพูดคุยถึงการโหวตนายกฯ เพียงแค่ประชุมระเบียบวาระที่จะเข้าสภา รวมถึงหารือเรื่องกฎหมายเปลี่ยนประเทศ 3 ชุดที่ได้ยื่นวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรที่เพื่อไทยระบุสลายขั้วทั้งหมด นายพริษฐ์กล่าวว่า จุดยืนก้าวไกลชัดเจนมาตลอดว่าผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค. สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยน แปลง จึงแปลงมาเป็นคะแนนสนับสนุน 8 พรรคที่เซ็นเอ็มโอยู ฉะนั้น เราเชื่อว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิมเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยนัดก้าวไกลคุยจริงๆ ส่วนการพูดคุยจะเกิดขึ้นที่ไหนและจะคุยกันเรื่องโหวตนายกฯ หรือไม่ต้องรอนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลเป็นผู้ชี้แจง เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรหากก้าวไกลไม่โหวตให้นายกฯ ให้เพื่อไทยอาจใช้เป็นข้ออ้างไปดึงพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาล นางอมรัตน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้วคือการจับมือกับอีก 7 พรรค มี 312 เสียงตามเอ็มโอยูเดิม แต่เพื่อไทยก็ไปดีลกับพรรคอื่นๆ ตั้งแต่แรกเพื่อถีบพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เมื่อล้มล้างเจตนารมณ์ของประชาชนแล้ว พรรคก้าวไกลยังต้องมีส่วนร่วมในการกระทำอีกหรือ

กระชับมิตร – นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา หารือร่วมกับ นายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว ที่โรงแรมแฟร์มอนท์ กรุงจาการ์ตา อินโด นีเซีย ระหว่างร่วมประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน

‘ปดิพัทธ์’ไม่เครียดถ้าหลุดรองปธ.
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าตามรัฐธรรมนูญหากพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ต้องออกจากตำแหน่งรองประธานสภา ว่าสิ่งที่นายวิษณุพูดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงเขียนแบบนี้ ประเทศอื่นก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้ แต่แน่นอนว่าในรัฐธรรมนูญได้บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน

ส่วนพรรคก้าวไกลคงให้ทางพรรคหารือกันเอง เพราะกลายเป็นว่าต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะต้องไม่มีสมาชิกพรรคที่มาจากตำแหน่งในครม. ประธานสภาและรองประธานสภา ถือว่าเป็นกิจการภายในของพรรคก้าวไกล ตนไม่ขอก้าวล่วง และไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการหารือกันหรือยัง เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมพรรค

สำหรับตนพร้อมในทุกบทบาท ตอนนี้ ยังเป็นรองประธานสภา ได้ทำตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศไว้ให้เรียบร้อย ทั้ง Smart และ Open Paliament และหากไม่เป็นรองประธานสภายังมีบทบาทของ สส.และกรรมาธิการ ก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิเช่นกัน ไม่ได้รู้สึกเสียดาย

ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่มีปมปัญหาเยอะไปหมด ดังนั้น กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาจากประชาชนจริงๆ และเข้าใจกระบวน การว่าประเทศเราควรจะไปอย่างไร สร้างรัฐสภาแบบไหน ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะปมนี้ แต่ยังมีปมให้ สว.มาแต่งตั้งนายกฯ ฝ่ายที่เครียดไม่ใช่ตน แต่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้และประชาชนที่จับตาดูอยู่

เปลี่ยนปท. – นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อม ส.ส.พรรคก้าวไกล ยื่นชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ 3 ชุด 9 ร่าง ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.

กกต.ตีตกคำร้องยุบ3พรรค
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นให้ยุติเรื่องกรณี นาย สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย (พท.) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ทั้งจากการที่ น.ส.แพทองธารบินไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ช่วงปลายปี 2565 การที่เว็บไซต์พรรคเพื่อไทยปรากฏข้อความว่า “พรุ่งนี้ เพื่อไทย” คล้ายลายมือนายทักษิณ การที่นายทักษิณแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2564 การนำคำปราศรัยของ น.ส.แพทองธาร เมื่อ 15 ม.ค. ที่ จ.อุดรธานี ที่ระบุ “จะพาทักษิณกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน” มารวมกับสโลแกนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดเท่ากับเป็นการยินยอมให้บุคคลอื่นครอบงำ ชี้นำการดำเนินกิจการของพรรค โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่าข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ปรากฏ ยังไม่มีน้ำหนักให้ฟังได้ว่าพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธารทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 45 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3)

ขณะเดียวกันสั่งไม่รับคำร้องกรณีนายสนธิญาร้องขอให้ตรวจสอบว่าการจัดชุมนุมทางการเมืองของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในหลายจังหวัด รวมทั้งการนัดชุมนุมวันที่ 13 ก.ค.2566 บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นวันที่รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกฯ เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 45 ประกอบมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) (3) และ (4) หรือไม่ โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่าข้อเท็จจริงพฤติการณ์พยานหลักฐานหรือข้อมูลตามคำร้องยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนตามที่ร้องอันเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค

นอกจากนี้ยังสั่งไม่รับคำร้องกรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหว ขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จากเหตุไม่ดำเนินการตามนโยบายหาเสียงหลายโครงการที่ได้ประกาศโฆษณาไว้ในการเลือกตั้ง สส.เมื่อ 24 มี.ค.2562 โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่าตามคำร้องไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอว่ากระทำการฝ่าฝืนตามที่ร้องอันเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน