เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึง 25 ก.ย.66 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไข้หูดับมากถึง 436 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 ราย ที่จ.เชียงใหม่ 1 ราย, จ.น่าน 1 ราย, จ.ตาก 2 ราย, จ.อุตรดิตถ์ 2 ราย, จ.กำแพงเพชร 1 ราย, จ.อุทัยธานี 2 ราย, จ.นครปฐม 2 ราย, จ.สมุทรสาคร 1 ราย, จ.มหาสารคาม 2 ราย, จ.หนองคาย 1 ราย, จ.นครราชสีมา 3 ราย และ จ.ชัยภูมิ 1 ราย ขณะที่สถานการณ์โรคไข้หูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 ก.ย. 66 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 109 ราย และมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ที่จ.นครราชสีมา 4 ราย และ จ.ชัยภูมิอีก 1 ราย เมื่อแยกผู้ป่วยเป็นรายจังหวัด พบว่า จ.นครราชสีมามีผู้ป่วยไข้หูดับ 55 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 4 ราย, จ.สุรินทร์มีผู้ป่วย 11 ราย, จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 10 ราย เสียชีวิต 1 ราย และ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 3 ราย

นพ.ทวีชัยกล่าวต่อว่า อาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือเกษตรกร รองลงมาคือรับจ้าง และทำงานบ้าน ตามลำดับ ซึ่งป่วยโรคไข้หูดับจากการกินหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ หรือดื่มสุราร่วมกับกินอาหารสุกๆ ดิบๆ รวมถึงพ่อครัวแม่ครัว-ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผล ไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อสเตปโตค็อกคัส ซูอิสปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่ติดเชื้อ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ และยังสามารถติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตา เมื่อได้รับเชื้อโรคไข้หูดับเข้าไปแล้ว จะทำให้มีไข้สูงเฉียบพลัน มากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ หนาวสั่น สับสนกระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง หูหนวกหรือการได้ยินลดลงอย่างเฉียบพลัน ทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัด และอาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือที่เรียกว่าหูดับ จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้

“ต้องรับประทานเนื้อหมูหรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา ส่วนอาหารปิ้งย่างต้องมีอุปกรณ์คีบเนื้อหมูสุกและดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ แล้วนำมารับประทาน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” และเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู และสำหรับผู้ที่จะต้องสัมผัสหมูโดยตรง เช่น ผู้เลี้ยงหมู ผู้ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ตยาง สวมถุงมือ สวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน ซึ่งหากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง” นพ.ทวีชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน