เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ต.ค. นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง จ.ยะลา มอบหมายให้ นายฐิศิรักน์ ห่อหุ้ม ปลัดหัวหน้าชุดคุ้มครองตำบลธารน้ำทิพย์ พร้อมด้วยนายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลธารน้ำทิพย์ นายอับดุลรามัน คอแดะ กำนันตำบลธารน้ำทิพย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเบตง เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยล.3 และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.ธารน้ำทิพย์ ร่วมตรวจสอบกรณีชาวบ้านแจ้งว่ามีช้างป่าออกมาทำลายอาคารบ้านเรือนและเครื่องมือทำการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่โซนบ้านซาโห่ของนาย ทนงศักดิ์ แซ่ท่าม เลขที่ 166/7 หมู่ที่ 4 ต.ธารน้ำทิพย์ จากการตรวจสอบพบเครื่องตัดหญ้า 1 เครื่อง, เสาหน้าบ้าน 1 ต้น, ถ้วยชามแตก

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเอกมอบหมายให้นายศรัลย์วิชญ์ นวลเจริญ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พรานป่า และ ชุด ชรบ. ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบกรณีชาวบ้านแจ้งว่าขณะเข้าไปหาของในป่าเจอโขลงช้างป่าจึงวิ่ง หลบหนี ทำให้เพื่อนในกลุ่มที่ไปด้วย 1 คนพลัดหลง หายตัวไปนาน 4 วันตั้งแต่วันที่ 3-6 ต.ค. จนกระทั่งเวลา 17.30 น. พบตัวผู้พลัดหลงซึ่งห่างจากหลักเขตไทย-มาเลเซีย 2 ก.ม. ส่วนตัวผู้พลัดหลงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ภายหลังทราบชื่อ นายจเร สันติเพชร อายุ 44 ปี

ขณะเดียวกัน วันนี้ได้รับแจ้งว่ามีช้างป่าบุกทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านดังกล่าวซึ่งเป็นอีกโขลงหนึ่ง โดยสาเหตุมาจากที่ในปัจจุบันพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายแห่งที่เป็นถิ่นอาศัยของช้างป่าในประเทศเพื่อนบ้านเริ่มขาดแคลนพืชอาหาร แหล่งน้ำ พื้นที่เป็นภูเขา และมีความลาดชันสูง ทำให้สภาพถิ่นอาศัยที่เหมาะสมของช้างป่ามีขนาดลดลงจากเดิม นอกจากนี้แล้วผืนป่าซึ่งเป็นถิ่นที่อาศัยของช้างป่าดังกล่าวไม่เชื่อมโยงกัน ถูกแบ่งแยก ตัดขาดออกจากกัน เนื่องจากการขยายตัวของชุมชน การขยายพื้นที่เกษตร การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ผ่านมาป่าสมบูรณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดปัญหาช้างป่าออกมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่อาศัยใกล้ชิด ตามแนวชายแดน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางเทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์จะเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ต่อไป พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมวางมาตรการป้องกันไม่ให้ช้างป่าออกมาทำลายทรัพย์สินของประชาชนอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน