ตร.เช็กวงจรปิดหาสู่กัน3วันติด ฉกไอแพดมือถือ กดเงิน-เผ่นพม่า

ตร.เร่งออกหมายแดงประสานทางการเมียนมาล่าตัว หนุ่มพม่ารูปหล่อวัย 19 มือแทง พรุนฆ่าอดีตทูตไทยคาบ้านหรูย่านวิภาวดี ตร.แกะรอยกล้องวงจรปิดพบไปหาผู้ตายที่บ้านติดๆ กัน 3 วันซ้อน ก่อนลงมือสังหารโหดในคืนที่ 28 ก.ย. ฉกมือถือ-ไอแพดไปตระเวนกดเงิน แล้วซื้อตั๋วรถทัวร์จากขนส่งหมอชิตปลายทางแม่สาย เผ่นหนีข้ามชายแดนไปท่าขี้เหล็กทันที

จากคดีอุกอาจ คนร้ายบุกฆ่าอดีตทูตไทยประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ศพหมกกล่องกระดาษในห้องน้ำคฤหาสน์หรูหมู่บ้านดังย่านวิภาวดีนานนับสิบวัน จนส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา เพื่อนบ้านสงสัยต้องรีบโทร.แจ้งตำรวจ รองผบช.น.เผยคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน ใช้มีดทำครัว 2 เล่ม จ้วงแทงหน้าอก 3 แผล เหยื่อหนีตายทุรนตั้งแต่ชั้นล่างจนไปจบชีวิตอยู่ในห้องน้ำ เชื่อน่าจะรู้จักกับผู้ตายมาก่อนมีเป้าหมายประสงค์ต่อทรัพย์ เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไล่ล่าหาตัวคนร้าย ผบ.ตร.สั่งกำชับเร่งคลี่คลายคดี โดยเร็ว ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าคดีบุกบ้านฆ่าโหดอดีต ท่านทูตไทย เมื่อวันที่ 9 ต.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. หลัง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำชุดคลี่คลายคดี ฆาตกรรมนายวิชิต ชิตวิมาน อายุ 63 ปี อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เสียชีวิตภายในบ้านพัก ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดีรังสิต 20 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ท้องที่ สน.สุทธิสาร เจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยเส้นทาง หลบหนีของคนร้ายได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุคือนายไซ เมียต โม อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา สันนิษฐานว่านัดพบกับผู้เสียชีวิตในช่วงกลางดึก คืนวันที่ 27 ก.ย.ก่อนลงมือฆ่าโหด หวังชิงทรัพย์

หลังก่อเหตุคนร้ายออกจากบ้านพักผู้ตายเวลา 03.22 น. วันที่ 28 ก.ย. นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายตระเวนกดเงินในละแวกวิภาวดีรังสิต สุทธิสาร และใกล้เคียง กระทั่งเมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกันนั่งรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ไปลงที่สถานีขนส่งหมอชิต ก่อนเข้าซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารเดินทางไป จ.เชียงราย เมื่อเวลา 16.52 น. เข้าไปยืนรอที่ชานชาลาขึ้นรถมุ่งหน้าไปที่จังหวัด เชียงราย เมื่อเวลา 17.25 น.

นายไซขึ้นรถบริษัทบุษราคัมทัวร์ สายกรุงเทพ- น่าน ทะเบียน 14-8511 กรุงเทพมหานคร ถึงสถานีขนส่งแม่สาย จ.เชียงราย ในวันที่ 29 ก.ย. เวลา 07.00 น. ก่อนจะนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างมุ่งหน้าไปที่ด่านสะพานข้ามพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 และออกจากราชอาณาจักรไทยเข้าสู่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 07.12 น. วันเดียวกัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานตำรวจประเทศ เมียนมาช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ฆ่าทูต – โฉมหน้านายไซ เมียต โม หนุ่มเมียนมา วัย 19 ปี มือมีดฆ่าอดีตเอกอัครราชทูตไทยหมกบ้านพักหรูย่านวิภาวดี ล่าสุดพบเบาะแสหลบหนีข้ามไปประเทศเมียนมาแล้ว ตร.เร่งประสาน ล่าตัวมาดำเนินคดี เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังมีผู้พบศพผู้เสียชีวิต ภายในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. นำกำลัง กก.สส.บก.น.2 และสน.สุทธิสาร ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ กระทั่งพบรูปพรรณคนร้ายชัดเจน ตรวจสอบพบคือนายไซ แรงงานชาวเมียนมาที่รับจ้างทาสีบ้านของอดีตท่านทูตไทย แต่ยังไม่ทราบว่ามีการติดต่อกับผู้เสียชีวิตผ่านช่องทางใด








Advertisement

เบื้องต้นสันนิษฐาน ผู้เสียชีวิตเปิดประตูออกมาหาคนก่อเหตุเนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยงัดแงะ ประตูทางเข้าบ้าน และคาดว่าน่าจะลงมือก่อเหตุทันที เนื่องจากมีร่องรอยเลือดกระเซ็นตั้งแต่รั้วบ้านไปถึงชั้น 2 คาดว่าผู้เสียชีวิตอาจดิ้นรนหนีตายจากชั้น 1 ไปจนถึงห้องน้ำ แต่คนร้ายตามไปแทงซ้ำจนเสียชีวิต ก่อนนำศพซุกในลังกระดาษทิ้งไว้ในห้องน้ำ ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป ล่าสุด เจ้าหน้าที่พบภายในบ้านมีกล้องวงจรปิด และบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน

ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า พนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร รวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ นายไซ เมียต โม สัญชาติเมียนมา อายุ 19 ปี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรมนายวิชิตแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา

จากการติดตามผู้ก่อเหตุพบว่า หลังจาก ก่อเหตุ ในวันที่ 28 ก.ย. เรียกรถแท็กซี่ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มโดยใช้วิธีกดผ่านไอแพดของ ผู้เสียชีวิต ก่อนจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าไป จ.เชียงราย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย พบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปช่วงเวลา 07.12 น.

สำหรับเส้นทางการหลบหนีหลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาเดินออกมาจากบ้าน ผ่านบริเวณป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านไปเรียกรถแท็กซี่ ก่อนไปแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มโดยโอนเงินผ่านไอแพดของผู้เสียชีวิต โดยแวะกดเงิน 2 แห่ง ก่อนไปซื้อตั๋วรถโดยสารประจำทาง แต่ครั้งแรกปรากฏว่ารถคันที่จะโดยสารไปเกิดเสียต้องรอรถโดยสารคันใหม่ในช่วงเย็น ทำให้เดินทางไปถึง จ.เชียงราย ในช่วงเช้า ขณะที่การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของผู้เสียชีวิตทราบว่ามีการกดโอนเงินจำนวน 22,000 บาท และจากการเอามือถือไปสแกนกดเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีกจำนวน 34,200 บาท

ส่วนผู้ต้องหามารู้จักกับผู้เสียชีวิตได้อย่างไรนั้น ตรวจสอบพบว่า มีการเข้า-ออกบ้านผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 วัน ก่อนก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 25-27 ก.ย. ตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ และจากการตรวจสอบย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตจะออกจากบ้านไปช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. และกลับเข้ามาอีกครั้งในเวลา 19.00 น. และวันเกิดเหตุในวันที่ 28 ก.ย. กลับเข้ามาประมาณ 21.00 น. ก่อนทะเลาะกัน

ส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตต้องสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่คนเดียว เบื้องต้นจากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต พบผู้ต้องหานำโทรศัพท์ 1 เครื่อง และไอแพด 1 เครื่อง ของผู้เสียชีวิตไปด้วย ส่วนทรัพย์อื่นๆ ต้องรอตรวจสอบกับทางญาติเพื่อยืนยันอีกครั้ง

“ทางผู้บังคับบัญชาได้มีการสั่งการให้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจะประสานกับทางการประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยเร่งติดตามอีกทางหนึ่ง และจากการตรวจสอบขณะนี้ยังยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีเพียงคนเดียว การประสานติดต่อกับทางการประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้น ภายหลังได้รับข้อมูลและหลักฐานจากตรวจคนเข้าเมืองว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกไปจะส่งข้อมูลดังกล่าวรายงานต่อศาล เพื่อขอหมายแดงเพื่อประสานประเทศเพื่อนบ้านให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุต่อไป” ผบก.น.2 กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน