ลวงสร้างเป็นนางแบบ เหยื่อนับสิบ-สูญ10ล้าน
บุกรวบ ‘อาจารย์เต้ย-จรุงศักดิ์’ อดีตนักปั้นท็อปโมเดล เปิดเพจหลอกขายฝันพ่อแม่ส่งลูกเข้าวงการ ตุ๋นเงินนับ 10 ล้าน ชุดลาดตระเวนสืบสวนนครบาลตามแกะรอยเส้นทาง ก่อนจับคาบ้านพักหรูสมุทร ปราการ เผยพฤติกรรมสุดแสบจัดทริปเดินแบบเมืองนอก พ่อแม่เด็กอยากไปเก็บ ตังค์เพิ่ม สุดท้ายเชิดเงินหนี ปล่อยเหยื่อ รอเก้อที่สนามบิน
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. สั่งการชุดลาดตระเวนออนไลน์ ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู, พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1, พ.ต.ต. กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ ชุดสืบสวนกก.สส.1 บก.สส.บช.น.
ร่วมจับกุมนายจรุงศักดิ์ พุ่มพวง หรืออาจารย์เต้ย อายุ 51 ปี ชาวสมุทรปราการ บุคคลตามภาพถ่ายของผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.3143/2566 ลงวันที่ 19 ก.ย.2566 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 333/108 หมู่บ้านอารีนาการ์เดน ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รองผบ.ตร. ให้เร่งรัดปราบปรามจับกุมกลุ่มบุคคลหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงที่ขายความฝันและโอกาสให้แก่เด็กที่อยากจะเข้าสู่วงการบันเทิง หลอกลวงผู้ปกครองที่สนใจให้สมัคร และอ้างว่าสามารถนำพาเด็กประกวดเดินแบบและถ่ายแบบทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยต้องโอนเงินให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว รายละ 100,000-200,000 บาท สร้างความเดือดร้อนความผิดหวังให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีความฝัน
โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลรับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากกลุ่ม ผู้ปกครองที่ตกเป็นเหยื่อหลายรายในพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ ว่า มีอดีตนักปั้นซึ่งเป็นที่รู้จักในยุคปี 2562 เปิดเพจเฟซบุ๊กในชื่อ “Top model 2022” ในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมชักชวนผู้ปกครองนำบุตรหลานเข้าสมัครประกวดเดินแบบและถ่ายภาพเพื่อเป็นบันไดเข้าสู่วงการบันเทิง โดยหลอกลวงให้โอนเงินค่าใช้จ่ายในการสมัครและค่า เดินทางไปเดินแบบและถ่ายแบบทั้งในและต่างประเทศเข้าบัญชีธนาคารของตน แต่พอถึงกำหนดนัดหมายก็มิได้เป็นไปตามข้อตกลง จนมีผู้ปกครองหลายสิบรายได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ถูกจับกุมพบว่า มีหมายจับค้างเก่าเพิ่มเติมอีก 1 หมาย หมายจับของศาลอาญาที่ จ.3123/2566 ลงวันที่ 19 ก.ย.2566 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และจากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหาย 3 รายตกเป็นเหยื่อ ได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 350,000 บาท และยังพบว่ามีผู้ปกครองผู้ตกเป็นเหยื่อหลายรายเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ต้องหากับพวกในพื้นที่สน.มักกะสันอีกจำนวนหนึ่ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ถูกจับให้การภาคเสธ โดยรับว่าเปิดบริษัท ท็อปโมเดล (ไทยแลนด์) จำกัด จริง ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ “Top model 2022” ในลักษณะสาธารณะ พร้อมประกาศข้อความชักชวนว่ารับสมัครประกวดเดินแบบเด็กและเยาวชนเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง โดยต้องเสียค่าสมัครหรือ ค่าแรกเข้า จากนั้นติดต่อพูดคุยกับ ผู้ปกครองว่ามีงานเทรนนิ่งเดินแบบและงานประกวดเดินแบบทั้งในและต่างประเทศ หากสนใจจะต้องโอนเงินค่า ใช้จ่ายและค่าเดินทางให้บริษัทตนเสียก่อน โดยอ้างว่าผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างเดินแบบหลังเสร็จงาน อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกจับอ้างว่าเกิดปัญหาและข้อขัดข้องในการติดต่อประสานงานเรื่องการเดินทาง และกับทางเจ้าภาพผู้จัดการประกวด เนื่องจากเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงไม่สามารถนำเด็กและผู้ปกครองเข้าร่วมการประกวดตามที่สัญญาได้ จนเป็นเหตุให้บริษัทของตนเกิดปัญหาทางการเงินและปิดตัวลงช่วงปลายปี 2565 ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล IDMB จับกุมได้ นำส่งพนักงานสอบสวน สน. มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาเปิดบริษัท ท็อปโมเดล (ไทยแลนด์) จำกัด และเปิดเพจเฟซบุ๊กในลักษณะเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและมองเห็นได้ มีการประกาศข้อความชักชวนรับสมัครประกวดและเดินแบบ เมื่อมีผู้ปกครองบุตรหลานสนใจทักไปหา ผู้ถูกจับกุมจะชักชวนให้สมัครประกวด เพื่อเทรนนิ่งเดินแบบตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านอาร์ซีเอ พระราม 9 คิดค่าสมัครแรกเข้าเด็กคนละ 1,000 บาท ก่อนชักชวนให้ร่วมประกวดเดินแบบและถ่ายแบบในงานประกวด “miss international” เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิงที่ห้างดังย่านพัทยา เสีย ค่าสมัคร 5,000 บาทต่อคน อีกทั้งยังต้องโอนค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าประกันงาน ค่าสปอนเซอร์ ค่าเดินทางเข้าประกวด 40,000-50,000 บาทต่อผู้เข้าประกวด 1 คน ไม่รวมผู้ติดตาม
โดยผู้ถูกจับอ้างว่า ผู้ปกครองจะได้รับเงินคืนหลังจากเสร็จสิ้นการประกวด หากเป็นกรณีที่ผู้ปกครองนำพาบุตรหลานเข้าประกวดเดินแบบในต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ฯลฯ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามบุตรหลานด้วยคนละ 10,000-20,000 บาท อีกทั้งผู้ถูกจับอ้างว่า ผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างเดินแบบให้แก่บุตรหลานคืนคนละ 10,000-20,000 บาท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเด็กแต่อย่างใด หลังจากผู้ปกครองโอนค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว ผู้ถูกจับก็เชิดเงินหลบหนี อีกทั้งยังพบว่าเมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ผู้ปกครองพร้อมบุตรหลานบางรายได้เดินทางไปรอขึ้นเครื่อง เมื่อสอบถามทางสายการบินกลับพบว่าไม่มีการจองการเดินทางดังกล่าว และไม่สามารถติดต่อผู้ถูกจับได้ ถือเป็นการทำลายความหวัง ความฝันของเด็กและผู้ปกครองอย่างแสนสาหัส
ด้วยอุบายและพฤติการณ์หลอกลวงของผู้ถูกจับดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้ปกครองหลงเชื่อ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้ปกครองที่คาดหวัง ให้บุตรหลานเข้าสู่วงการบันเทิง ต่าง โอนเงินให้ผู้ถูกจับรายละ 100,000- 200,000 บาท
ด้านพล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า ฝากประชา สัมพันธ์ไปยังกลุ่มผู้ปกครองซึ่งคาดว่าจะตกเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว สามารถแจ้งและสอบถามมายังกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล อีกทั้งยังขอเตือนภัยไปยังผู้ปกครองและบุตรหลานที่มีความฝันจะเข้าสู่วงการบันเทิง ควรตรวจสอบและพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบ เสียก่อน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ หากพบเบาะแสลักษณะนี้ สามารถแจ้งที่เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่เป็นคดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร.