ปปป.เข้าคลี่คลาย ยันเป็นธรรมทั้ง2สี

รองผบ.ตร. ‘บิ๊กต่าย’ กิตติ์รัฐ ชี้ตำรวจ-ฝ่ายปกครองตรวจผับต่างทำตามหน้าที่ ไม่ใช่การทำงานซ้ำซ้อนร่วมมือกันด้วยดีมาตลอด บิ๊กเต่าส่งตร.ปปป.ลุยสอบผับฉาวเชียงใหม่ คลี่ปมปัญหางัดข้อตร.-ปค. ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่เอนเอียง ยึดพยานหลักฐาน

จากกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบุกจับร้าน “เลอ เนิร์ฟ ผับ” ย่านช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในคืนฮาโลวีน จนมีการสั่งการย้าย 5 เสือ สภ.ช้างเผือก ต่อมา ตำรวจออกตรวจสถานบริการกลับพบ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนั่งดื่มกินอยู่ในร้าน Level 9 ขณะเปิดเกินเวลากฎหมายกำหนด จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตามข่าวที่เสนอมานั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท. รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่สั่งการให้ตำรวจ บก.ปปป.ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นว่า เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่มีเอนเอียง หรือเจาะจงตรวจสอบฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เป็นการตรวจสอบภาพรวมทุกมิติ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

“ตำรวจ สภ.ช้างเผือกเองก็จะต้องถูกตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ปล่อยปละละเลยให้ ร้านเลอ เนิร์ฟ ผับ เปิดสถานบริการโดยไม่มีอนุญาตหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่นั่งดื่มกินอยู่ในร้าน Level 9 ซึ่งเปิดเกินเวลากว่าที่กฎหมายกำหนด ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอยืนยันว่า ตำรวจ บก.ปปป. เข้ามาฐานะหน่วยงานกลาง พร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ผิดถูกว่าไปตาม พยานหลักฐาน ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ต่อบ้านเมือง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ บุกจับร้านเหล้าเปิดเกินเวลา และพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ภายในร้าน เป็นการทำงานซ้ำซ้อนกันหรือไม่ระหว่างสองหน่วยงาน ว่า ไม่ใช่การทำงานซ้ำซ้อนกัน แต่เป็นกรณีที่ต่างฝ่ายต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมายที่ได้ให้อำนาจไว้แก่ทั้ง 2 หน่วยงาน โดยให้มีอำนาจในการเข้าไปตรวจตราในสถานบริการได้ ไม่ว่าเวลาใดๆ กฎหมายสถานบริการ จะมีกระทรวงมหาดไทยเป็น เจ้าภาพหลัก กฎหมายนี้มีอำนาจหลักๆ อยู่ 3 กรณี คือ

1.อำนาจในการออกใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ถ้าเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัด เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด 2.อำนาจในการสั่งปิดสถานบริการ ในกรุงเทพฯ เป็นของ ผบ.ตร. ถ้าต่างจังหวัด เป็นของผู้ว่าราชการจังหวัด 3.อำนาจในการตรวจค้นจับกุม ทั้งตำรวจและมหาดไทยมีอำนาจนี้เหมือนกัน

ส่วนกรณีจะเป็นปัญหาระหว่างหน่วยงานหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า จากการทำงานที่ผ่านมาทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง ต่างก็ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เพราะที่ผ่านมาในจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าฯ จะเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีคำสั่งบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ในส่วนของ ตร. นั้น ผบ.ตร. ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการการทำงานเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ดังนั้น กรณีดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหาระหว่างหน่วยงาน เพราะต่างก็ทำหน้าที่ตามกฎหมายและสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน

ตรวจผับ – นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยฝ่ายปกครองและตำรวจ 4 โรงพัก ร่วมกันออกตรวจสถานบริการ 21 แห่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ย. เวลา 21.00 -00.10 น. นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ นายศิริพงษ์ นำภา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายวริธ ไกยสิทธิ์ และน.ส.ยศธร ผลเจริญรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงใหม่ที่ 2 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.ช้างเผือก, สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และสภ.แม่ปิง ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการจัดระเบียบสังคม กับการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมทั้งนโยบาย “เชียงใหม่เมืองปลอดภัย” ของผวจ.เชียงใหม่ โดยได้ออกตรวจสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ 22 แห่ง ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ กวดขันการปิดร้านต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และได้แจ้งเทศบาลนครเชียงใหม่ ตรวจสอบและเข้มงวดในการดูแลเรื่องใบอนุญาตและการปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ เจ้าพนักงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่ามีสถานประกอบการใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน