ค่าเก็บเกี่ยวไร่ละพัน ก้าวไกลโหวตรอบที่2 มติขับ‘ปูอัด’128ต่อ0 นายกแถลงใหญ่9พย. โชว์ผลงานรบ.60วัน

ครม.อนุมัติหมื่นล้านช่วยชาวนาล็อตแรก รับซื้อข้าวตันละ 12,000 บาท ต่อด้วยช่วยค่าเก็บเกี่ยวอีกไร่ละ 1,000 บาท กระทรวงเกษตรฯ เล็งเสนอพักหนี้เกษตรกรเพิ่มอีก 7 แสนราย ก้าวไกลโหวตรอบ 2 มติเอกฉันท์ 128 ต่อ 0 ขับ ‘สส.ปูอัด’ พ้นพรรค กระทำขัดมติพรรค กรณีให้แถลงขอโทษประเด็นคุกคามทางเพศ เจ้าตัวน้ำตาคลอ ขอรับผิดคนเดียว อย่าโทษพรรค ‘ชัยธวัช’ ป้อง ‘เบญจา’ ไม่ได้ล็อบบี้ขับ ‘สส.แจ้’ ลั่นลุยสอบรับผลประโยชน์จากบริษัทขยะ เอาผิดคนเอี่ยว ‘วุฒิพงศ์’ ขุดภาพข่าวโต้ทันควัน นายกฯ บินสหรัฐ ร่วมเวทีเอเปค 12-19 พ.ย.นี้ มีคิวหารือบริษัทยักษ์ใหญ่ ‘เศรษฐา’ สั่งรัฐมนตรีเพื่อไทยเตรียมข้อมูลแถลงผลงาน 60 วัน ป.ป.ช.จับตานโยบาย จัดสรรที่ส.ป.ก.4-01 ควบคู่นโยบายเติมเงิน 1 หมื่น

นายกฯย้ำแค่ศึกษาแนวทางขึ้นงด.
วันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่อง PM 2.5 เพราะเรากำลังเข้าสู่ฤดูของ PM 2.5 โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน

เมื่อถามถึงข้อสั่งการให้ศึกษาการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเงินเดือนแต่ให้ไปศึกษา และการให้ไปศึกษาไม่ได้หมายความว่าจะให้ขึ้นทันที เมื่อถามว่าจะทำให้สินค้าจ่อขึ้นราคาล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้ขึ้นราคา เรื่องนี้กรมการค้าภายในก็ต้องดูแลอยู่แล้ว

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กล่าวกรณีนายกฯ สั่งการให้ศึกษาเรื่องขึ้นเงินเดือนข้าราชการว่าจะหารือกันครั้งแรก 11 พ.ย. ก่อนตนจะเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค 12 พ.ย. ซึ่งจะเป็นการศึกษาก่อนตามมติครม. ไม่ใช่การขึ้นเงินเดือนเลย

มติครม.แทรกแซงราคาข้าว
เวลา 12.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง แถลงมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ร่วมกับนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังครม.อนุมัติโครงการภายใต้งบประมาณจ่ายขาด 10,601 ล้านบาท

นายชัยกล่าวว่า ครม. เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/2567 จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/2567 เป้าหมาย 3 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อต่อตัน ข้าวหอมมะลิ 12,000 บาท, ข้าวหอมมะลิปลูกนอกพื้นที่ 10,500 บาท, ข้าวปทุมธานี 10,000 บาท, ข้าวเจ้า 9,000 บาท และข้าวเหนียว 10,000 บาท มีค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน ถ้าเกษตรกรเก็บในยุ้งฉางตัวเองจะได้ตันละ 13,500 บาท แต่ถ้าฝากเก็บกับสถาบันเกษตร เช่น สหกรณ์ สถาบันเกษตรได้ค่าฝาก 1,000 บาท เกษตรกรได้ 500 บาท

2.โครงการให้สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/2567 ช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรในการรวบรวม รับซื้อข้าวเปลือก เป้าหมาย 1 ล้านตัน ราคาซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิที่ความชื้น 15% ตันละ 12,200 บาท สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกรจะไปไล่ซื้อเมื่อสีเป็นข้าวสารขายได้มีกำไรจะแบ่งให้เกษตรกรอีกตันละ 300 บาท รวมเป็น 12,500 บาท วงเงินกู้ 10,000 ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 481 ล้านบาท








Advertisement

ทุ่ม1หมื่นล้าน-ปล่อยกู้4.4หมื่นล.
ราคาข้าวที่เป็นปัญหามากที่สุดช่วงนี้คือข้าวหอมมะลิที่จะออกรวม 9.5 ล้านตัน เวลานี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิความชื้น 15% ราคาตลาดตันละ 14,800-15,000 บาท แต่ชาวนาเก็บเกี่ยวแล้วขายเลยความชื้นอยู่ที่ 25% ตลาดรับซื้อที่ตันละ 11,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เป็นธรรมประมาณ 1,000 บาท ควรอยู่ที่ตันละ 12,300 บาท กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์จึงเห็นร่วมกันที่จะแทรกแซงราคา ทั้ง 2 โครงการใช้งบจ่ายขาด 10,601 ล้านบาท สินเชื่อรวม 44,437 ล้านบาท” นายชัยกล่าว

จ่อจ่ายอีกไร่ละพัน-งบ 5.6 หมื่นล.
นายภูมิธรรมกล่าวว่า โครงการที่ 1 เมื่อขายราคาจะดีกว่าขายตอนนี้ตามราคาตลาดตันละ 1,500-2,500 บาท นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอมาตรการโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาครั้งต่อไปแล้วเสนอครม. วงเงินงบจ่ายขาด 56,321 ล้านบาท เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร 4.68 ล้านครัวเรือน จะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังเสริมว่า “วันที่ 10 พ.ย.จะประชุมนบข.เพื่อพิจารณา และจะเสนอครม.ใน 1-2 สัปดาห์ โดยคาดว่าเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท น่าจะเริ่มจ่ายให้ได้ภายในพ.ย.2566 นี้” โครงการนี้มีกรอบวงเงินจ่ายขาด 56,321 ล้านบาท กำหนดเกษตรกร เป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน เบื้องต้นกำหนดช่วงเวลาจ่ายเงิน พ.ย.2566- 30 ก.ย.2567

เล็งพักหนี้เพิ่มอีก 7 แสนราย
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เผยว่า ในการประชุมครม. มีการหารือเรื่องพักหนี้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 707,213 ราย ที่มีหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท มูลหนี้รวม 88,131.33 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการภายใต้ หลักเกณฑ์เดียวกับเกษตรกรรายย่อยลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. โดยการพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตรา 4.5% ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลจะอุดหนุนดอกเบี้ยให้ 4,296 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 30 ก.ย. 2569

12-19พย.นายกฯบินสหรัฐ-ถกเอเปค
ที่ทำเนียบ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันที่ 12-19 พ.ย. นายกฯมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2566 ที่สหรัฐ นายกฯ จะปฏิบัติภารกิจ 6 ด้านหลัก 1.การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง 2.การหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ 3.กิจกรรมระดับผู้นำภายใต้กรอบความร่วมมือ Indo-Pacific Economic Forum- IPEF กิจกรรมอื่นๆ 4.การพบหารือกับภาคเอกชนสหรัฐ ทั้งดูงานบริษัทและการหารือ One-on-one การพบภาคเอกชนไทยและกิจกรรม Networking Reception กับภาคเอกชนไทยและสหรัฐ 5.กำหนดการ ณ มหาวิทยาลัย Standford 6.การพบหารือกับตัวแทนชุมชนไทย ณ นคร San Francisco

ไทยมีประเด็นสำคัญที่ต้องการผลักดันทั้งด้านการค้าการลงทุน ยกระดับ FTAs ความเชื่อมโยง ผ่านการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดียผ่านโครงการ Landbridge และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โดยเฉพาะผ่านการท่องเที่ยว ความยั่งยืน สานต่อเป้าหมายกรุงเทพฯ ย้ำความมุ่งมั่นของไทยเรื่องการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น 0 เศรษฐกิจดิจิทัล ส่งเสริมการค้าดิจิทัล/e-commerce และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งความเท่าเทียม การขจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ

นายกฯจะพบกับภาคเอกชนรายใหญ่ระดับโลก เป็นโอกาสให้เกิดการค้าการลงทุนในไทย โดยเฉพาะสาขาที่สำคัญและไทยมีศักยภาพ สาขายานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล และการเงินและการธนาคาร

9 พ.ย.แถลงตีปี๊บผลงาน 60วัน
นายชัยเผยว่า นายเศรษฐาเตรียมออกรายการพิเศษ “Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน” ในวันที่ 9 พ.ย. เวลา 19.00 น. ทางช่อง NBT 2HD, NBT11 และทางออนไลน์ เฟซบุ๊ก, ยูทูบ หรือ เฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin

นายกฯจะพูดคุยว่าได้ทำอะไร และได้ผล อย่างไรให้ประชาชนบ้างในโอกาสครบรอบ 60 วัน ของรัฐบาลของประชาชนเพื่อประชาชน ความคืบหน้าและความท้าทาย เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนผ่านนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เน้น Quick Win 3 ประการ คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายเศรษฐา เรียกประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ตึกไทยคู่ฟ้า หลังครม.ว่า สัปดาห์หน้านายกฯ จะไปประชุมเอเปคจึงกำชับครม.ที่อยู่ทำหน้าที่กันไป และฝากให้ตนรักษาราชการในตำแหน่งนายกฯ

เมื่อถามว่านายกฯ ฝากอะไรเป็นพิเศษ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ให้ครม.เร่งผลงานที่เตรียมแถลงการทำงาน 60 วันแรกว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง เมื่อถามว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะอยู่ในผลงาน 60 วัน นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ จะเป็นผู้แถลงวันที่ 10 พ.ย. ซึ่งจะเกิดความชัดเจนว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

ยิ้มแย้ม – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมพรรคเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานประชุม ครั้งแรกหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ที่ห้องประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ย.

ฝากสส.ตีปี๊บ 10พย.แจง‘1หมื่น’
เวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมสส.พรรคนำโดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค โดยมีนายเศรษฐา และรัฐมนตรีของพรรคร่วมประชุมด้วย ซึ่งน.ส. แพทองธารเป็นประธานการประชุมครั้งแรกหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขออัพเดตงานตั้งแต่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยหลักๆ ไปพบทูตหลายประเทศ รวมถึงตัวแทนยูเอ็น ซึ่งหลายประเทศสนใจเรื่องซอฟต์เพาเวอร์อย่างมาก เช่น เกาหลีใต้ที่ทำซอฟต์เพาเวอร์ได้ดีมาก เขาพร้อมซัพพอร์ตเรา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งองค์กรและให้คำแนะนำ เพื่อให้กระบวนการผ่านไปได้อย่างดีที่สุด หรือสหรัฐได้คุยเรื่องการศึกษาเขาพร้อมซัพพอร์ตเรา

“ย้ำอีกครั้งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ขอให้ สส.รวมถึงผู้ช่วย สส.เข้ามาช่วยสื่อสารข้อความที่สำคัญของพรรคและรัฐบาลว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้างกับประชาชนในโซเชี่ยลให้รับรู้ได้มากขึ้น” น.ส.แพทองธารกล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า วันที่ 10 พ.ย.จะแถลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ขอฝากสส.ให้ช่วยกันโปรโมตในโซเชี่ยลด้วย และคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ประชาชนน่าจะมีความสุข

ภูมิธรรมโต้เกาเหลาพณ.-อุตฯ
นายภูมิธรรมชี้แจงกับสส.ถึงนโยบายข้าวว่า พูดคุยทุกภาคส่วน ทั้งชาวนา โรงสี ผู้ประกอบการและด้านการส่งออกเพื่อจัดสมดุลโดยที่ชาวนาไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาโดยไม่สร้างความขัดแย้ง เบื้องต้นจะเยียวยาเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาทต่อไป ตน ร.อ.ธรรมนัส และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ดูแลร่วมกันโดยเป็นผลงานร่วมกันของรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา

ส่วนเรื่องน้ำตาล ตามที่มีกระแสข่าวเกาเหลาระหว่าง รมว.พาณิชย์ และรมว.อุตสาหกรรม แม้จะอยู่ต่างพรรคแต่มีพูดคุยกันตลอดอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไร ตนได้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ และสมาคมไร่อ้อยทุกภูมิภาค คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ “เรื่องนี้ไม่มีความ ขัดแย้งระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ถามรมว.อุตสาหกรรมได้ เรายกหูเพื่อพูดคุยแก้ปัญหาตลอด รวมถึงสมาคมไร่อ้อยทั่วประเทศ ทุกอย่างจบลงด้วยดี”

ก้าวไกลโหวตรอบ 2 ตะเพิดปูอัด
ที่โรงแรมอักษร อ.แกลง จ.ระยอง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงหลังการประชุมร่วมระหว่าง กก.บห. และสส. กรณีทบทวนมติลงโทษข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ ของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด สส.กทม. พรรคก้าวไกล ว่า ที่ประชุมเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวานไม่เป็นไปตามมติ กก.บห. สาระหลักกลับนำข้อมูลผู้เสียหายบางส่วนมาใช้พยายามแก้ข้อกล่าวหาอีกครั้ง บอกโดยนัยว่าไม่ได้คุกคามทางเพศ ซ้ำร้ายเปิดเผยข้อมูลที่อาจเชื่อมโยงทำให้รู้ได้ว่าผู้เสียหายเป็นใคร นอกจากแสดงข้อความแล้วยังระบุเสื้อสูทและเนกไทได้จากบิดาผู้เสียหาย ทำนองว่าตนเองและครอบครัวผู้เสียหายมีความสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา

การกล่าวอ้างถึงผู้เสียหายครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่ทำให้ครอบครัวรู้ว่าบุตรสาวของเขาเป็นผู้เสียหาย ตนไปพบครอบครัวผู้เสียหายเพื่อขอโทษ บิดาผู้เสียหายยืนยันการซื้อเนกไทและสูทให้ ไม่ได้แสดงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวลักษณะที่นายไชยามพวานตั้งใจจะสื่อสาร และได้พูดคุยหลายเรื่อง เรื่องการสนับสนุนช่วยเหลือต่อสู้ทางกฎหมายที่จะตามมา เป็นครั้งแรกที่ตนทราบว่าผู้เสียหายเป็นใครด้วย

“เหตุผลข้างต้นนำมาสู่การประชุมวันนี้ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม 128 คน เนื่องจากบางส่วนป่วย ติดงาน ภารกิจส่วนตัว มติที่ประชุมเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ให้นายไชยามพวาน พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากการแถลงและการกระทำถือเป็นการขัดต่อมติพรรค” นายชัยธวัชกล่าว

มอบสส.ทำงานแทน 2 คนที่ถูกขับ
ที่ประชุมยังเห็นตรงกันให้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ไปทำงานกับพี่น้องประชาชนแทนนายไชยามพวาน เนื่องจากสองคนเป็นสส.ในเขตใกล้เคียงกัน

ส่วนจ.ปราจีนบุรี เขต 2 พื้นที่เดิมของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออก ในพื้นที่ยังมีประชาชนอยากทำงานกับพรรคอยู่ จึงมอบหมายให้นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ดินและ สิ่งแวดล้อม ไปรับผิดชอบในประเด็นการแก้ไขปัญหาที่ดิน บ่อขยะ และมลพิษในพื้นที่แทน อีกทั้งมอบหมายให้ทีมงานภายในจังหวัดสานต่อและทำงานเดิมแทน สส.

ยันลุยสอบปมรับผลประโยชน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ แจ้ สส.ปราจีนบุรี แฉกลับถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ถูกพรรคขับออก เนื่องจากยื่นเรื่องให้กก.บห.ตรวจสอบผู้ช่วยสส. อักษรย่อ “ส.” มีเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากการขายที่ให้กับบริษัทบ่อขยะ ในอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ว่า ทั้ง 2 กรณีต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบข้อครหาเรื่องคุกคามทางเพศหายไป และยืนยันว่าเรื่องการขับนายวุฒิพงศ์ออก ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับน.ส.เบญจา แสงจันทร์ กก.บห. น.ส.เบญจาตั้งผู้ช่วยสส.คนดังกล่าวขึ้นเพราะพรรคเสนอชื่อ ในส่วนที่พรรคต้องทำคือการสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ ส่วนที่วิจารณ์กันว่าการตรวจสอบทั้ง 2 กรณีไม่มี ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วยนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า “กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ”(อ่านรายละเอียดหน้า 7)

น้ำตาปูอัด – นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ปูอัด สส.กทม. ร่ำไห้น้ำตาคลอภายหลังที่ประชุมพรรคก้าวไกลมีมติเอกฉันท์ขับออก จากสมาชิกพรรคจากปมอื้อฉาว เปิดใจขอให้โทษตนเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่าโทษพรรค เมื่อวันที่ 7 พ.ย.

ปูอัดน้ำตาคลอ-รับผิดคนเดียว
เวลา 16.30 น. ที่จอมทอง นายไชยามพวาน ให้สัมภาษณ์หลังพรรคมีมติขับออกด้วยเสียงสั่นเครือว่า น้อมรับมติและยังอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นในตัวสส.ที่ยังอยู่ในพรรค เชื่อมั่นอนาคต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังคงเหมาะสมที่จะเป็น นายกฯ ครั้งนี้เป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่พรรค ฉะนั้นอย่าถือโทษกับพรรคเลยขอให้ถือโทษที่ตนคนเดียว เมื่อถามว่ายอมรับว่ากระทำผิด นายไชยามพวานกล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีคนไปยื่น ป.ป.ช. ซึ่งตนรอผลคำวินิจฉัย ยืนยันว่าจะยังไม่ลาออกจากการเป็นสส. รอให้กระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดลง

“ผมต้องขอโทษ 47,650 คะแนนทุกคน ที่วันนี้ทำให้หลายคนลำบากใจ รวมถึงพรรคก้าวไกลและสังคมด้วย ผมทำให้พรรคเจ็บขนาดนี้ มีรอยร้าวมากมายขนาดนี้เหมาะสมแล้วที่จะถูกขับออกมา” นายไชยามพวาน กล่าว และว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนมหาศาลช่วงวัยนี้ เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมองว่าไม่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง ไม่แสดงความจริงใจขอโทษผู้เสียหาย นายไชยามพวานกล่าวว่า คำว่าจริงใจตีความได้หลายอย่าง ยืนยันพร้อมยกมือช่วยเหลือในสภา หากช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ เพราะตนเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ นายไชยามพวาน น้ำตาคลอเบ้า บางคำถามนิ่งเงียบหลายนาที บางจังหวะหันหลังไปเช็ดน้ำตา

แจ้ขุดภาพข่าว-เบญจาสอบวินัย
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี โพสต์กราฟิกขาวดำ เป็นภาพข่าวพรรค ก้าวไกลตั้ง น.ส.เบญจา เป็นคณะกรรมการวินัยชุดพิเศษ พร้อมข้อความ “ตรงไปตรงมา ยากเกินที่จะตอบ?” ระบุขอแย้งและย้ำที่นายชัยธวัชแถลงว่า น.ส.เบญจา ไม่อยู่ในกระบวน การพิจารณาสอบวินัยนั้น การแถลงของน.ส.เบญจา18 ต.ค. ที่ผ่านมา ชัดเจนว่าได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการพิเศษชุดนี้ และ ทุกครั้งที่ผู้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูล จะมีน.ส.เบญจาเข้าไปนั่งเฝ้าอยู่ด้วยตลอดในชั้นการสอบ พรรคก้าวไกลควรยอมรับอย่าง ตรงไปตรงมา” ก่อนว่ากรรมการวินัยชุดที่สอบตนไม่มีการดึงผู้เชี่ยวชาญภายนอก และน.ส.เบญจานั่งเป็นประธาน ไม่ใช่เพียงแถลงไปเพื่อหาเสียง

กมธ.อุตฯสอบปมขยะปราจีนฯ
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ประธานกมธ.การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวกรณีนายชัยธวัชระบุว่ายินดีให้ตรวจสอบกรณีผู้ช่วย สส.ก้าวไกล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์การซื้อขายที่ดินให้โรงงานบ่อขยะที่ ว่า กมธ.เตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา 22 พ.ย. เบื้องต้นจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทุกภาคส่วนเข้าชี้แจง

เมื่อถามถึงกรณีนายวุฒิพงศ์ ระบุขณะนี้มีการซื้อขายที่ดินแล้วจะดำเนินการอย่างไร นายอัครเดชกล่าวว่า ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตสามารถส่งเรื่องหรือประสานไปยัง กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบได้

อนุทินปัด-ไม่รับสส.แจ้เข้าภท.
ที่ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่รับนายวุฒิพงศ์ ที่ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพราะตอนนี้การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลมีความเข้มแข็ง มีเสียงสนับสนุนในสภาเกือบ 320 เสียง และพรรคภูมิใจไทยก็ใหญ่ขึ้น จาก 50 เสียง มี 71 เสียง โอเคแล้ว และ จ.ปราจีนบุรี มีผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย คือ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ อดีต สส.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็น คู่แข่งของนายวุฒิพงศ์ ต้องคิดถึงนายชยุต เขาอยู่มาตั้งแต่เปิดพรรค

ปปช.จับตานโยบายจัดสรรที่สปก.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต ที่มีนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน เมื่อ 19 ต.ค. ได้พิจารณานโยบายรัฐบาลตามคำแถลงของนายเศรษฐา เมื่อ 11 ก.ย. งมีมติให้สำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต ศึกษาและเฝ้าระวังการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายการปรับปรุงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 เพื่อยกระดับเป็นโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรฯ ควบคู่กับการเฝ้าระวังนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้การจัดสรรที่ดินเกษตรกรเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ป้องกันที่ดินตกอยู่ในมือของนายทุน กลุ่มผลประโยชน์

กรณีการปรับปรุงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ร่างระเบียบที่เกี่ยวข้อง 26 ต.ค.-10 พ.ย. และจะประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ภายใน 15 ธ.ค. สามารถออกโฉนดเพื่อเกษตรกรรมฉบับแรกได้ภายใน 15 ม.ค.67 โดยสำนักเฝ้าระวังฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเบื้องต้น และมีแผนเชิญเลขาฯ ส.ป.ก.เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบการเฝ้าระวัง

ทุ่ม2.1แสนล้านงบสปสช.ปี67
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบ ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสนอ โดยอนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนสปสช.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 217,628,959,600 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายละเอียดในงบประมาณ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 อาทิ ค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิ จำนวน 47,671,000 คน วงเงิน 165,525,153,000 บาท เพิ่มขึ้น 3,922,585,500 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.43 คิดเป็นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 3,472.24 บาทต่อผู้มีสิทธิ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนค่าตอบแทนบุคลากร ส่วนค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ประกอบด้วย ค่าบริการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ วงเงิน 3,413,391,000 บาท และค่าบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี วงเงิน 603,704,700 บาท รวมวงเงิน 4,017,095,700 บาท เพิ่มขึ้น 38,617,200 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.97

ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง วงเงิน 12,807,298,600 บาท เพิ่มขึ้น 2,855,123,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 28.69, ค่าบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (DM/HT และจิตเวชเรื้อรังในชุมชน ประกอบด้วย งบบริการควบคุมความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง วงเงิน 1,123,989,700 บาท และงบบริการผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน วงเงิน 73,626,000 บาท รวมวงเงิน 1,197,615,700 บาท เพิ่มขึ้น 126,140,900 บาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 11.77,ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 1,490,288,000 บาท

สำหรับงบประมาณบริหารงานของสปสช.วงเงิน 2,086,558,800 บาท มอบหมายให้คณะกรรมการสปสช.ดำเนินการและบริหารจัดการกองทุน เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคน เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ทั่วถึง มีประสิทธิภาพด้านบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี บริการสาธารณสุขร่วมกับอปท. บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน บริการสาธารณสุขร่วมกับกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด และบริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครายบุคคลและครอบครัว ตามมาตรา 18 (14) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และควบคุมดูแลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าว

คาดปลายพย.ชงกม.ยาบ้า5เม็ด
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสนอกำหนดจำนวนยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด สันนิษฐานเป็นผู้เสพว่า หลักการของเรื่องนี้คือผู้ใดมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ไม่ว่าเพื่อเสพ เพื่อค้า ผิดกฎหมายทั้งหมด ไม่ต้องไปสนใจจำนวนเม็ด ถ้ามีพฤติกรรมพิสูจน์ได้ว่าค้าผิดกฎหมายหมด เสพก็เช่นกัน มีพฤติกรรมการเสพแม้ไม่มีตัวยาอยู่ในมือแต่สามารถตรวจพบปัสสาวะสีม่วงในร่างกายก็ถือว่าเสพ ตรงนี้ผิดทั้งหมด เช่น เสพยาบ้ามีโทษติดคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท ถ้าครอบครองยาบ้า 1 เม็ด ติดคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท แต่ถ้าเพื่อการค้า 1 เม็ด ติดคุก 1-15 ปี ปรับน่าจะเป็นล้านบาท แต่หลักการกฎหมายฉบับนี้นอกจากจะป้องกันและปราบปรามแล้ว ยังมีความเชื่อว่าถ้าให้โอกาสคนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดกลับเนื้อกลับตัวกลับใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เมื่อบำบัดรักษาจนเป็นที่น่าพอใจ เป็นไปตามเงื่อนไข จนได้รับการรับรอง สำคัญคือสมัครใจ ถึงได้รับการยกเว้นว่าไม่มีความผิดจากที่มีความผิด

นพ.ชลน่านกล่าวว่า แม้กระทั่งตำรวจจับแต่ไม่สมัครใจบำบัด มีการถือครองยาบ้า 5 เม็ด ตำรวจก็สามารถใช้ดุลพินิจบอกว่าควรเข้าบำบัดรักษาถ้าสมัครใจ ก็ส่งไปบำบัดรักษาเข้ากระบวนการก็ไม่มีความผิด หรือแม้ไม่สมัครใจแล้วส่งฟ้องศาล ถ้าศาลเห็นว่าคนนี้ควรให้โอกาส และเขาสมัครใจขณะอยู่ในชั้นศาล และอัยการเห็นด้วย ศาลก็ส่งไปบำบัด หากผ่านตามเกณฑ์บำบัดก็ยุติคดี แต่ถ้าไม่ผ่านตามเกณฑ์ก็นำคดีมาพิจารณาใหม่ จะเห็นว่าไม่ว่าอยู่ขั้นตอนไหนเขาให้คนกลับใจสมัครใจเข้ารับการบำบัด เพราะเชื่อว่าการบำบัดรักษาจะเป็นการตัดวงจรค้ายาเสพติดที่ดีที่สุด และเมื่อผ่านการบำบัดรักษาจะมีการฟื้นฟูสภาพร่างกาย จิตใจ และสังคม หลังจากอยู่ในสถานบำบัดแล้วก็เข้าค่ายบำบัดเพื่อฟื้นฟูสถานภาพทางสังคม ดูเรื่องพฤติกรรม อาชีพ โอกาสอยู่ในสังคมได้ปกติมีอะไรก็เติมเต็มให้เขาและคืนกลับสังคม นี่เป็นหลักของกฎหมาย

เมื่อถามถึงการออกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเม็ดยา นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตามระเบียบการออกกฎกระทรวงหลังตนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการแล้วไม่เฉพาะยาบ้า แต่มียาเสพติดตัวอื่นด้วย เราก็ยกร่างกฎกระทรวงเสนอครม.เพื่อเห็นชอบในหลักการ แต่ก่อนครม.เห็นชอบ สำนักงานเลขาธิการ ครม.ต้องเอาร่างกฎกระทรวงไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนว่า 5 เม็ดเห็นอย่างไร ถ้ามีข้อทักท้วงก็อาจต้องนำมาพิจารณาใหม่ แต่หากเห็นชอบทั้งหมด ครม.ก็จะมีมติเห็นชอบกับร่างที่เสนอเข้ามา ตนจึงมีหน้าที่ไปลงนามในร่างกฎกระทรวงและประกาศในราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้ได้ ซึ่งจะพยายามเร่งตามที่นายกฯเร่งรัดมา คาดว่าจะเสนอครม.ได้ในช่วงปลายพ.ย. และต้นเดือนธ.ค.ก็อาจจะประกาศได้

‘ปานปรีย์’ยัน162ไทยปลอดภัย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ที่รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมด้วยกงสุลไทย ณ กรุงย่างกุ้ง เจ้าหน้าที่ DSI และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. และผู้ช่วยทูตตำรวจไทย ณ กรุงย่างกุ้ง เข้าพบหารือกับนายหม่อง หม่อง ทาน รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสังคมและตรวจคนเข้าเมืองย่างกุ้ง ณ ที่ทำการ เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ที่เมืองเล้าก์ก่ายกลับประเทศไทยโดยปลอดภัย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า จากการที่เราได้ร้องขอในการช่วยเหลือคนไทยนี้ ทางการพม่าแจ้งว่าคนไทยทั้ง 162 คนที่เมืองเล้าก์ก่ายนั้นเข้าเมืองมาผิดกฎหมายทั้งหมด แต่เห็นแก่ความร่วมมืออันดีระหว่างกันที่ผ่านมา ทั้ง ตม.ไทย และ ตม.เมียนมา ทำให้ทางการพม่าจะไม่ดำเนินคดีและจะเร่งรัดส่งกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด

ส่วนที่ทําเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าตอนนี้คนไทยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และกำลังดูเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ทางการจีนได้ประสานให้มีการรับตัวคนไทยที่ จ.หลินซาง ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า ในมณฑล ยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเล้าก์ก่ายเพียง 4 กิโลเมตร แต่ยังคงติดปัญหาเรื่องเอกสารการตรวจลงตรา เนื่องจากบางส่วนไม่มี จึงทำให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา กำลังดำเนินการเรื่องนี้

ส่วนการสู้รบระหว่างกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF โกกั้ง กับกองกำลังพันธมิตร 3 ฝ่าย ประกอบด้วยกองกำลังโกกั้ง หรือกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา กองทัพอาระกันและกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง จะกระทบกับความมั่นคงของประเทศไทยหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะนี้รัฐบาลกำลังให้ความสนใจในเรื่องที่ต้องนำคนไทยทั้ง 162 คนกลับมาสู่ประเทศก่อน ทั้งนี้ ยังไม่มีการหารือกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องดังกล่าว

ครม.จัดระเบียบใหม่รถนักเรียน
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี กำหนดแนวทาง เรื่อง มาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน สาระสำคัญคือให้ กระทรวงมหาดไทย กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน เป็นนโยบายระดับชาติ และจัดตั้งคณะทำงานภายใต้กลไกคณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนของแต่ละจังหวัด เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนความปลอดภัย แก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการพัฒนาระบบจัดการรถรับ-ส่งนักเรียน ให้มีความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือคณะทำงานด้านความปลอดภัยในทุกจังหวัด เพื่อควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแล และให้คำแนะนำการจัดทำมาตรการความปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน และความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถรับ-ส่งนักเรียน เฝ้าระวังความเสี่ยง เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุ สนับสนุนการออกมาตรการนโยบายระดับจังหวัด เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนงานของเครือข่าย กำหนดให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) จังหวัดมีคณะทำงานด้านความปลอดภัยรถรับ-ส่งนักเรียนในทุกจังหวัดและมีการกำหนดว่าการรายงานต่อเนื่อง เน้นการมีส่วนร่วมของหน่วยงานท้องถิ่น นักวิชาการ และผู้ประกอบการ

ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ให้โรงเรียนมีการจัดทำระบบฐานข้อมูลรถรับ-ส่งนักเรียน กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานเรื่องความปลอดภัยการเดินทางและจัดทำทะเบียนข้อมูลรถแต่ละคันการกำหนดรูปแบบรถรับ-ส่งนักเรียนที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ทบทวนและแก้ไขระเบียบกระทรวงกำหนดให้โรงเรียน มีหน้าที่ดูแลและกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการระบบรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย ฯลฯ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมมือกับ ศธ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน สนับสนุนให้เกิดระบบบริหารจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนอัจฉริยะต้นแบบ ที่เหมาะสมตามบริบทของโรงเรียน ผู้ปกครอง ตามโครงการ “รถโรงเรียนรุ่นใหม่เด็กปลอดภัย (Smart School Bus)”

สั่งปราบแก๊งขายข้อมูล
วันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมแก๊งขายข้อมูล 15 ล้านรายชื่อว่า ได้กำชับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และมอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยช่วยเข้าไปกำกับดูแลและช่วยดู เรื่องนี้ด้วย โดยให้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์กลับมาเสนอแผน

ครม.อนุมัติเสริมเขี้ยวป.ป.ท.
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) เสนอปรับปรุงกฎหมาย ในส่วนของพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 จากเดิมที่มี 67 มาตรา ซึ่งจะมีการปรับแก้ 29 มาตรา บัญญัติใหม่ 14 มาตรา ยกเลิก 1 มาตรา รวมทั้งสิ้นจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 80 มาตรา โดยกฎหมายนี้มีการใช้มาแล้วถึง 16 ปี ซึ่งควรจะมีการปรับให้เข้ากับสมัย โดยกฎหมายฉบับนี้

ขณะร่างแก้ไขนั้นได้ออกแบบ รวมถึงให้กฤษฎีกาตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะมีการปรับให้มีอำนาจในการตรวจสอบมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ป.ป.ท. จะสามารถดำเนินการตรวจสอบได้ ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ส่งมอบให้เท่านั้น ดังนั้นป.ป.ท.เอง ก็ถือเป็นหน่วยงานในการตรวจสอบของฝ่ายบริหาร จึงควรมีการปรับแก้ ให้การทำงานไม่เกิดความทับซ้อน แต่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ในเรื่องการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ โดยจะสามารถไต่สวนชี้มูลได้ด้วยตนเอง ซึ่งตนมองว่า การทำในลักษณะนี้ จะเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตได้

นายสมศักดิ์กล่าวว่า กฎหมาย ป.ป.ท.ปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติ ในเรื่องของหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ร่างกฎหมายฉบับใหม่จะมีให้เปิดเผยได้ถึง 3 ขั้นตอน คือ 1.ก่อนการไต่สวน 2.เมื่อได้ดำเนินการไต่สวนแล้ว และ 3.คณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูล พร้อมกันนี้ยังมีอำนาจในเรื่องการออกหมายจับ โดยสามารถขอศาลออกหมายจับได้เอง รวมถึงดำเนินการจับ ปล่อยตัวชั่วคราว หรือจะมอบพนักงานสอบสวนทำแทน

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การปรับปรุงแก้กฎหมายที่ล้าสมัย ถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้กฎหมายนั้นใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม รวมถึงกฎหมายที่ดี ต้องไม่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกันด้วย การเสนอกฎหมายนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มอำนาจ หรือ แย่งอำนาจไป แต่เป็นการทำงานในภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเรื่องของการป้องกันการทุจริต รวมถึงการประพฤติมิชอบ ซึ่งในการแก้กฎหมาย ได้มีการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนมาแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนที่ตนจะเสนอกฎหมายนี้เข้าครม.และมีมติอนุมัติหลักการแล้ว จากนี้ ก็จะส่งเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน