เริ่มพค.67-ปรับขึ้นภายใน2ปี เด้งอธิบดีดีเอสไอนั่งรองปลัด ยธ.แจงไปทำงานใหญ่-สำคัญครม.อนุมัติตั้ง28ผู้ว่า-ผู้ตรวจฯ

ชี้แล้วขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ครม.ปรับฐานให้ผู้จบปริญญาตรีไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นและปวช. ไม่ต่ำกว่า 1.1 หมื่น ภายใน 2 ปี งบประมาณ พร้อมชดเชยข้าราชการเดิมที่มีฐานเงินเดือนต่ำกว่าฐานของผู้บรรจุใหม่จะให้ปรับเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยย้อนหลังด้วย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.หลังงบประมาณ 2567 ประกาศใช้ นอกจากนี้ยังอนุมัติแต่งตั้ง 18 ผู้ว่าฯ ใหม่ทั่วประเทศ พร้อมผู้ตรวจอีก 10 ตำแหน่ง ทั้งไฟเขียวย้าย ‘อธิบดีดีเอสไอ’ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยธ. ด้านรมว.ยุติธรรมแจงให้ไปช่วยขับเคลื่อนงานสำคัญ ยืนยันไม่เกี่ยวคดีหมูเถื่อน รัฐบาลคิกออฟแล้วเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละพันแต่ไม่เกิน 20 ไร่ โอนถึงมือภายใน 5 วันทำการทั่วประเทศ

ครม.อนุมัติเงินเดือนข้าราชการ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาวาระการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งมอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้แถลง

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอปรับฐานเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ เพื่อให้แข่งขันกับภาคเอกชน ปรับให้ทันสมัยขึ้น หลักใหญ่ๆ คือ ดูแลข้าราชการที่เข้าใหม่ โดยต้องปรับชดเชยจากกลุ่มอื่นๆ ให้เท่าเทียมกันอย่างมีแผนการ เพราะขณะนี้ยังมีช่องว่างอยู่ระหว่างภาคเอกชนกับข้าราชการ

ขรก.บรรจุใหม่เริ่มที่ 1.8 หมื่น
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับที่ต้องสอดคล้องกับตำแหน่ง ไม่ให้มากไปหรือน้อยไป ให้เป็นรัฐบาลที่ทันสมัย โดยจะต้องยึดโยงกับตำแหน่งที่ตั้งไว้ เพื่อปรับให้เหมาะสมตามแผนการที่ได้ยืนยันว่าทุกอย่างทำตามแผนการที่ได้หารือมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนขั้นต่ำในการปรับขึ้นเท่าไรนั้นมีขั้นตอนและมีแผนดำเนินการ 2-3 ปี ส่วนเพิ่มขึ้นจาก 15,000 บาทเท่าไรนั้น ขอให้ก.พ.ชี้แจงดีกว่า เพราะ วันนี้เห็นชอบในหลักการและให้กรอบเวลาในการจัดทำตามแผน

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยจะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นระยะเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567-2568 คาดว่าจะเริ่มต้นการขึ้นเงินเดือนงวดแรกได้ ภายหลังจากงบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีนี้

“การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ จะเริ่มต้นที่ข้าราชการบรรจุใหม่ก่อน โดยช่วง 2 ปีนี้จะปรับเพิ่มเงินเดือนให้ไปถึง 18,000 บาท ส่วนข้าราชการรุ่นพี่ที่เข้ามาแล้วเงินเดือนไม่ถึงจะปรับขึ้นไปเช่นกันเพื่อให้มีส่วนต่างของเงินเดือนเพิ่มขึ้นไปด้วย” นายดนุชากล่าว

เปิดแผนขึ้นเงินข้าราชการ
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอ เพื่อปรับฐานเงินเดือนใหม่และรายได้ต่างๆ ให้ผู้ที่จบปริญญาตรีและระดับ ปวช. ที่บรรจุเข้ารับราชการใหม่ โดยครม.มีมติเห็นชอบและให้หน่วยงานต่างๆ ไปดำเนินการได้เลย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567 แบ่งรายละเอียดออกเป็นกลุ่มดังนี้

1.การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่บรรจุใหม่จะปรับเพิ่มให้ 2 กลุ่ม โดยให้ภายใน 2 ปีจะปรับเพิ่มปีละ 10% ประกอบด้วย ผู้จบปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 18,000 บาท ผู้จบปวช. ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 11,000 บาท 2.เงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วยข้าราชการเดิมที่มีฐานเงินเดือนต่ำกว่าฐานของข้าราชการบรรจุใหม่จะให้มีการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยย้อนหลังให้ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ปรับฐานค่าครองชีพชั่วคราว
3.เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ปรับฐานเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวจากเพดานเดิม แบ่งเป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 13,285 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 13,285 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 14,600 บาท จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกิน เดือนละ 14,600 บาท

เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็น 11,000 บาท หากใครที่ได้รับเงินไม่ถึงจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 11,000 บาท

นายชัยกล่าวว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการครั้งนี้จะใช้งบประมาณในปีแรก คือปีงบประมาณ 2567 วงเงินประมาณ 7,200 ล้านบาท ส่วนปีที่ 2 คือ ปีงบประมาณ 2568 วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาท แต่ในการดำเนินการในปีแรกงบประมาณปี 2567 ยังไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้น วงเงินที่ใช้จริงจึงใช้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ส่วนงบประมาณช่วยเงินค่าครองชีพชั่วคราว ตั้งงบประมาณไว้ปีละไม่เกิน 3,000 ล้านบาท

อนุทินแจง-โผแต่งตั้ง 18 ผู้ว่าฯ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระทรวงมหาดไทย ว่า ตนลงนามไปตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว แต่เนื่องจากเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ นายกฯจึงแจ้งว่ารอให้ตนกลับมาแล้วค่อยเสนอครม. การแต่งตั้งเป็นอำนาจปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนตนมีหน้าที่นำส่งครม.ให้พิจารณาเท่านั้น ยืนยันว่ารายชื่อที่เสนอเป็นรายชื่อที่ตนลงนามไปก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะมีกรรมการ มีขั้นตอนการสรรหาเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบนี้มีรองผู้ว่าฯ ที่จะขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ด้วย ซึ่งต้องมีการสอบ ต้องผ่านคุณสมบัติ ต้องผ่านการคัดเลือกมา รัฐมนตรีไม่มีอำนาจ

เมื่อถามว่ามีกระแสว่า ครั้งที่แล้วไม่ได้เสนอเข้าครม.เพราะอยากเปลี่ยนรายชื่อ นายอนุทินกล่าวว่า “ไม่มี ความอยากมันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่จะเกิดขึ้นได้ไม่ได้ มันอยู่ที่ปลัด”

นายอนุทินกล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง รวมถึงคดี 112 ว่า ในสภาพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนอยู่แล้ว มาตรา 112 แตะไม่ได้

ครม.เด้งด่วนอธิบดีดีเอสไอ
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. รายงานข่าวจากที่ ประชุมครม. เผยว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงยุติธรรม ดังนี้ 1.พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม 2.พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

ขณะที่เฟซบุ๊กของ “DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ” โพสต์ภาพพร้อมข้อความของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า

“ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็น ผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว” พร้อมลงท้ายเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ

มือปราบคดี 99 ศพจ่อรักษาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคลที่รักษาการในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ แทน พ.ต.ต.สุริยานั้นตามกฎหมายจะเป็นหน้าที่ของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี ดีเอสไอ ลำดับที่ 1 จะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะแต่งตั้งอธิบดีหรือมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลใดมารักษาราชการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าระหว่างนี้รมว.ยุติธรรมจะออกคำสั่งให้ พ.ต.ต.สุริยาไปรักษาราชการรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในสัปดาห์หน้า และจะให้พ.ต.ท.ประวุธไปรักษาราชการอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ระหว่างรอขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ

สำหรับพ.ต.ต.ยุทธนา นั้นเป็นลูกหม้อของดีเอสไอ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 49 โอนย้ายจากตำรวจมารับราชการที่ดีเอสไอ ตั้งแต่ยุคก่อตั้งดีเอสไอ เป็นพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญ หลายคดี อาทิ คดีการเสียชีวิตคนเสื้อแดง 99 ศพ คดีทุจริตโกงหุ้น STARK หมื่นล้าน คดีปั่นหุ้นมอร์ (MORE) และกำกับดูแลคดี หมูเถื่อน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะขึ้นมารักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ

สำหรับ พ.ต.ต.สุริยา เริ่มต้นเข้ารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 แทนนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ที่ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สถาบันนิติ วิทยาศาสตร์ สลับกับพ.ต.ต.สุริยา ที่ดำรงตำแหน่งผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์อยู่ในขณะนั้น

‘ต๋อม’เผยผลหารือดันนิรโทษ
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการพูดคุยกับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ อดีตแกนนำ กปปส. เพื่อขอเสียงสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ช่วงที่ผ่านมาได้พูดคุยกับกลุ่มพันธมิตร กปปส. เสื้อแดง รวมถึงเยาวชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองนักกฎหมายอาวุโสหลายคนที่เคยเสนอเรื่องนิรโทษกรรมในอดีต รวมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนักสิทธิมนุษยชนเพื่อหาความเห็นร่วมที่เป็นไปได้ เพื่อสามารถเกิดการนิรโทษกรรมได้จริง ผลการตอบรับโดยเฉพาะจากกลุ่ม กปปส. และกลุ่มพันธมิตร ภาพรวมถือว่าดี แม้อาจมีบางกลุ่มที่ยังคงมีคำถามอยู่บ้าง ถือว่าได้โจทย์เพื่อดำเนินงานต่อ

พท.สงวนท่าทีรอดูรายละเอียด
ที่ทำเนียบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีพรรค เพื่อไทยจะเห็นด้วยกับร่างนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่า คงต้องให้ กก.บห. และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมถึงที่ประชุมพรรค เพื่อไทยพิจารณากัน เพราะต้องดูเนื้อหาสาระ เราไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ ต้องดูความเป็นไปได้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ได้รับผลกระทบตัวจริงหรือไม่อย่างไร ต้องดูตัวบทว่าสอดรับวัตถุประสงค์และมีอะไรเป็นข้อจำกัด หรือจะนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือไม่

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ว่า ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่ามีสาระสำคัญหลักการและเหตุผลอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคิดว่ารัฐสภาก็จะพิจารณาเมื่อถามว่าช่วงหาเสียงเพื่อไทยหยิบยกประเด็นนิรโทษมาใช้ด้วย นายประเสริฐกล่าวว่า ช่วงหาเสียงพรรคเน้นที่นโยบาย เรื่องนิรโทษกรรมเราไม่ค่อยได้พูดเท่าไร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อะไรที่ ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 เราก็จะเห็นด้วย แต่ถ้าเป็นความผิดที่เป็นเรื่องการเมืองจริงๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากก็ขอดูรายละเดียดของตัวร่างอีกครั้ง

เสริมแกร่ง – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือยกระดับการพัฒนาภาคการเกษตรระหว่าง 2 กระทรวง มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานสักขีพยาน ที่ทำเนียบ

โอนแล้ว 2 หมื่นช่วยเกษตรกร
เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันเป็นประธานกดปุ่มงาน KICK OFF มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ไร่ละ1,000 บาท ซึ่งเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นวันแรกแก่เกษตรกรจาก21 จังหวัด อาทิ หนองบัวลำภู เลย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ตาก เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ เชียงใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ มีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการเข้าถุง สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เป็นต้น

นายภูมิธรรมเปิดเผยว่ามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 โดยรัฐบาลเริ่มมาตรการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 ซึ่งมีเป้าหมายที่เกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน โดยจะจ่ายเป็น 5 งวด (28 พ.ย.- 2 ธ.ค.66) เริ่มจ่ายวันที่ 28 พ.ย.66 เป็นวันแรกครอบคลุม 21 จังหวัด จนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2566 จึงจะครบทั้ง 77 จังหวัด กรอบวงเงินรวมกว่า 54,336 ล้านบาท ผ่านบัญชีธ.ก.ส.

ไร่ละพัน – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นำทีมคิกออฟมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1 พันบาท ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 พ.ย.

ชาวนาขอบคุณ-ราคาข้าวก็ขึ้น
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่าวันนี้เป็นวันแรกที่โอนเงินได้และเมื่อครบ 5 วันก็ครบทั้งประเทศ ปีต่อไปให้มาลงทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อปรับปรุงกระบว นการผลิต อนาคตเราจะใช้เทคโนโลยีมาเสริมให้ผลผลิตสูงขึ้น จะได้เอาเงินก้อนนี้มาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากขึ้นเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่ดีกว่านี้

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ให้เงินไร่ละ 1,000 แก่เกษตรกร ขอบคุณรองนายกฯ และทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกร ราคาข้าว 1-2 วันนี้ขึ้นมาตันละ 13,000 บาท เป็นโอกาสดีของชาวนา เป็นระยะเวลา 17 ปี เพิ่งจะมีรัฐบาลชุดนี้ที่ราคาขึ้นมาสูง ข้าวขาวตันละ 10,000 กว่าบาท ข้าวเหนียว ตันละ 10,000 กว่าบาท ข้าวหอมมะลิ ตันละ 10,000 กว่าบาท ทำให้ชาวนาพออยู่ได้

ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอพพลิเคชั่น BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family ด้วย

นายกฯลุยเชียงใหม่ถกแก้ฝุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐาในการลงพื้นที่ภาคเหนือว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีควงภริยาร่วมงานเทศกาลเผาเทียนเล่นไฟลอยกระทงจังหวัดสุโขทัยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.แล้ว วันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง โดยเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 ต.สุเทพ จ.เชียงใหม่ เวลา 20.00 น. นายกฯ ร่วมพิธีลอยกระทง และชมและชมการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานในงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ที่สำนักเทศบาลนครเชียงใหม่ และพักค้างคืนที่จ.เชียงใหม่

จากนั้น วันที่ 29 พ.ย. เวลา 08.45 น. ประชุมหารือการป้องกันไฟป่า หมอกควัน และ PM 2.5 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ต.ช้างเผือก และประธานการปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคเหนือ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ก่อนไปศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 ต.ช้างเผือก เปิดกิจกรรม Kick Off จัดแนวกั้นไฟบริเวณดอยสุเทพร่วมกับภาคประชาชน

ลุยต่ออุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ภูเก็ต
ช่วงบ่าย เดินทางไปข่วงสันกำแพง ศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power ก่อนไปอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up/ YEC และเยาวชน ก่อนไปวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.ศรีภูมิ ชมการแสดง “ต่อยอดแสงหลวง บวงสรวงมหาเจดีย์ ป่าเวณียี่เป็ง ประจำปี 2566” และพบปะภาคเอกชนหารือแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเชียงใหม่

วันที่ 30 พ.ย. นายกฯไป จ.อุตรดิตถ์ เยี่ยมชมโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในอุตรดิตถ์และพบปะประชาชนในพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ก่อนไปศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อป ต.ศรีพนมมาศ เยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อป อ.ลับแล ติดตามความก้าวหน้าโครงการสำคัญของอุตรดิตถ์ ก่อนติดตามความคืบหน้าการออกเอกสารสิทธิของอ.ท่าปลา จากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ และโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรภูตู่ อ.บ้านโคก พักค้างคืนที่เขื่อนสิริกิติ์

วันที่ 1 ธ.ค. เยี่ยมชมโรงหล่อพระบูรณะไทย ที่ จ.พิษณุโลก ก่อนขึ้นเครื่องจาก จ.พิษณุโลก ไปสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต เพื่อเปิดศูนย์บริการด้านการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

รมว.ยุติธรรมแจงย้าย‘สุริยา’
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่าเหตุที่ต้องเสนอโยกย้าย สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ถูกย้ายไปดำรงเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้อธิบดีกรมพินิจฯ ว่างลง จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย พ.ต.ท.ประวุธ จากรองปลัดไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว และเนื่องจากตำแหน่งรองปลัด มีความสำคัญต้องขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงในภาพรวม กำกับงานของกรมในกลุ่มภารกิจ รวมทั้งประสานงานหน่วยงานต่างกระทรวง ซึ่ง พ.ต.ต.สุริยา มีประสบการณ์ผ่านงานระดับอธิบดี ที่ปรึกษาหลายหน่วยงาน จึงเป็น ผู้มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งรองปลัด โดยเฉพาะการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

“กระทรวงยุติธรรมจะมุ่งมั่นสร้างศักยภาพและความเชี่ยวชาญของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้านการสืบสวนสอบสวน ยกระดับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดของผู้ทรงอิทธิพลและการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในทุกรูปแบบ เพื่อปกป้องคุ้มครองและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ที่พ.ต.ต.สุริยา เป็นส่วนหนึ่งในทีมบริหารกระทรวงด้วย” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ยืนยันไม่เกี่ยวคดีหมูเถื่อน
รมว.ยุติธรรมชี้แจงต่อว่าการแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงยุติธรรมครั้งนี้ คำนึงถึงความรู้ความสามารถของผู้รับแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงเอกภาพและความรู้ความสามารถในการบังคับบัญชา โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือมีอคติใดๆ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีครม.เด้งอธิบดีดีเอสไอ ว่า ไม่ใช่เป็นการเด้ง แต่เป็นการบริหารราชการของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกกระทรวงจะมีการโยกย้าย เมื่อถามว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องหมูเถื่อนใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ท่านก็ทำหน้าที่มาดีอยู่แล้ว

‘สุทิน’แจงตั้ง‘จิรายุ’โฆษกกห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกระทรวงกลาโหมเผยแพร่คำสั่งนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่องการแต่งตั้งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ประสานงานโฆษกของกองทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ รวมทั้งกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชน ในภารกิจต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมนั้น

ล่าสุด นายสุทินยอมรับว่าได้ลงนามแต่งตั้งนายจิรายุ เป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงประเด็นเรื่องการเมือง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับกองทัพก็ให้เป็นหน้าที่ของโฆษกกระทรวงกลาโหม ข้าราชการฝ่ายประจำ เหตุที่ต้องแบ่งหน้าที่ให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากว่าข้าราชการประจำซึ่งเป็นทหารอาจไม่สะดวกในการที่จะออกมาตอบโต้ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเมือง เพราะมีเรื่องระเบียบวินัย

ครม.แต่งตั้ง 18ผู้ว่า10ผู้ตรวจฯ
วันที่ 28 พ.ย. ที่ประชุม ครม.มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) 28 ราย เป็นการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด 18 ราย ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงอีก 10 ราย ดังนี้

1.นายชำนาญ ชื่นตา รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เป็นผู้ตรวจฯ 2.นายชูชีพ พงษ์ไชย รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ตรวจฯ 3.นายณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าฯ เลย เป็นผู้ตรวจฯ 4.นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้ตรวจฯ 5.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าฯ ตาก เป็นผู้ตรวจฯ

6.นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าฯ เชียงราย เป็นผู้ตรวจฯ 7.นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ตรวจฯ 8.นายอลงกต วรกี รองผู้ว่าฯ อุทัยธานี เป็นผู้ตรวจฯ 9.นายอังกูร ศีลาเทวากูล รองผู้ว่าฯ ราชบุรี เป็นผู้ตรวจฯ 10.น.ส.เอกรัตน์ นาคาคง รองผู้ว่าฯ อ่างทอง เป็นผู้ตรวจฯ

11.นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าฯ กระบี่ เป็น ผู้ว่าฯ กระบี่ 12.นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าฯ ระยอง เป็น ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ 13.นายทรงกลด สว่างวงศ์ รองผู้ว่าฯ ตรัง เป็น ผู้ว่าฯ ตรัง 14.นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็น ผู้ว่าฯ ตราด 15. ว่าที่ร.ต.ตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าฯปัตตานี เป็นผู้ว่าฯ นราธิวาส

16.นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ รองผู้ว่าฯ น่าน เป็น ผู้ว่าฯ น่าน 17.นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ รองผู้ว่าฯบึงกาฬ เป็น ผู้ว่าฯ บึงกาฬ 18.นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าฯ ชลบุรี เป็น ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ 19.นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ พะเยา 20.นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าฯ ปทุมธานี เป็นผู้ว่าฯ พิจิตร

21.นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา เป็น ผู้ว่าฯ ยโสธร 22.นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าฯ นครสวรรค์ เป็น ผู้ว่าฯ ระนอง 23.นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เป็น ผู้ว่าฯเลย 24.นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าฯ หนองคาย เป็น ผู้ว่าฯ สกลนคร 25.นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม เป็น ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม

26.นายสุเมธ ธีรนิติ รองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เป็นผู้ว่าฯ สิงห์บุรี 27.ว่าที่พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ เป็น ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ 28.นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าฯ ลำปาง เป็น ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน