ควงพัชรวาทแก้ PM2.5 ปลดอธิบดีแต่ไม่สะดุด ดีเอสไอลุยต่อหมูเถื่อน ตั้งประยุทธ์องคมนตรี

‘ดีเอสไอ’เดินหน้าลุยปราบหมูเถื่อนต่อเนื่อง พบองค์กรใหม่เกี่ยวข้องขบวนการ มีเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีบุคคลรายใดหรือนิติบุคคลใดถูกจับกุมมาก่อน เผยพบการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องแล้วจำนวนหลายพันตู้ พร้อมเงินหมุนเวียนของบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนหลักพันล้านบาท เชียงใหม่กรี๊ด ‘เศรษฐา’ เยือนถิ่นสันกำแพง ชาวบ้านพร้อมใจกัน ชูป้ายพรึบ เชื่อมั่นแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ฮ้องหาเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท-ช่วยแก้หนี้นอกระบบ ‘มาดามเดียร์’ ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม แถลงเปิดตัวลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้าน ‘นราพัฒน์’ มั่นใจพร้อมสู้เป็นทางเลือก 2 สส.ก้าวไกลที่ถูกขับได้พรรคสังกัดแล้ว ‘ปูอัด’ เปิดใจซบไทยก้าวหน้า ขณะที่ ‘แจ้’ เข้ารังสุวัจน์อยู่ชาติพัฒนากล้าทันเส้นตาย

‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’ร่วมงานยี่เป็ง
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประเพณียี่เป็ง เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ย.ที่บริเวณสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ก่อนที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และน.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะะรองประธานคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ร่วมพิธีลอยกระทงกับประชาชน และ ชมการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิง ถ้วยพระราชทาน ในงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิดค่ำคืนแห่งสายนทีวิถีแห่งวัฒนธรรม ว่า ในช่วงหัวค่ำมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทยอยเดินทางมาจับจอง ที่นั่ง เพื่อชมไฮไลต์ของงาน คือ ขบวน แห่กระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทาน งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 โดยขบวนเริ่มจากบริเวณข่วงประตูท่าแพ จนถึงหน้าสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ สำหรับความสำคัญของการแห่ขบวนกระทงใหญ่ ครั้งนี้คือการมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐ ประชาชน เอกชน รวมถึงทูตต่างประเทศ ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์กระทงปีนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 22 ขบวน

บรรยากาศการลอยกระทงเป็นไปอย่างสวยงาม คึกคัก มีการแสดง แสง สี เสียง การจุดพลุไฟ ซึ่งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร่วมลอยกระทง รวมทั้งกระทงสายที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้กาบกล้วยจุดเทียน และปล่อยออกไปตามสายน้ำไหลเป็นทางยาวสวยงาม

เชิญชวนท่องเที่ยวคลองแม่ข่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนร่วมงาน ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 น.ส.แพทองธารได้เดินสำรวจตลาดคลองแม่ข่า ซึ่งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของ จ.เชียงใหม่ เป็นคลองสายเล็กๆ ระยะทางประมาณ 750 เมตร ที่ได้รับการรีโนเวตปรับปรุง จนคล้ายกับคลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ฉายาจากนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งว่าเสมือน “คลองโอตารุเมืองไทย” ซึ่งระหว่างเดินสำรวจตลาด มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาขอถ่ายเซลฟี่และทักทายพูดคุยซึ่งกันและกันอย่างเป็นกันเอง

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นครั้งแรกในการมาที่คลองแม่ข่า ซึ่งบรรยากาศดีมาก ในช่วงเทศกาลคนจะเยอะเป็นพิเศษ แต่ส่วนตัวเห็นว่าแม้ไม่ใช่หน้าเทศกาลก็น่ามาเดิน ท่องเที่ยว คลองแม่ข่ามีทั้งกิจกรรมและร้านค้าที่น่ารักมากมาย หากจะนำไปเชื่อมโยงกับซอฟต์เพาเวอร์ก็สามารถสามารถเชื่อมโยงได้กับทุกเรื่อง แต่ตนมองว่าเป็นอีกที่หนึ่ง ที่ทำให้ชาวต่างชาติหรือคนไทยมาเที่ยวสัมผัสความน่ารัก คล้ายกับของโอตารุ แม้ไม่ใช่ ฤดูหนาวแต่สามารถมาเที่ยวได้

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า หลังจากนี้ จนไปถึงเทศกาลปีใหม่จะมีงานที่จัดงานขึ้นโดยภาครัฐและภาคเอกชนรวมกัน 3,000 งาน แต่งานใหญ่จะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จัดพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน ช่วยกันโปรโมต และจะเป็นการ เคานต์ดาวน์ที่มีความเอ็นจอย ส่วนเทศกาลสงกรานต์จากเดิมที่มีแค่สามถึงสี่วัน เราจะจัดทั้งเดือนเม.ย. เป็นซัมเมอร์ เฟสติวัล ของเดือนเม.ย.

ส่วนกระแสความนิยม “กางเกงช้าง” ที่ขยายไปหลายจังหวัดจนเริ่มมีกางเกงแมวของจ.นครราชสีมา และลายอื่นๆ เกิดขึ้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นไอเดียที่ดี ถ้ามีครบทั้ง 77 จังหวัดตนจะสะสมให้ครบ ซึ่งต้องไปดูว่าจะสามารถสนับสนุนเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ส่วนตัวเห็นแล้วรู้สึกชอบมาก

นายกฯประชุมรับมือไฟป่า-ฝุ่นพิษ
สำหรับการลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ เป็น วันที่สองในวันเดียวกันนี้ เวลา 10.15 น. นายเศรษฐาประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2567 และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

จากนั้น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตัวแทน ผู้ว่าราชการฯ จากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ และรับฟังรายงานการสรุปจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ โดยสาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญคือ ไฟป่า, การเผาเศษวัสดุการเกษตร และปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน

ชม 11 ผวจ.เหนือมุ่งมั่นเอาจริง
หลังนายเศรษฐาฟังรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 อย่างละเอียดและตั้งใจจาก 8 หน่วยงาน-ภาคประชาสังคม บางช่วงได้สอบถามเจาะลึกประเด็นต่างๆ กับผู้ที่กล่าวรายงานเป็นระยะ เพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดเพิ่มเติม และกล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มาประชุมวันนี้เป็นสัญญาณที่ดีสุด ดูได้จากแววตาคนที่มานำเสนอวันนี้ เป็นคนที่มีความจริงใจรับทราบถึงปัญหานี้อย่างถ่องแท้ และอยากให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป ตนใช้คำพูดระมัด ระวัง “น้อยลงไป” เพราะหากพูดว่า “หมดไป” คงลำบาก เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า จากที่ฟังการรายงานมาทั้งหมดตนขอแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก เริ่มจากปัญหารถยนต์ที่มีปัญหาท่อไอเสีย อันนี้เป็นองค์ประกอบอันหนึ่งแต่ไม่ได้ใหญ่มากและเชื่อว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะการ ใช้รถยนต์ที่มีสันดาปหรือฝุ่นควันก็ลด น้อยลงไปแล้ว และมีการใช้รถอีวีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลขที่สูงขึ้น มากกว่า 5% ขึ้นไป

“เมื่อคืนมาถึงเชียงใหม่มาร่วมงาน ลอยกระทง ได้เชิญผู้บริหารของบริษัท เทสลา ซึ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้มาที่นี่เพื่อผลิตและส่งออกตรงนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีว่าประเทศเราให้ความสนใจกับเรื่องนี้ในอนาคตไม่แน่ใจจะใกล้หรือไกลขนาดไหนแต่คิดว่าไม่เกิน 10 ปีการใช้รถอีวีขึ้นก็จะสามารถทำให้ PM 2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ลดน้อยลงไปอย่างมีนัยยะ” นายเศรษฐากล่าว

ส่วนกรณีเอ็นจีโอเสนอเรื่องการใช้ งบประมาณทำงาน ยืนยันว่ารัฐบาลอยากทำงานใกล้ชิดกับภาคประชาชนอยู่แล้ว เป็นนโยบายใหญ่ของรัฐบาลนี้อยู่แล้ว แต่อยากให้ภาคเอกชนทำงานกับราชการฝ่ายความมั่นคง ดูก่อนว่ามียุทโธปกรณ์เพียงพอที่จะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่

ปัจจุบันเรามีมือถือทุกคน เวลาเดินทางไปไหนก็เช็กสภาพอากาศ จำได้ว่าเดือนมี.ค.ปีที่แล้วตนเช็กค่าฝุ่นท็อป 10 ของโลก พบว่า 5 ที่อยู่ที่ภาคเหนือของไทย ตรงนี้ท่านไม่ต้องมาบอกว่าทำไมถึงการท่องเที่ยวไม่ดีอย่างที่ควร

ย้ำให้ความสำคัญอากาศสะอาด
นายกฯ กล่าวต่อว่าตนคิดว่าในที่นี้ตระหนักดีอยู่แล้ว รัฐบาลก็หนักดีอยู่แล้ว เราใช้นโยบายเป็นตัวกระตุ้นในการท่องเที่ยว ผู้ว่าฯ เองก็ได้ช่วยเหลือให้สนามบินเปิดได้ 24 ชั่วโมงรัฐบาลก็ออกวีซ่าฟรีให้กับคนจีน อินเดีย ไต้หวัน คาซัคสถาน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักในการที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ถ้าเขาไปกรุงเทพฯ เขาไปภูเก็ต อากาศดีกว่าเชียงใหม่ เราอยากให้เขามาเชียงใหม่ด้วย อยากให้มาเมืองรอง อยากให้มาเมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลายมาใช้เวลาที่ยาวกว่าอยู่ในประเทศไทย การที่ ไม่ได้มาเดือน ก.พ.และมี.ค.เพราะอากาศไม่สะอาด ส่วนที่เสนอให้มี 11 ป่าอนุรักษ์เราก็ทำให้ทันที รองนายกรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จริงๆ มีข้อมูลที่เป็นเรื่องดีๆ เยอะมาก เราเองอยากนำข้อมูลไปพูดคุยและ หาทางออกที่ดี

“ผมยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับเรื่องอากาศสะอาด และการแก้ปัญหาฝุ่นควัน ถ้าคิดดูจริงๆ แล้วสิทธิพื้นฐานของมนุษยชนเราเรียกร้องกันหลายเรื่อง แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดและควร ที่ประชาชนจะได้คืออากาศสะอาดซึ่ง เป็นของฟรี ถ้ารัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ไม่สามารถทำให้มันดีขึ้นได้ผมว่าเรามีปัญหา ฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ทุกท่านตระหนักดีและเข้าใจว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ” นายเศรษฐากล่าว

จากนั้นนายเศรษฐาเยี่ยมชมบูธของหน่วยงานต่างๆ แนะนำให้บริษัทเอกชนนำวัสดุจากธรรมชาติไปใช้ และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมกล่าวมอบนโยบายให้กับอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ จากนั้นเยี่ยมชมรถ หน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ของกรมควบคุมมลพิษ ก่อนพบปะพูดคุยกับอาสาสมัครและประชาชนโดยให้กำลังใจและขอบคุณกับชนเผ่าบนดอยปุยที่ช่วยกันดูแลป่าและขอให้ปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น

รอ1หมื่น – ชาวบ้านจำนวนมากออกมาต้อนรับนายกฯ ที่เดินทางมาอ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับชูป้ายข้อความ อาทิ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ’ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.

ถึงสันกำแพง-ฮ้องหา1หมื่น
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. นายเศรษฐาเดินทางถึงข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธารจะมาร่วมงานด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งว่าน.ส.แพทองธารส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน เนื่องจากติดภารกิจ

ทันทีที่นายเศรษฐามาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความ อาทิ “คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่าน นายกฯ ช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณ นายกฯ ทำให้มีอากาศหายใจ, ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯ เศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์เพาเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย” นายเศรษฐาเดินทักทายชาวสันกำแพง พร้อมถือป้ายรูปน.ส.แพทองธาร ทำให้ชาวสันกำแพงโห่ร้องดีใจ เมื่อชาวบ้านระบุว่า “เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ“ เรียกเสียงปรบมือจาก ผู้มาร่วมงาน แต่นายเศรษฐายิ้ม พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ

จากนั้นเยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอท็อป พร้อมเขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มผ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม “กางจ้อง” ให้ช่างภาพสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก อย่างอารมณ์ดี เสร็จแล้วเยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งได้นำเครื่องปั้น ดินเผาช้าง มาให้นายกฯเขียนชื่อ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล พร้อมอธิบายถึงลวดลายบนตัวช้าง ซึ่งมีตัว S บนตัวช้าง ซึ่งมีความหมายคือ “เศรษฐา” และช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อที่นายกฯ จะได้นำความสุขกลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้มีความสง่างาม ภายหลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าฯ เชียงใหม่ไปให้นายกฯ และมอบข้าวต้มมัด โดยระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯ ได้ชิม”

ซอฟต์เพาเวอร์ – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชื่นชมและเขียนชื่อบนช้างศิลาดล ระหว่างเยี่ยมชมและหารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ที่ข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.

ลั่นลุยตลาดซอฟต์เพาเวอร์
นายเศรษฐาได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power ว่า การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เดินเข้ามาผลิตภัณฑ์สวยมาก ดูจากแววตา และสีหน้าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างดีเลิศ และเข้าใจความต้องการของตลาดด้วย แต่ การที่เราเข้าใจตลาดและทำสินค้าที่ดีออกมา บางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคนที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์ เพาเวอร์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำทุกๆ ประเทศ เน้นย้ำความสำคัญการเป็นคู่พาณิชย์ทั้งหลาย ความสำคัญของการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเรามีสินค้าดี ควรต้องเอาไปเผยแพร่ ไปสร้างตลาดสร้าง รายได้ให้กับประชาชนคนไทยทุกคน เราจะมีดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่ชัดเจน ต่อไปนี้จะต้องไปขายของ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือ พวกท่านให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า

นายเศรษฐากล่าวต่อว่าตนเคยคุยกับรัฐมนตรี อยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัดโอท็อป ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี เราจะจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มาแสดงสินค้า อาจจะเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำต่างประเทศ เมื่อไรที่ท่านกลับมาจะได้มาดูและอาจต้องใช้ดัชนีชี้วัดความสำเร็จด้วย อันนี้เป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ ที่อยากให้มีเรื่องการตลาด อีก 2 สัปดาห์ตนจะไปญี่ปุ่น อาจจะเชิญตัวแทนผู้ประกอบการไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พวกท่านทราบอยู่แล้วว่า แพ็กเกจจิ้งของประเทศญี่ปุ่นสวยมาก หน้าที่ของรัฐบาลต้องสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

กางจ้อง – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กางจ้องร่มพื้นเมืองให้ชาวบ้านระหว่างเยี่ยมชมและหารือแนวทาง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ที่ข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.

หารือสตาร์ตอัพนักศึกษามช.
เวลา 15.10 น. ที่ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายเศรษฐาร่วมวงหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up โดยออกร้านของผู้ประกอบการรุ่นใหม่และนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จแล้วเบื้องต้น ในการมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง เช่น เซรามิก, อาหาร, เครื่องดื่ม, ไอศกรีม โฮมเมด, เทคโนโลยีทางการแพทย์ เป็นต้น ผู้ประกอบการแต่ละร้าน ได้นำเสนอผลงานและแรงบันดาลใจให้ นายกฯ ได้รับฟัง

นายเศรษฐากล่าวกับนักศึกษาว่าตนรู้สึกเป็นแผลในใจ เสียดายที่บ้านเรามีประชากร 68 ล้านคน หลายคนมีความคิดมีความฝัน แต่เราไม่มียูนิคอร์นแม้แต่คนเดียว ไม่มีบริษัทไหนที่จะมองเห็นตรงนี้ ดังนั้นหากรัฐบาลสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ตนอยากผลักดัน ตนจะหาโอกาสพาตัวนักศึกษาที่เป็นผู้ประกอบการไปเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐ เพราะจากที่เคยไปมา ที่มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด ตนเห็นแล้วขนลุก ทั้ง คัตเอาต์ปากกา แม้แต่แฟ้ม เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ Apple ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ ซึ่งเมื่อครั้งที่ตนไปตนเอ่ยปากกับผู้บริหาร Apple ว่าอยากให้มาเป็นสปอนเซอร์ให้มหาวิทยาลัยในประเทศไทยบ้าง และตนมองว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีบรรยากาศที่จะเกิดขึ้นได้

จากนั้น นักศึกษาได้ขอบคุณนายกฯ ที่มองเห็นปัญหาและให้โอกาสนักศึกษา พร้อมระบุว่า ยังไม่หวังไกลถึงขั้นเป็น ยูนิคอร์น หากได้รับโอกาสขอเป็น “โพนี่” แล้วค่อยๆ เติบโตไปเป็นยูนิคอร์นต่อไป ในอนาคต

นายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้มาดูไอเดียเห็นแววตาทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานอย่างจริงจัง ขอขอบคุณคณาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ และเป็นความหวังที่จะให้เด็กทุกคน ตนเชื่อว่าภายในระยะเวลา 4 ปี ที่รัฐบาลนี้อยู่ ประเทศไทยต้องมียูนิคอร์น และหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเป็นตัวกลางให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยมีซอฟต์เพาเวอร์อะไรบ้าง ไอเดียที่ดีจะต้องมีตลาดก่อน ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำ มองในมุมมองของ ผู้ซื้อ หากตลาดไม่มีก็ไปไม่ได้ อยากทำอะไรก็ต้องคิดก่อนว่ามีตลาดหรือไม่ เพราะถ้าฝืนตลาดจะขายไม่ได้

เข้าชมวัดเจดีย์หลวง
เมื่อเวลา 19.30 น. ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ นายเศรษฐาเข้ากราบนมัสการพระกิตติวิมล (อัมพร กตปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง รวมทั้งสนทนาธรรม ท่านเจ้าคุณพระกิตติวิมล กล่าวว่า ดีใจที่นายกฯ เดินทางมา ถือว่ามาช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวให้วัดด้วย ซึ่งวัดเปิดให้เข้าชมจนถึงเวลา 22.00 น.เพื่อรับนักท่องเที่ยว เพราะวัดอยู่ได้เพราะการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวเป็นนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่นายกฯ โปรโมตมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ถึงวันละ 3,000 คน

จากนั้น ท่านเจ้าคุณพระกิตติวิมล นำนายกฯ เยี่ยมชมภายในบริเวณวัด เมื่อมาถึงตรงบริเวณด้านหน้าองค์พระเจดีย์หลวง นายกฯ ถวายสะเปาคำ และผางประทีป สักการะพระพุทธเฉลิมสิริราช หรือพระแก้วหยกเชียงใหม่ ที่ประดิษฐานอยู่บนซุ้มองค์พระธาตุเจดีย์หลวง ก่อนชมการแสดงแสงสีเสียง “ต่อยอดแสงหลวง บวงสรวงมหาเจดีย์ ป๋าเวณียี่เป็ง ประจำปี 2566” และก่อนขึ้นรถเดินทางกลับที่พัก นายเศรษฐากล่าวว่า “ขอให้บ้านเมืองสงบ ขอให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

ลุยต่อลงพื้นที่อุตรดิตถ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 30 พ.ย. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปยังจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเยี่ยมชมโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก พร้อมติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดอุตรดิตถ์และพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมเดินทางต่อไปยังศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ต.ศรีพนมมาศ เพื่อเยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) อำเภอลับแล และติดตามความก้าวหน้าโครงการสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว เมืองลับแล เมืองมหัศจรรย์ของผลไม้ เมืองงาม 3 วัฒนธรรมบ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก,โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ของประชาชน (Soft Power of Uttaradit)

จากนั้น ติดตามความคืบหน้าการออกเอกสารสิทธิของอำเภอท่าปลาจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ และโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรภูตู่ อำเภอบ้านโคก และพักค้างคืนที่เขื่อนสิริกิติ์ โดยในวันที่ 1 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมโรงหล่อพระบูรณะไทย ที่จ.พิษณุโลก ก่อนเดินทางขึ้น เครื่องบินจากจ.พิษณุโลก ไปยังสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นประธานเปิดศูนย์บริการด้านการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

‘มาดามเดียร์’เปิดตัวชิงหน.ปชป.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก่อนแถลงเปิดตัวลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ ก่อนแถลงว่า ตนตั้งใจขอเสนอตัวเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธ.ค. เราจะเริ่มต้นด้วยการทำการเมืองใหม่ที่ซื่อตรงและจริงใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เห็นว่ามีความเหมาะสม แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรพร้อมที่จะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ต่อไป

สำหรับทีมงานนั้น น.ส.วทันยากล่าวว่าขอยังไม่เปิดตัว เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เลือกคนที่ตัวบุคคลหรือมีความสัมพันธ์เป็นอย่างไร อยากทำการเมืองที่ก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ อยากทำการเมืองสร้างสรรค์ ยืนยันว่าสามารถร่วมงานกันได้กับทุกคนไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร และขอย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่ได้เกี่ยวกับการเจรจาใดๆ และได้กราบเรียนผู้ใหญ่ทุกคน รวมถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคหรือไม่ ถึงความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรค ไม่ว่านายเฉลิมชัยจะตัดสินใจอย่างไร ตนพร้อมยอมรับ (อ่านรายละเอียดหน้า 7)

‘นราพัฒน์’ยันแข่ง‘มาดามเดียร์’
วันเดียวกัน นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคเหนือ ผู้เสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังยืนยันลงชิงหัวหน้าพรรคเช่นเดิม ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเปิดโอกาสให้กับทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นการที่น.ส.วทันยา ลงชิงหัวหน้าพรรค จะทำให้ภาพดีขึ้น เท่ากับว่าพรรคประชา ธิปัตย์ต้องการการเปลี่ยนแปลง และมีคนรุ่นใหม่ๆ สนใจเข้ามาร่วมบริหารและปรับปรุงพรรค และผสมผสานกับคนรุ่นเดิมๆ ได้ จึงถือเป็นภาพที่ดีและเป็นจุดแข็งของพรรคที่จะสามารถอธิบายกับพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาสร้างมนต์ขลังอีกครั้งหนึ่ง

ภายหลังการเลือกหัวหน้าพรรคแล้ว ต้องมีคนที่แพ้แล้วออกไป แต่หากคิดว่าเราเป็นประชาธิปไตยจริงและพรรคเป็นประชาธิปไตยจริง ควรต้องยอมรับเสียงข้างมาก และหากตนชนะการเลือกตั้ง น.ส.วทันยาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในแผนที่ตนจะดึงมาร่วมงาน โดยให้ช่วยในเรื่องการสื่อสารองค์กร ซึ่งถือเป็นงานที่ น.ส.วทันยาถนัดอยู่แล้ว และหากน.ส.วทันยาชนะ ขึ้นอยู่กับน.ส.วทันยาว่าจะใช้บริการตนหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์และอำนาจของ คนที่ได้รับฉันทามติจากสมาชิก

ทำใจถ้าปชป.แตก-ไม่อยากเห็น
สำหรับข้อเสนอที่ให้ลดสัดส่วนองค์ประชุมสส.ที่จะใช้ในการโหวต 70 ต่อ 30 นั้น นายนราพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าผ่านไปตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้วว่าการกำหนดสัดส่วนองค์ประชุม 70 ต่อ 30 ซึ่งถูกใช้มาทุกครั้ง หากจะมายกเว้นในครั้งนี้จะดูว่า เหมือนการยกเว้นเฉพาะกิจแล้วเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม จึงเห็นว่าควรต้องเป็นไปตามครรลองเดิม และหากเสียงส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะยกเลิก เป็น 60 ต่อ 40 หรือเท่าเทียมกันหมด น่าจะเป็นการเลือกตั้งในครั้งครั้งถัดไป เพราะเรายังมีเวลาในการที่จะปรับโครงสร้าง หรือแก้ไขข้อบังคับ หรือเขียนกฎกติกาอะไรเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย เพราะเรื่องนี้มี การวิจารณ์กันมากในการประชุมครั้งที่แล้วว่าในอดีตที่เคยทำมาให้สัดส่วนใน การโหวตสส. 70% แล้วเหตุใดครั้งนี้สส. ที่ได้มา 25 คน ไม่มีความหมายหรืออย่างไร แล้วจะไปลดทอนสิทธิ์สส.เหล่านั้นเพื่ออะไร

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแล้วพรรคประชา ธิปัตย์จะแตก นายนราพัฒน์กล่าวว่า อะไรจะเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง แต่ถามว่าในนามของสมาชิกพรรคและอยู่กับพรรคมานาน ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จึงเรียกร้องมาตลอดว่า พรรคจะเดินหน้าได้ต้องมีเอกภาพ ฉะนั้นเราต้องมาร่วมกันสร้างเอกภาพ ต้องมีวินัย เคารพมติ แล้วพรรคจะเดินไปข้างหน้าได้ ถ้าต่างคน ต่างคิดต่างทำ ก็ไม่มีความเป็นเอกภาพ สุดท้ายหลายคนห่วงว่าพรรคจะไปไม่ได้และพรรคจะแตก ดังนั้นอยู่ที่พวกเราต้องช่วยกัน

‘ปูอัด’เปิดใจเข้า‘ไทยก้าวหน้า’
นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ถูกขับออกจากพรรคเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ปมถูกกล่าวหา กระทำการคุกคามทางเพศ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้เข้าสังกัดพรรคไทยก้าวหน้า (ทกน.) แล้ว เบื้องต้นได้ไปยื่นแจ้งที่สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ถือว่าขั้นตอนทางธุรการใกล้จะเสร็จเรียบร้อย และคาดว่าน่าจะเสร็จก่อนวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนดแน่นอน หลังจากนี้จะเปิดตัวในสังกัดพรรคใหม่ได้ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งวันนี้รู้สึกสบายใจที่เรายังมีโอกาสได้ทำงานต่อตามเจตนารมณ์ และตามความคาดหวังในการเป็นสส.สักครั้ง เพื่อสร้างประเทศในฝัน โดยเฉพาะสิ่งที่ตั้งใจทำในฐานะสส.เขตคือ ปิดตำนานถนนพระราม 2 ที่สร้างมากว่า 50 ปี ซึ่งเป็นโครงสร้างของราชการในตำนาน และพยายามสร้างพื้นที่สีเขียวในเขตจอมทอง เพราะไม่แน่ใจว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้า จะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคไทยก้าวหน้ามีเงื่อนไขอะไรในการเข้าสังกัดหรือไม่ นายไชยามพวานกล่าวว่า ตนเป็นคนเสนอเงื่อนไขมากกว่า ไม่ใช่พรรคไทยก้าวหน้ามีเงื่อนไข ด้วยเหตุผลที่ว่า มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ตอนสังกัดพรรคก้าวไกล ว่าขอให้โอกาสในการทำงานตามเจตนารมณ์ของตน

นายวัชรพล บุษมงคล หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ว่า นายไชยา มพวาน ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกด้วยตนเองเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ส่วนเหตุผลที่เข้าสังกัด จากการพูดคุยคือ ชอบชื่อพรรคและก่อนหน้านี้มีความคิดว่าอยากจดทะเบียนตั้งพรรคร่วมกับนายนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ส่วนเหตุผลที่พรรครับเข้าสังกัด เพราะเห็นความตั้งใจทำงาน เป็นคนรุ่นใหม่และทำประโยชน์ให้สังคมประเทศชาติได้ ส่วนเรื่องคดีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหา ถูกการพิพากษาทางสังคมไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น เชื่อว่าเขาจะมีการปรับเปลี่ยน เพราะเขาได้รับบทเรียน เป็นความเข็ดหลาบแล้ว

“เขาได้พูดข้อเท็จจริงให้ฟัง และฟังแล้วมีเหตุ เพราะไม่ใช่เป็นโดยนิสัยของเขา ส่วนหนึ่งสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ ถือว่า เป็นการให้โอกาสเขาที่ทำงานการเมือง ไม่ใช่ปิดโอกาสหรือประหารชีวิตทางการเมือง ไม่เป็นธรรมกับเขา ต้องให้โอกาสทำงานการเมืองต่อไป” นายวัชรพลกล่าว

เมื่อถามว่าพรรคไม่กลัวทัวร์ลงหรือ เพราะอาจถูกมองว่าให้โอกาสคนที่คุกคามทางเพศ นายวัชรพลกล่าวว่า พรรคให้โอกาสเขาทำงานการเมือง พิสูจน์ตัวเองในการทำงานการเมือง ดังนั้นทัวร์จะลง หรือไม่ ตนพร้อมอธิบายว่าพรรคมีเหตุผลในการพิจารณา และในวันที่ 30 พ.ย. ได้นัดพูดคุยกับนายไชยามพวาน ถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน

‘สส.แจ้’ซบพรรคชาติพัฒนากล้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคไทยก้าวหน้า มีนายวัชรพล เป็นหัวหน้าพรรค ที่ได้ เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 26 มี.ค.2566 ซึ่งนายไชยามพวานจะเป็นสส.คนแรกของพรรค โดยตามกระบวนการต้องจัดประชุมพรรคเพื่อลงมติรับนายไชยามพวานเข้าพรรคต่อไป

ต่อมา น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ปี 2562 ยังเดินหาเสียงกับไอติม (นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล) และเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อยู่เลย แต่บอกว่าโตมากับอนาคตใหม่ เดินหน้ารณรงค์แก้รัฐธรรมนูญมากับไอลอว์ แต่บอกตอนนี้ว่าไม่แก้ 112 ล่วงละเมิดทางเพศทีมงานถึง 3 คน แต่บอกว่าทีมงานสมยอม พรรคไทยก้าวหน้าเลือกแล้วที่จะเชื่อสิ่งเหล่านี้ และเชื่อว่าอุดมการณ์ตรงกัน ขอให้พรรค เจริญๆ กับสส.คุณภาพหนึ่งเดียวนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นาย วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากพรรค กรณีการคุกคามทางเพศ และต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วันนั้น ล่าสุด เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีการแก้ไขประวัติของนายวุฒิพงศ์ โดยระบุว่าสังกัด “พรรคชาติพัฒนากล้า”

‘กรณ์’โพสต์ลาออกสมาชิกชพก.
ด้านนายประสาท ตันประเสริฐ สส.นครสวรรค์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นายวุฒิพงศ์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ตามขั้นตอนถือว่าได้รับสถานะเป็นสมาชิกพรรคแล้ว พรรคได้พิจารณาในประเด็นคุณสมบัติ และความเหมาะสม เห็นว่าประเด็นที่เป็นข้อกล่าวหาและเป็นเหตุให้พรรคก้าวไกลขับออกจากสมาชิกพรรคนั้น เป็นเพียงข้อกล่าวหา และเมื่อพิจารณาคุณสมบัติตามกฎหมายแล้ว ถือว่านาย วุฒิพงศ์ สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค

วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมเผยแพร่ภาพหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า โดยทำหนังสือถึงกรรมการบริหารและนายทะเบียนพรรค ระบุข้อความว่า “ด้วยกระผม นายกรณ์ จาติกวณิช ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้าตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.2566 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป โดยก่อนหน้านี้นายกรณ์ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.566”

องอาจมั่นใจหมูเถื่อน-เด้งอธิบดี
วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเด้งฟ้าผ่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า คนในรัฐบาล ทั้ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.ยุติธรรม โฆษกรัฐบาล ต่างออกมาชี้แจงไปในทำนองเดียวกันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายอธิบดี ดีเอสไอ เพื่อให้การบริหารราชการของกระทรวงมีความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ คำนึงถึงความรู้ความสามารถ รวมถึงเอกภาพ ความรู้ความสามารถในการบังคับบัญชา คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับหมูเถื่อนแต่อย่างใด ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

“วิญญูชนโดยทั่วไปเมื่อเห็นข่าวเด้งอธิบดี ดีเอสไอ ก็พอคิดได้ว่าถูกเด้งเพราะอะไร คนในดีเอสไอยังเชื่อว่าถูกเด้งเพราะไม่สนองนโยบายนาย” นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวต่อว่า ขอฝากไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่อย่าให้เกิดข้อครหาตามมาว่า การโยกย้ายไม่เป็นธรรม เพราะจะทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาเรื่องการขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมายในที่สุด

สมคิดโต้-ชี้คดีเกิดขึ้นนานแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยก พ.ต.ต.สุริยา จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม จนถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับการปราบปรามหมูเถื่อนในช่วงที่ผ่านมา ว่า ตนไม่ทราบสาเหตุของการโยกย้าย แต่เรื่องหมูเถื่อนไม่ได้เกิดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นปัญหามาสองปี ตำรวจก็จับ เราพอเข้าใจรายละเอียดปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี หมูของเกษตรกรจะออกมา ทำให้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย เชื่อว่าประชาชนจะพออยู่ได้

เมื่อถามว่าการที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจาก ผู้ประกอบการรายใหญ่จริงหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ตนมองว่าไม่น่าใช่ ปัญหาหมูเถื่อนมันเกิดนานแล้ว และดีเอสไอ รู้หมดว่าใครเกี่ยวข้อง และตนทราบมาว่าผู้ที่จะถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นรายเล็ก ทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงวันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังเช็กเส้นทางการเงินอยู่ มันมีรายละเอียดพอสมควรและองค์ประกอบหลายเรื่อง ส่วนที่พรรคก้าวไกลออกมา ไล่บี้เรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น ก็ ไม่แปลก แต่ตนเชื่อว่านายกฯ รวมถึง รมว.ยุติธรรม สามารถชี้แจงได้

โปรดเกล้า‘ประยุทธ์’องคมนตรี
วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง แต่งตั้งองคมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งองคมนตรีตามประกาศ ลงวันที่ 21 ต.ค.2565 แล้วนั้น บัดนี้ทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 พ.ย.2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน

นัดไต่สวนศักดิ์สยามถือหุ้น
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากกรณีที่นายศักดิ์สยามยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่ง จะทำให้นายศักดิ์สยามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นการ ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและ หุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเตรียมการไต่สวนวันที่ 14 ธ.ค.นี้

เอกฉันท์‘รักชนก’ยื่นโต้ศาลอาญา
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่ ในกรณีที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของจำเลยน.ส.รักชนก ศรีนอก ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่าจำเลยแสดงเหตุผล ประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่งหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง

ดีเอสไอลุยต่อ-สางคดีหมูเถื่อน
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ หรือ รองแพร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ซึ่งนำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครอง ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน และ คณะ เพื่อกำหนดแนวทางการทำสำนวนคดีหมูเถื่อนหลังจากนี้

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า สำหรับการประชุมร่วมกันของคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ โดยมีพ.ต.ต.ยุทธนาในฐานะรักษาการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งยังเป็นผู้กำกับดูแลสำนวนคดีหมูเถื่อน ได้มีมติดังนี้ ดีเอสไอจะขยายผลจาก 10 บริษัทชิปปิ้งเอกชนที่ได้ดำเนินการจับกุมไป ซึ่งพบว่าได้นำตู้หมูบางส่วนออกไปก่อน ว่ากระจายไปที่ไหนอย่างไรบ้าง และอีกคดีที่ใหญ่ที่สุดที่เราจะดำเนินการ คือ เรื่องของการนำเข้าตู้หมูเถื่อน ซึ่งพบว่ามีการนำเข้าตั้งแต่ ปี 2564-66 โดยกระบวนการทั้งหมดที่จะทำ เกิดจากการที่ได้ดูข้อมูลจากกลุ่มสัตวแพทย์ที่รายงานผลเรื่องของการมีโรคระบาดหมูภายในประเทศไทยและคำอภิปรายไม่ไว้วางใจของรัฐบาลสมัยที่แล้ว รวมถึงการส่งเบาะแสข้อมูลต่างๆ ของเกษตรกร ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจำนวนมาก และสายลับ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด

พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวต่อว่า ดีเอสไอจะรับดำเนินการเกี่ยวกับขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) โดยจะรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งคดี เพื่อที่จะสางขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนทั้งหมด สำหรับคดีใหม่ที่เราจะรับเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษนี้นั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่ข้าราชการทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนพัวพันจำนวนมาก ซึ่งเราจะดำเนินการในภาพรวมขนาดใหญ่

นอกจากนี้ จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ากลุ่มใหญ่นี้ได้มีการนำเข้าอาหารแช่แข็ง (Frozen Food) ประเภท ปลาแช่แข็ง และพลาสติกประเภทพอลิเมอร์ เป็นต้น จึงทำให้เราเห็นชัดเจนว่ากลุ่มใหม่นี้ เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีบุคคลรายใดหรือนิติบุคคลใดถูกจับกุมมาก่อน ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มใหม่นี้ เราพบการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องแล้ว จำนวนหลายพันตู้พร้อมเงินหมุนเวียนของบุคคล/นิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนหลักพันล้านบาท

สำหรับในกลุ่มนายทุนนั้น ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้จับกุมสองพ่อลูกไปแล้ว (นายวิรัชและนายธนกฤต ภูริฉัตร) เราขยายผลอย่างต่อเนื่อง จึงพบว่ามีอีก 2-3 กลุ่ม โดยวันนี้เราได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาไปแล้ว 1 ราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 161 ตู้ และไม่ได้อยู่ใน 10 บริษัทชิปปิ้งเอกชนที่เราดำเนินการไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด ส่วนปฏิบัติการที่มีรายงานว่าดีเอสไอจะเข้าตรวจค้นบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Ek-Chai Distribution System Co., Ltd.) หรือ โลตัส ในวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค.นี้นั้น เราจะดำเนินการต่อในสัปดาห์หน้า และไม่ได้ถูกเบรกหรือเป็นสุญญากาศ เพราะเราจะทำตามแผนที่มีการวางแพลนไว้

ชลน่านเผยยาบ้า5เม็ดไร้ท้วงติง
จากกรณีกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. … ซึ่งรายละเอียดในร่างกำหนดไว้ 5 กลุ่ม รวม 20 ตัว เช่น แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน LSD ซึ่งกำหนดไม่เกิน 5 หน่วยการใช้ เฮโรอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม ฝิ่น ไม่เกิน 5 พันมิลลิกรัม โคเคอีน ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม เห็ดขี้ควาย ไม่เกิน 1.35 แสนมิลลิกรัม สาร THC กัญชา ไม่เกิน 3 หมื่นมิลลิกรัม กลุ่มยานอนหลับ ซึ่งมีหลายตัว ส่วนใหญ่ไม่เกิน 10 หน่วยการใช้ เป็นต้น ซึ่งหากไม่เกินจะสันนิษฐานว่าเป็นผู้เสพ ผ่านกูเกิ้ลฟอร์ม ตั้งแต่วันที่ 9 – 23 พ.ย. 2566 เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งครบกำหนดเวลารับฟังความคิดเห็นไปแล้วนั้น

วันที่ 29 พ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้การรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งการแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ร่างดังกล่าวมีความเหมาะสม จึงไม่ต้องมีการปรับแก้ไขรายละเอียดตัวร่างกฎกระทรวงดังกล่าวแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้ก็จะอยู่ขั้นตอนเอาร่างกฎกระทรวงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ถ้า ครม.เห็นชอบก็จะเอาร่างมาลงนามประกาศบังคับใช้ต่อไป

เมื่อถามว่าจะเสนอภายในการประชุม ครม.สัญจร จ.อุดรธานี วันที่ 3-4 ธ.ค.นี้เลยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ตนเซ็นเรื่องเข้าไปแล้ว แต่จะเข้า ครม.สัญจรเลยหรือไม่ยังไม่แน่ใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน