สลดเสีย‘พระธรรมทูต’ คมนาคมถอดบทเรียนออกกฎเข้ม-ล้อมคอก

น้ำตาท่วมร.พ.ทับสะแก ทยอยรับศพเหยื่อทัวร์มรณะ 14 ศพ นายกฯ สั่งคมนาคมเข้มความปลอดภัยบนท้องถนน เสียใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ‘สุรพงษ์’ รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ เผยขับแค่ 88 ก.ม.ต่อช.ม.ไม่เกินกำหนด จนท.เร่งเก็บหลักฐานพิสูจน์สาเหตุ เตรียมถอดบทเรียน ออกกฎเข้มเพิ่มความปลอดภัย ชี้คนตายส่วนใหญ่นั่งฝั่งซ้าย ตร.เผยยังไม่แจ้งข้อหาคนขับรถเพราะสาหัสให้การไม่ได้ สลด ‘น้องดอกเข็ม’ ดาวติ๊กต็อก ขึ้นมาสอบที่ม.ศิลปากร เสียชีวิตข้างแม่ วงการสงฆ์ก็สูญเสีย พระธรรมทูต เดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่มาเลเซีย

นายกสั่งคุมเข้มช่วงเทศกาล
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ ที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) ตอน 34 อุโมงค์คลองไผ่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ถึงกรณีอุบัติเหตุสลดรถทัวร์โดยสารสายกรุงเทพฯ-นาทวี ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด มี นายสมศักดิ์ มากเอียด อายุ 38 ปี (หนึ่งในผู้บาดเจ็บ) เป็นพนักงานขับรถ ชนต้นไม้ริม ถ.เพชรเกษม ขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 331+450 หมู่ที่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 รายและบาดเจ็บจำนวนมากว่า ให้รมว.คมนาคมดูแลว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นตรงไหนอย่างไร

เมื่อถามถึงข้อเสนอเรื่องการยกเลิก รถบัสสองชั้น วิ่งรับส่งผู้โดยสารเพราะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุนั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกรมขนส่งทางบกที่จะต้องพิจารณา ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการก็มีการลงทุนไปจำนวนมาก ซึ่งปัญหาอุบัติเหตุอาจไม่ใช่แค่เกิดจากรถบัสสองชั้น แต่อาจเป็นเรื่องของสภาพรถด้วย รวมถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการปฏิบัติตามกฎจราจร หลายอย่างประกอบกัน รวมถึงทัศนวิสัยในการขับรถด้วย

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ นางรัดเกล้ายังระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนนมาโดยตลอดไม่ว่าจะช่วงเทศกาลหรือไม่ใช่ช่วงเทศกาลจะมีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมยังมีมาตรการคุมเข้มอุบัติเหตุช่วงเทศกาลเพื่อ “ลดตาย” ในส่วนของรถโดยสาร 2 ชั้น ได้เปิดจดทะเบียนรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นแล้วที่ต้องมี ความสูงไม่เกิน 4 เมตร จากเดิมไม่เกิน 4.3 เมตร แต่รถทัวร์ 2 ชั้นในระบบจดทะเบียนวิ่งให้บริการได้เหมือนเดิม พร้อมบังคับติดตั้งระบบจีพีเอส เพื่อตรวจสอบพฤติกรรม ผู้ขับรถ ปรับปรุงสภาพรถ ซ่อมตัวถังรถ ต้องปรับระดับความสูงของรถเหลือไม่เกิน 4 เมตร ซึ่งจะมีอายุการ ใช้งานไปอีกประมาณ 4-5 ปี และจะปิดตำนานรถ 2 ชั้นในเมืองไทย

“นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอำนวยความสะดวกกับผู้ประสบเหตุและญาติ ดังนั้น จะเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างมาก มีการรณรงค์ในทุกเทศกาล เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น” นางรัดเกล้ากล่าว

นางรัดเกล้ายังกล่าวชื่นชม ประชาชนในที่เกิดเหตุที่ให้ความช่วยเหลือ ด้วยการเปิดห้องพักในละแวกนั้นให้ญาติ ผู้ประสบเหตุที่มาติดต่อรับศพ หรือมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บได้พักครอบครัวละ 1 ห้องฟรี เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าช่วยเหลือ

เยี่ยมคนเจ็บ – นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม พร้อมรองปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะ เดินทางไปเยี่ยมผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถทัวร์ชน 14 ศพ ที่พักรักษาตัวที่ร.พ.ทับสะแกและ ร.พ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.

รมช.คมนาคมตรวจจุดเกิดเหตุ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นาย สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ ร่วมตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รับฟังรายงานการวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ พบว่าสภาพเส้นทางบริเวณ ดังกล่าวเป็นทางตรง ผิวการจราจรดี เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดว่าพนักงานขับรถมีอาการหลับในหรือไม่ ซึ่งจะต้องสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ ร.พ.ทับสะแก เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือครอบครัวและญาติของผู้ประสบเหตุ โดยร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 14 คน ญาติได้ขอรับกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว 11 คน และวันนี้ญาติติดต่อขอรับร่างกลับอีก 3 คน ส่วนผู้บาดเจ็บที่อยู่ระหว่างการรักษาที่ ร.พ.ทับสะแก มีจำนวน 5 คน และที่ ร.พ.ประจวบคีรีขันธ์ 16 คน ในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดนี้มีผู้ที่อาการสาหัส 6 คน

ต่อมานายสุรพงษ์ เข้าเยี่ยมอาการ ผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.ทับสะแก และร.พ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมติดตามแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวและญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่โดยเร็วตามสิทธิทางกฎหมาย ก่อนเผยว่าการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการให้กำลังใจผู้ประสบเหตุ ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกคน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะวิเคราะห์หลายมิติ ตั้งหลายสมมติฐานว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นที่รถ ถนน หรือควรจะมีสัญญาณเตือนตรงจุดที่มีต้นไม้ใหญ่หรือไม่โดยจะนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่กำลังจะถึงนี้ ทั้งเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางบก ทราบว่ารถคันที่เกิดเหตุผ่านการตรวจสอบสภาพตามที่กำหนด และขณะเกิดเหตุตรวจสอบจากระบบ GPS พบว่าใช้ความเร็ว 88 ก.ม.ต่อช.ม. ซึ่งไม่เกิน 90 ก.ม.ต่อช.ม. ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่าควรจะต้องเพิ่มจำนวนพนักงานขับรถมากกว่า 2 คนเพื่อผลัดเปลี่ยนกันขับหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพิจารณาด้วย

เตรียมเพิ่มมาตรการเข้ม
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า ได้สั่งให้ ขบ. และ บขส. ร่วมกับทางสภาวิศวกร สถาบันยานยนต์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ดำเนินการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยทางเอไอทีจะส่งทีมสอบสวนอุบัติเหตุในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ กระทรวงมีเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน การดำเนินการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมสถิติ และอุบัติเหตุเคสสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ในการออกมาตรการและนโยบายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะเป็นการถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีกในอนาคต รวมทั้ง บขส. ได้เชิญเอไอที เป็นที่ปรึกษา เพื่อประเมิน วิเคราะห์ ตรวจสอบ มาตรการเชิงปฏิบัติการ และความมั่นคงแข็งแรงของรถ Safety Audit ทั้งรถ บขส. และ รถร่วมบริการทั้งหมด

“กระทรวงได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย และตั้งเป้าลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงฝากให้ บขส. และ ผู้ประกอบการรถร่วมทุกราย หมั่นตรวจเช็กความพร้อมของรถโดยสารอยู่เสมอ ก่อนนำมาให้บริการ รถโดยสารทุกคันต้องมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย อาทิ เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง ทางออกฉุกเฉินและค้อนทุบกระจก ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (จีพีเอส) เป็นต้น และแนะนำให้มีการตรวจสุขภาพพนักงานขับรถทุกๆ 6 เดือน เพื่อประเมินความพร้อมและสมรรถนะทางร่างกายของพนักงานขับรถ และให้กรมการขนส่งทางบก พิจารณาปรับการทดสอบสมรรถนะทางด้านการขับขี่ของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ จาก 3 ปี เป็น 1 ปี และให้เน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถโดยสารปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด จากนี้ กระทรวงคมนาคมจะกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนเพิ่มเติม โดยจะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางในการออกมาตรการด้านความปลอดภัย ในการขับขี่บนท้องถนน และมีผลบังคับใช้ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ด้วย

ขนส่งฯเก็บหลักฐาน
ขณะที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักวิศวกรรมยานยนต์ (สนว.) กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ปภ.เขต 4, ปภ.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2, สภ.ห้วยยาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ จุดเกิดเหตุตั้งแต่บริเวณยูเทิร์น ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ระยะทางกว่า 400 เมตร ว่ามีพิกัดส่วนใดที่อาจเป็นอันตรายจน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบร่องรอยการเบรกของล้อรถ พิกัดจุดที่รถทัวร์เริ่มเสียการทรงตัว จุดที่ล้อรถทัวร์เริ่มลงข้างทางก่อนพุ่งชนต้นพะยอมขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 2 คนโอบ ซึ่งมีร่องรอยเปลือกต้นพะยอม ฉีกขาด แต่ส่วนเนื้อในไม่เสียหายแต่อย่างใด รวมถึงตรวจสอบสภาพพื้นถนนว่าเป็นหลุมเป็นบ่อหรือไม่ แสงไฟส่องสว่าง ตลอดจนภาพรวมทั้งหมด

จากนั้นคณะได้ไปตรวจสอบรถทัวร์ โดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ-นาทวี) ยี่ห้อวอลโว่ สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลากจูงไปเก็บรักษาไว้ห่างจาก สภ.ห้วยยาง ประมาณ 200 เมตร พบว่าสภาพรถฉีกขาดเสียหายจากการชนอย่างรุนแรง วัดความยาวจากส่วนหัวรถไปถึงจุดที่แผลฉีกขาด ได้ 6 เมตร จากนั้นได้ตรวจสอบสภาพโดยรวมของรถทัวร์ ทั้งเครื่องยนต์ ล้อ ยางรถ ส่วนโครงสร้างรถ ฯลฯ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักฐานอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง ของโศกนาฏกรรม 14 ศพ ในครั้งนี้ต่อไป

พ.จ.อ.ฉัตรชัย สวียานนท์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ห้วยยาง กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณด้านซ้ายของตัวรถ โดยชั้นบน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ด้านล่าง 3 ราย และร่างกระเด็นหลุดตกออกมานอกรถ อีก 4 ราย นอกจากนั้น พบว่ามีดวงดีอยู่สองคน คือเด็กอายุ 4 ขวบ หลุดออกมานอกรถ แต่ไม่บาดเจ็บ และมีผู้ชาย อายุประมาณ 17 ปี นั่งด้านหน้าก็หลุดออกมาจากรถ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

เหยื่อทัวร์ – บรรยากาศงานศพนางละมัย พูลเอียด อายุ 54 ปี และน.ส.กัลยกร พูลเอียด หรือน้องดอกเข็ม อายุ 17 ปี สองแม่ลูกเสียชีวิตในเหตุรถทัวร์ชนที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่วัดควนเถียะ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.

สลดน้องดอกเข็มดับคู่แม่
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลทับสะแก เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติต่างทยอยมาติดต่อเพื่อขอเยี่ยมผู้บาดเจ็บและขอรับร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งบางรายถึงกับร้องไห้จนเป็นลม อย่างไรก็ตาม ล่าสุดขณะนี้ญาติได้ติดต่อขอรับศพ และนำกลับไปภูมิลำเนาแล้ว 10 ราย คงเหลืออีก 4 ร่าง ซึ่งเก็บรักษาไว้ชั่วคราวที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก

ส่วนผู้บาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกรับส่งมาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยาง เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งบางรายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่บางส่วนยังต้องรอดูอาการ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง จนเกิดแผลฉีกขาด แผลกระแทกจนอวัยวะภายในในช่องอกและท้องฉีกขาด สมองกระทบกระเทือนจนเลือดออกในสมอง กระดูกแขน ขา และสะโพกหัก ฯลฯ

ด้าน น.ส.ธมลวัลย์ หลักชัย อายุ 54 ปี มารับศพ น.ส.กัลยากร พูลเอียด หรือน้องดอกเข็ม อายุ 17 ปี หลานสาวซึ่งเดินทางพร้อมกับนางละมัย พูลเอียด อายุ 54 ปี มารดา เพื่อไปสอบสัมภาษณ์ที่ ม.ศิลปากร จ.นครปฐม และได้เดินทางกลับบ้านที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 2 คนนั่งบนรถทัวร์คันเกิดเหตุ เลขที่นั่งเลขที่ 5 และ 6 กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้ง 2 คน น.ส.ธมลวัลย์กล่าวทั้งน้ำตาว่า พ่อของน้องดอกเข็ม เกิดอาการช็อกเมื่อทราบข่าวร้ายจนไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ตนเป็นป้าและย้ายมาอาศัยอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรับเป็นธุระจัดการเรื่องรับร่างให้ ซึ่งทางครอบครัวจะนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช

น้องดอกเข็ม เป็นเด็กที่เก่งมากชอบถ่ายคลิปตัดต่อ ทำหนังสั้นลงติ๊กต็อก เขาเป็นดาวติ๊กต็อกที่มีคนติดตามผลงานมาก หลานได้ทำหนังสั้นเกี่ยวกับปัญหาในบ้านเกิดส่งเป็นพอร์ตให้ ม.ศิลปากร เอกไอซีที ทำให้มหาวิทยาลัยได้เรียกมาสัมภาษณ์จึงเดินทางขึ้นมากับแม่ หลานสาวเป็นเด็กที่น่ารักและนิสัยดีมากๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้โพสต์ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพูลเอียด และขอร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของน.ส.กัลยากร พูลเอียด และมารดา ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วย โดยน.ส.กัลยากร เพิ่งเดินทางมาสอบสัมภาษณ์ที่คณะพร้อมกับมารดา

ทั้งนี้ในส่วนของจ.นครศรีธรรมราชยังมีผู้เสียชีวิตอีกรายคือ ว่าที่ร้อยตรีหญิง ศศิเกตุ จารีตดิลก อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการกองช่างเทศบาลตำบลฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเดินทางไปอบรมที่กรุงเทพฯ ล่าสุดญาติได้นำศพกลับมาถึงบ้านเกิด อ.ฉวาง เมื่อคืนที่ผ่านมาเช่นกัน โดยจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ พื้นที่หมู่ 1 ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และจะฌาปนกิจในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ที่วัดเกาะเทวดา

ยังไม่แจ้งข้อหาคนขับรถ
พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง ให้ข้อมูลว่าสำหรับในคดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งชั้นสอบสวนยังไม่สามารถสอบปากคำนายสมศักดิ์ มากเอียด อายุ 38 ปี ผู้ขับขี่รถทัวร์ได้เนื่องจากอาการยังสาหัส ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบ คีรีขันธ์ ไม่สามารถให้การใดๆ โดยในขั้นต้นจากการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุและสอบปากคำพยานต่างๆ ยังไม่สรุปว่าเกิดจากสาเหตุใดแน่ชัดได้ ต้องรอรวบรวมข้อมูลของพนักงานสอบสวน กรมขนส่ง ปภ.และหน่วยงานข้างเคียง เพื่อประเมินสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งกรณีพนักงานขับรถจะแจ้งข้อหาในภายหลังหลังรวบรวมหลักฐานครบถ้วนแล้ว

วงการสงฆ์สูญเสียพระธรรมทูต
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดอุทุมพรวนาราม บ.ดอนหัน ม.9 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น หลัง พระอาจารย์อัฏฐ์ชานัช สิริสาโร เจ้าอาวาส มรณภาพจากอุบัติเหตุครั้งนี้ พบว่ามีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างออกมาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่รอรับสรีรสังขาร เจ้าอาวาสวัดอุทุมพรวนาราม ตามกำหนดการและขั้นตอนต่างๆ

พระธวัชชัย อธิปัญโญ รักษาการ เจ้าอาวาส กล่าวว่า พระอาจารย์อัฏฐ์ชานัช เป็นชาว จ.อุบลราชธานี หลังจากบวชเรียนแล้วได้จำพรรษาและย้ายมาจำวัดที่ จ.ยโสธร หลังจากบวชก็เรียนพระธรรมทูตจนจบ นอกจากนี้ยังเรียนจบปริญญาโททางด้านพุทธศาสนา การเป็นพระธรรมทูตนั้นมีหน้าที่ช่วยพระสงฆ์ในการเผยแผ่ศาสนายังประเทศอื่น เพื่อให้คำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่มั่นคงถาวร ซึ่งการมรณภาพจากอุบัติเหตุดังกล่าวถือเป็นการสูญเสียที่สำคัญ เพราะท่านจบนักธรรมเอก แล้วเรียนพระธรรมทูตอย่างน้อย 3 เดือน เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถรอบด้าน ทั้งความรู้ด้านศาสนา ภาษา จึงจะเป็นพระธรรมทูตได้ ครั้งนี้ได้เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปประเทศมาเลเซีย แต่มาเกิดอุบัติเหตุจนมรณภาพเสียก่อน คาดว่า สรีรสังขารจะมาถึงวัดอุทุมพรวนาราม ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน