เศรษฐาขีดเส้นค่าไฟไม่เกินหน่วยละ4.10บ.

‘เศรษฐา’ ลุยเมืองกาญจน์ติดตามโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ดูการค้าชายแดน ชมงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ค่ำบินเปิดงานศิลปะที่เชียงราย สัปดาห์หน้า
ไปญี่ปุ่นดึงลงทุน ลั่นกดค่าไฟให้เหลือหน่วยละ 4.10 บาท ‘อุ๊งอิ๊ง’กล่าวปิดงานสัมมนาสส.เพื่อไทย ยกพระราชดำรัส ร.10 ปลุกสส.ผนึกคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ร่วมกันรักษาพรรค ‘สรวงศ์’ ประสานเสียง ‘สมศักดิ์’ ยืนยันไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ ‘เศรษฐา’ ทำงานดี ทำงานเร็ว 21 สส.ประชาธิปัตย์มีมติเอกฉันท์ บังคับ ‘เฉลิมชัย’ กลับมานั่งหัวหน้าพรรค เจ้าตัวขอเวลาคิด 1-2 วัน ด้าน‘นราพัฒน์’ ถอยให้ทันที ยันทีมเดียวกัน ‘มาดามเดียร์’ ปล่อยคลิปขอโอกาสเปลี่ยนปชป.

‘เศรษฐา’ลั่นกดค่าไฟ4.10บ./หน่วย

เวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เขตบางกะปิ กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง ตอนหนึ่งว่า การลดค่าใช้จ่ายของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ บางคนอาจมองว่าเป็นประชานิยม หาเสียง ที่จริงการหาเสียงจบไปแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีการซื้อใจหรือเตรียมตัวรอเลือกตั้งต่อไป

ปัญหาค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ เป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบัน 3.99 บาทต่อหน่วย มีข่าวจะขึ้นถึง 4.68 คุยกันจะไปอยู่ที่ 4.20 ตนบอกไปแล้วรับไม่ได้ คงต้องกลับไปพิจารณากันใหม่ จะพยายามกดให้ได้ 4.10 บาท และอย่าลืมว่าก่อนตนจะลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท ราคาไปอยู่ที่ 4.50 บาท มาก่อน ส่วนการพักหนี้เกษตรกร 9 ปีพักหนี้ไป 13 หน อยากบอกว่าจะพักหนี้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็พูดไม่ได้เต็มปาก ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ ส่วนการหารายได้เรื่องท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวจีนลดน้อยแต่เราทดแทนด้วยคาซัคสถาน และอินเดีย ขณะเดียวกันสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง แต่น่าเสียดายททท.ยังไม่ให้ความสำคัญ จึงสั่งการให้ทำตรงนี้เยอะขึ้น

เตรียมบินญี่ปุ่น-ดึงลงทุนไทย

“9 ปีที่ผ่านมาไทยไม่มีตัวตนในโลก ไม่มีการลงนามเขตการค้าเสรี หรือ FTA ซึ่งต้องมีการขยาย FTA วันนี้เวียดนามแซงเราไปแล้ว และยืนยันจะไม่มีการขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากลาวให้สิงคโปร์ เนื่องจากเป็นคู่แข่งดึงนักลงทุน ซึ่งต้องพูดตามตรง ผมจำเป็นต้องโหด” นายเศรษฐากล่าว และว่าจากที่ไปประชุมเอเปค จับมือตบไหล่กันอย่างสวยหรูแต่ข้างหลังถือมีดกันทุกคน จีน-สหรัฐตกลงกันชัดเจนมีเพียงเรื่องเดียวคือไม่กดปุ่มนิวเคลียร์ยิงใส่กัน ที่เหลือสู้กันตายไปข้างหนึ่งเรื่องการค้า ในห้องประชุมใหญ่โอภาปราศรัยกันดี แต่พอเข้าห้องรับรองที่ไม่มีนักข่าว กอดคอชี้หน้าด้อยค่าซึ่งกันและกันเยอะไปหมด เราตัวเล็กแต่ก็ภาคภูมิใจและจะพยายามดึงนักลงทุนมาประเทศไทยให้ได้ ฉะนั้นเรื่องการ ย้ายฐานการผลิตมาไทยนั้นไทยดำรงความเป็นกลาง ไม่เอียงไปทางสหรัฐหรือจีน คนจีนถือเป็นพี่ใหญ่ อเมริกาเป็นบิ๊กบอส เราไปได้กับทุกคน ตนไปเจรจาเข้าใจหลายๆ อย่าง

ยอมรับตนเป็นเซลส์แมน ต้องวิ่งสู้ฟัด สัปดาห์หน้าจะไปญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเป็นรถสันดาป รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องว่าเราโปรโมตรถ EV เยอะเกินไป แต่มันเป็น เทรนด์ของโลกและเราต้องทำ “ผมจะทำ EV ก็เรื่องของผม คุณต้องการอะไรก็บอกมา คนไทยเชื้อสายจีนไม่เคยลืมต้นน้ำ ใครรักเรา ใครดีกับเรา เราจะดีด้วย เราจะจำไว้และเราจะทดแทนบุญคุณ ผมบอกกับ นายกฯ ญี่ปุ่นอย่างนี้ มีการเจรจาว่าเราจะมีมาตรการภาษีเพื่อช่วยรถสันดาป การเป็นเซลส์แมนสำหรับตนถือเป็นเรื่องง่าย เพราะของที่ไปขายเป็นของดีเพียงแต่ไม่ไปขายเท่านั้นเอง คาดการณ์ภายใน 5-7 ปีจะเห็นผลอย่างแน่นอน

อัดอั้นตันใจ-แก้เหลื่อมล้ำ

ช่วงท้ายมีคำถามว่า ก่อนเป็นนายกฯ ในฐานะนักธุรกิจแนวหน้ามีเรื่องอัดอั้น ตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุด นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องความเหลื่อมล้ำ ตนมีเงินเยอะบางครั้งก็ใช้จ่ายเยอะจนกระทั่งละอายใจ เช่น มีนาฬิกาหลายเรือนจนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม คิดแล้วก็ทุเรศตัวเองเพราะบางคนไม่มี ไม่ใช่พูดให้ตัวเองดูดีมันมีความ ขัดแย้งในตัวเอง นิสัยส่วนตัวเวลาไปทานข้าวที่ไหนไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งสำรับอาหาร ไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด จึงไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยหรือทำเนียบเวลาไปไหนยังมีอยู่ และบอกทีมงานเสมอว่าตนกินข้าวสำรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน เรื่องของความเหลื่อมล้ำเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้อยากเข้ามาการเมืองตรงนี้

เรื่องการศึกษาเป็นอีกเรื่องในวงต่างๆ พูดคุยกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนสาธิต อัสสัมชัญหรืออินเตอร์ หลายคนบอกการศึกษาไทยห่วย หลักสูตรไม่ดี ครูไทยสอนไม่ได้เรื่อง ตนเองก็พูดตลอดในวงเหล้าก็พูดคุยกัน แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาทำ ลูกตนก็เรียนเมืองนอก จบการศึกษาที่ดี ค่าเล่าเรียนปีละหลายล้านบาท แต่อีกกว่าล้านคนที่หลุดออกจากวงการการศึกษาหลังโควิด

นายกฯลุยกาญจน์-เชียงราย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ว่า วันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.นี้ นายกฯตรวจราชการ จ.กาญจนบุรี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ร่วมคณะ

เวลา 10.00 น. นายกฯพบปะชาวกาญจนบุรี ที่ศูนย์ประสานงานอ.ท่ามะกา ช่วงบ่าย ติดตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.กาญจนบุรี และตรวจเยี่ยมสถานการณ์การค้าชายแดน ที่ด่านศุลกากรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าโอทอป และสินค้าวิสาหกิจชุมชนของจังหวัด ที่ อบจ.กาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม ก่อนเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี ที่ห้องประชุมบุษราคัม เวลา 15.50 น. เยี่ยมชมงาน “สัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ประจำปี 2566” บริเวณลานการแสดง แสง สี เสียง สะพานข้ามแม่น้ำแคว ต.ท่ามะขาม

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่จ.กาญจนบุรี ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายกฯจะไปเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่ จ.เชียงราย หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย ต.ริมกก โดยมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมพิธีเปิด ก่อนที่คณะนายกฯจะเดินทางกลับ

‘อิ๊ง’ปลุกพท.รุ่นใหม่ผนึกรุ่นเก๋า

เวลา 10.30 น. ที่รร.เดอะ กรีนเนอร์รี รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา พรรค เพื่อไทยจัดสัมมนาเป็นวันที่สอง มีการบรรยายหัวข้อ “ถอดบทเรียนเพื่อไทย ผ่านวิกฤตเลือกตั้ง” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค มีสส.อยู่ร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก รวมถึงมีรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.สำนักนายกฯ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม

น.ส.แพทองธารกล่าวปิดการสัมมนาว่า การมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ทำให้อบอุ่นขึ้น ใกล้ชิดขึ้น บางคนอยากให้จัดทุกเดือนแต่คงยาก อาจเป็นการจัดทุกปี 3 เดือนที่ผ่านมามีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายเศรษฐา เป็นนายกฯ และสร้างผลงานอย่างรวดเร็ว รัฐมนตรีก็ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ขออัญเชิญพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 10 ที่ตรัสไว้เมื่อ 25 พ.ย.กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ว่า “ทุกคนในที่นี้และตัวพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น” ประโยคนี้สั้นๆ แต่ลึกซึ้งมีความหมายมาก แปลว่าคน รุ่นเก๋าของพรรคก็เป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน แต่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร คิดจะรักษาพรรคอย่างไร จึงต้องอัพเดตความรู้ซึ่งกันและกัน ติดตามเทคโนโลยีเพื่อให้วัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก๋าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เกิดประโยชน์ของประชาชน

ร่วมกันสร้างพท.ให้แข็งแรง

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของตนจะทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ 3 เสาหลักของเราคือรัฐบาล พรรค และสภา ร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชน และนำ Think Tank กลับมาใหม่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อยากให้เราได้ทบทวนถึงสิ่งเกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนต่อไป “ครอบครัวของอิ๊งไม่ใช่เจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่เราทุกคนคือเจ้าของพรรคภายใต้การนำของผู้นำที่เก่ง ไม่ว่าจะเป็นท่านทักษิณ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ท่านนายกฯ เศรษฐา จะทำสำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่มีทีมที่สมบูรณ์ เก่ง คอยบอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว สิ่งนี้ต้องเพิ่มเติม การนำของผู้นำที่ดีต้องมีผู้ตาม คนที่เป็นห่วง ที่แข็งแรงเหมือนเพื่อไทย ถึงจะทำให้การนำสำเร็จได้”

20 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จทุกอย่างเป็นความสำเร็จของทุกคน พรรคเพื่อไทยคือบ้านของเรา ทั้งสส.เก่าและสส.ใหม่นี่คือบ้านของเรา จากนี้เราจะมาสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน มีอะไรขอให้ปรึกษากัน ให้กำลังใจกัน มีวันที่ทุกข์แน่นอน แต่วันที่สุขก็ต้องมาอย่างแน่นอนเช่นกัน จึงขอให้กำลังใจทุกคน

มั่นใจจบสัมมนาพรรคแนบแน่น

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า มีการแบ่งกลุ่ม พูดคุยของสส. 10 กลุ่ม พูดถึงอนาคตพรรคซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันคืออยากให้กลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ส่วนจะกลับมาอย่างไรหลายคนสะท้อนช่องว่างระหว่างประชาชนกับสส.และรัฐบาล

เมื่อถามว่าช่องห่างระหว่างประชาชนถึง สส. กับสส.ถึงรัฐมนตรี อะไรมากกว่ากัน นายสรวงศ์กล่าวว่า เพื่อไทยแข็งแกร่งเรื่องการลงพื้นที่ การสะท้อนไปถึงรัฐบาลนั้นเรามีคลินิกของรัฐบาล ในส่วนของพรรคทุกครั้งที่ประชุมเรื่องต่างๆ ได้รับการแก้ไขไปบ้างแล้ว แต่บางส่วนติดเรื่องงบประมาณเพราะงบ 2567 ยังไม่เข้าสภา มั่นใจหลังการสัมมนาการสื่อสารระหว่างส.ส.กับรัฐบาลจะแน่นกว่าเดิม

เมื่อถามว่า สส.สะท้อนขอให้นายกฯ รับสาย นายสรวงศ์กล่าวว่า ที่จริงไม่มี เมื่อมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้นการสื่อสารกันก็ยากลำบากมากยิ่งขึ้น รัฐมนตรีหลายคนบอกว่าหากไม่ได้รับสาย สส.ก็จะโทร.กลับ สิ่งที่สส.อยากสะท้อนสามารถพูดกับนายกฯ โดยตรงได้เลย นายกฯ ก็เน้นย้ำอย่างมากว่าอยากให้สส.สะท้อนมา มั่นใจภายใต้รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา และเพื่อไทยที่นำโดยน.ส.แพทองธารจะเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบชิด

ยันปีหน้าไม่เปลี่ยนนายกฯ

เมื่อถามว่าการระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่นายกฯ หญิงคนสุดท้าย หมายความอย่างไร นายสรวงศ์กล่าวว่า เรามีหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้หญิง มีหน้าที่ผลักดันแคนดิเดตของพรรคให้เป็นนายกฯ คนต่อไป แต่ไม่ทราบว่าใครจะเป็น 1 ใน 3 ยังไม่ได้เคาะ แต่เรามีหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้หญิงก็พร้อมและหัวหน้าพรรคก็พร้อม

เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าปีหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง นายกฯ หญิงจะมาปีหน้าเลยหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น นายเศรษฐาทำงานดีและทำงานเร็วอยู่แล้ว มีความตั้งใจในการทำงาน น.ส.แพทองธารก็อยากมุ่งเน้นการทำงานกับพรรค อยากให้พรรคกลับมาแข็งแกร่ง ไม่ได้เน้นการทำงานบริหาร

สมศักดิ์‘อิ๊ง’ไม่ได้มาแทน‘นิด’

ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่สส.บางส่วนสะท้อนว่าอยากให้ผู้ใหญ่ในพรรคติดต่อได้อย่างใกล้ชิดและรับสายนั้น สส.อาจมีเบอร์รัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีบางคนไม่มีเบอร์สส. บางครั้งอาจติดราชการ ดังนั้นเมื่อโทร.แล้วไม่รับก็ขอให้ส่งข้อความแนะนำตัวบอกชื่อ คราวนี้ถ้ายังไม่โทร.กลับอีกก็ต้องเอาเรื่องแน่

เมื่อถามกรณีเลขาฯ เพื่อไทยระบุในงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจไม่ใช่นายกฯ หญิงเพียงคนเดียวของไทย พรรคจะชู น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ หญิงคนต่อไปใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในอนาคตคงไม่ผิด มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้ พรรคการเมืองมุ่งหวังให้หัวหน้าพรรคตนเองมีโอกาสเป็นนายกฯ ชนะเลือกตั้ง ดังนั้นวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะวันนี้ยังมีนายกฯ ที่ชื่อเศรษฐา ที่ทำงานรวดเร็ว คล่องแคล่ว ตั้งใจ เชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

ปชป.ถกสส.หาหัวหน้าพรรค

ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ว่า จะได้หัวหน้าพรรคที่แท้จริงเนื่องจากได้เตรียมองค์ประชุมไว้พร้อมแล้ว หากขาดอีกก็จะเติมจนครบ ส่วนผู้สมัครหัวหน้าพรรคนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง จึงเปิดกว้างให้โอกาสทุกคน แม้บางคนจะติดเงื่อนไขเป็นสมาชิกไม่ครบ 5 ปี แต่เชื่อว่าสมาชิกจะให้โอกาสลงแข่งขัน

เมื่อถามว่ามีการประเมิน น.ส.วทันยา บุนนาค ผ่านด่าน 3 ใน 4 แล้ว จะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคได้แน่นอน นายชัยชนะกล่าวว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด ก่อนถึง 9 ธ.ค. น่าจะมีผู้ที่มีคุณสมบัติครบมาสมัครเปิดตัวได้อีก ขณะนี้มีเพิ่มมาอีก คนหนึ่ง คือ พ.ท.หญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล ผู้สมัครแต่ละคนก็หาเสียงกับสมาชิกที่เป็นโหวตเตอร์อยู่

นายชัยชนะกล่าวว่า เวลา 16.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. จะมีการประชุมสส.พรรค เพื่อหารือกันว่ามีความเห็นอย่างไร พรรคควรเดินไปในแนวทางไหน ใครเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป หากที่ประชุมเห็นตรงกันคนนั้นก็จะได้โอกาสรับชัยชนะ ซึ่งการประชุมวันนี้มีผลต่อการเลือกหัวหน้าพรรคในวันที่ 9 ธ.ค.นี้แน่นอน เนื่องจากสส.คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการโหวต มั่นใจไม่มีคลื่นใต้น้ำ

มติ 21 สส.ดัน‘เฉลิมชัย’หน.ปชป.

เวลา 16.00 น. กลุ่ม สส. 21 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชัยชนะ ร่วมหารือแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โดยขาดเพียง นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา

ซึ่งมีรายงานว่ากลุ่มสส.ทั้ง 21 คน หรือ “กลุ่มเพื่อนต่อ” จะสนับสนุนนายเฉลิมชัย แม้ว่าเคยประกาศวางมือก่อนหน้านี้ แต่ต้องการให้กลับมาฟื้นฟูพรรค เพราะเป็นคนที่ดูแลสมาชิกพรรคทุกคน ทั้งนี้ หากกลุ่ม สส. 21 คนมีข้อยุติจะสนับสนุนใครเป็นหัวหน้าพรรค ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะเนื่องจาก สส. 21 คนมีคะแนนโหวตเตอร์ 51% จากสัดส่วนสส.

นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส. ประจวบฯ ในฐานะประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการหารือ 1 ชั่วโมงว่า สส.ส่วนใหญ่ห่วงสถานการณ์ของพรรค และกังวลว่า 9 ธ.ค.นี้จะเกิดวิกฤตเหมือนการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมา จึงสรุปว่าพวกเราทุกคนจะทำอย่างไรให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ เพื่อให้ผู้ลงแข่งขันไม่ว่าแพ้หรือชนะ ไม่แตกออกจากพรรค ที่ประชุมจึงมีมติ 21 สส.เป็นเอกฉันท์ ไปเชิญนายเฉลิมชัยมานั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 แต่ยังไม่ทราบว่าท่านจะรับหรือไม่รับ

เชื่อทำพรรคแตกน้อยสุด

เมื่อถามว่านายเฉลิมชัยประกาศวางมือหลังเลือกตั้ง จะตอบรับมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายประมวล กล่าวว่า พวกเราส่วนใหญ่จะไปบังคับและขอร้องให้มาแก้ไขวิกฤตพรรค เพราะนายเฉลิมชัยประสานงานได้กับทุกฝ่าย แล้วจะเชิญ ผู้สมัครทั้ง 2 ฝ่ายมาร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไม่ให้พรรคแตก การไปเชิญนายเฉลิมชัยอาจเกิดความแตกแยกแต่ก็น้อย

แต่หากนายเฉลิมชัยไม่ตอบรับ สส.จะหารืออีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้ เดินหน้าอย่างไร ถ้าต้องแตกก็จะให้แตกน้อยที่สุด เพราะที่ผ่านมาหลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทุกครั้งก็เกิดความแตกแยก ดังนั้นครั้งนี้จะทำอย่างไรเพื่อให้แตกแยกน้อยที่สุด ยืนยันว่าวันที่ 9 ธ.ค.จะได้หัวหน้าพรรคอย่างแน่นอน ถ้าไม่ได้สส.คงไม่สามารถไปตอบชาวบ้านได้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าไปอย่างไร

หลังการหารือเสร็จแล้ว คณะสส.เดินทางไปพบกับนายเฉลิมชัยที่บ้านพักย่านราชพฤกษ์

เสี่ยต่อคิด1-2วัน-นราพัฒน์ถอย

นายประมวลเผยว่า ทุกคนได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัย เหมือนมติของ 21 สส.ออกมา ซึ่งนายเฉลิมชัยตอบว่า ขอคิดก่อน รออีก 1-2 วันจะให้คำตอบ แม้ทุกคนจะพยายามหว่านล้อมให้รับ แต่นายเฉลิมชัย ก็ยังย้ำคำเดิมว่าขอคิดก่อน

ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค และผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี 21 สส.เชิญให้นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรค ว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ตนจะสู้ทำไม เพราะถือเป็นทีมเดียวกัน และความคิดของตนกับนายเฉลิมชัยก็เหมือนกันตั้งใจจะฟื้นฟูพรรค แม้ขณะนี้นายเฉลิมชัยยังไม่รับปาก แต่วันที่ 8ธ.ค. เวลา 11.30 น. ตนจะเข้าพบนายเฉลิมชัยที่พรรค เป็นอีกเสียงหนึ่งที่จะขอร้องและสนับสนุนให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่นายเฉลิมชัยประกาศไม่เล่นการเมืองคือการไม่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี แต่ครั้งนี้เป็นการนำพาพรรคเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพรรคมากกว่านี้ และทำให้พรรคเป็นเอกภาพมากขึ้น แต่หากนายเฉลิมชัย ปฏิเสธตนก็พร้อมเดินหน้าสู้ต่อ มั่นใจว่าวันที่ 9 ธ.ค.ได้หัวหน้าพรรคแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน