กทม.-ปริมณฑลได้ 361ภูเก็ตยังรับมากสุด3703จว.ชายแดนใต้น้อยสุดเริ่มใช้อัตราใหม่ 1มค.นี้

เฮทั่วประเทศ คณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัด ในอัตราเพิ่มขึ้น 2-16 บาท ‘ภูเก็ต’ ได้มากสุด จาก 354 บาท ขยับเป็น 370 บาท
ขณะที่กทม.และปริมณฑลเพิ่มเป็น 361 บาท ชลบุรี ระยอง 352 บาท โคราช 351 ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา น้อยที่สุด 330 บาท เตรียมเสนอเข้าครม. มีผลวันที่ 1 ม.ค. 2567

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ที่ประกอบด้วยกรรมการไตรภาคี คือตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2566 ใช้เวลาประชุมนานกว่า 5 ชั่วโมง

นายไพโรจน์แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัด ในอัตราเพิ่มขึ้น 2-16 บาท โดยค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มมากที่สุดคือ จ.ภูเก็ต 370 บาท เพิ่มขึ้นจาก 354 บาท และ ต่ำที่สุด 330 บาท ใน 3 จังหวัด คือนราธิวาส ปัตตานี และยะลา 330 บาท เพิ่มขึ้นจาก 328 บาท จะเสนอผลการประชุมต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 12 ธ.ค. และจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2567

ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า เหตุผลปรับค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องดูเรื่องอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ สภาพการจ้างงาน อัตราการว่างงาน ซึ่งอาจจะมีคำถามว่าบางจังหวัดขึ้นค่าจ้างน้อย บางจังหวัดขึ้นค่าจ้างสูง ต้องย้ำว่าคณะอนุกรรมการพิจารณาจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัด มีสูตรการคำนวณตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ แล้วนำมาพิจารณาในที่ประชุม ดังนั้น การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่สามารถดูได้จากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง จะต้องดูจากหลายปัจจัยประกอบ

ผู้สื่อข่าวถึงกรณี จ.ภูเก็ต ได้ปรับค่าจ้างสูงสุดเป็น 370 บาท แต่ในการประชุม จ.ภูเก็ต ไม่ได้เสนอปรับค่าจ้างขึ้น ที่ประชุมมีเหตุผลพิจารณาอย่างไร นายไพโรจน์กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดพิเศษ เนื่องจากมีภาคเกษตรกรรมน้อยมาก แต่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะที่สุด มีอัตราการจ้างงานสูง บางธุรกิจจ้างมากกว่า 400 บาทต่อวัน และอีกสาเหตุคือค่าครองชีพในพื้นที่ ดังนั้น ค่าจ้าง 370 บาทต่อวัน เราคิดว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม

ต่อข้อถามถึงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะพิจารณาในระยะถัดไป ก็จะพยายามปรับให้ขึ้นเป็นไปตามอัตราที่กำหนดไว้คือ 400 บาท แต่ต้องทำความเข้าใจว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำ เป็นการพิจารณาร่วมกันใน 3 ภาคี ที่ต่างก็มีเหตุผลเห็นสมควร

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทบทวน จะต้องทำอย่างไร นายไพโรจน์กล่าวว่า การประชุมวันนี้ถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่หากจะปรับค่าจ้างใหม่ ต้องพิจารณาในปีหน้า

ต่อข้อถามย้ำว่าแต่กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำทำได้เพียงปีละครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับเพิ่มอีกครั้งในปีหน้า นายไพโรจน์กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ต้องเป็นไปตามมติในที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างด้วย หากจะปรับเพิ่มอีกครั้งในรอบปี อนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างจังหวัดจะต้องพิจารณาหลักการและเหตุผล เพราะเราไม่สามารถขึ้นโดยคณะกรรมการค่าจ้างเพียงอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การประชุมครั้งนี้มีปัญหาปรับตัวเลขมากที่สุดในภูมิภาคใด นายไพโรจน์กล่าวว่ากทม.และปริมณฑล แต่ก็ถือว่าเป็นการประชุมที่เสร็จเร็วกว่ากำหนด แม้จะขอเวลานอกออกไปประชุมก่อนกลับมาร่วมพิจารณาต่อ เพื่อความรอมชอม และความเห็นอกเห็นใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

สำหรับรายละเอียดการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2567 แบ่งเป็น 17 อัตรา ดังนี้ 1.กลุ่มที่เพิ่มเป็น 370 บาทต่อวัน 1 จังหวัด ภูเก็ต, 2.ปรับเพิ่มเป็น 363 บาท 6 จังหวัด กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ, 3.ปรับเพิ่มเป็น 361 บาท 2 จังหวัด ชลบุรี และระยอง, 4.ปรับเพิ่มเป็น 352 บาท 1 จังหวัด นครราชสีมา, 5.ปรับเพิ่มเป็น 351 บาท 1 จังหวัด สมุทรสงคราม, 6.ปรับเพิ่มเป็น 350 บาท 6 จังหวัด พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ขอนแก่น และเชียงใหม่, 7.ปรับเพิ่มเป็น 349 บาท 1 จังหวัด ลพบุรี

8.ปรับเพิ่มเป็น 348 บาท 3 จังหวัด สุพรรณบุรี นครนายก และหนองคาย, 9.ปรับเพิ่มเป็น 347 บาท 2 จังหวัด กระบี่ และตราด, 10.ปรับเพิ่มเป็น 345 บาท 15 จังหวัด กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สงขลา พังงา จันทบุรี สระแก้ว นครพนม มุกดาหาร สกลนคร บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงราย ตาก และพิษณุโลก, 11.ปรับเพิ่มเป็น 344 บาท 3 จังหวัด เพชรบุรี ชุมพร และสุรินทร์, 12.ปรับเพิ่มเป็น 343 บาท 3 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร ลำพูน และนครสวรรค์

13.ปรับเพิ่มเป็น 342 บาท 5 จังหวัด นครศรีธรรมราช บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และเพชรบูรณ์, 14.ปรับเพิ่มเป็น 341 บาท 5 จังหวัด ชัยนาท สิงห์บุรี พัทลุง ชัยภูมิ และอ่างทอง, 15.ปรับเพิ่มเป็น 340 บาท 16 จังหวัด ระนอง สตูล เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี มหาสารคาม ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี และราชบุรี, 16.ปรับเพิ่มเป็น 338 บาท 4 จังหวัด ตรัง น่าน พะเยา และแพร่ และ 17.ปรับเพิ่มเป็น 330 บาท 3 จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี และยะลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน