ร.พ.แจงวุ่น จ่ายยาผิดให้ ด.ช. ขวบเศษกินกรดกำจัดหูดแทน ยานอนหลับจนคอไหม้โคม่า ระหว่างนั่งรถฉุกเฉินส่งสแกนสมองที่โรงพยาบาลจังหวัด หลังเด็กประสบอุบัติเหตุล้มหัวกระแทกพื้น ผอ.ยืนยันอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุ คาดสื่อสารคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการเตรียมยา เร่งหาข้อเท็จจริงเพราะยากินกับยาภายนอกจะอยู่แยกกัน เบื้องต้นสั่งพักงานจนท.-เภสัชฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว แม่เผยลูกกินไปจิบเดียวก็ดิ้นทุรน แต่พยาบาลสั่งต้องกินให้หมด อาการล่าสุดหมอยังไม่ให้ความหวังว่าจะรอดหรือไม่
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ร.พ.บางจาก อ.พระ ประแดง จ.สมุทรปราการ น.ส.สุพัตรา พันธุ์โกทา อายุ 25 ปี พร้อมเจ้าหน้าที่ จากเพจเฟซบุ๊ก “เป็นหนึ่ง” เข้าพบนพ. วันฉัตร ชินสุวาเทย์ ผอ.ร.พ.บางจาก เพื่อขอคำชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่จ่ายยาผิดให้ บุตรชาย วัย 1 ขวบ 4 เดือน จนมีอาการโคม่า โดยน.ส.สุพัตราร้องเรียนกับเพจ เป็นหนึ่ง ระบุว่า ด.ช.อายุ 1 ขวบ 4 เดือน ลูกชายเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ หัวปูด เหตุเกิดย่าน อ.พระประแดง จึงพาน้องไปสแกนสมองเพื่อความสบายใจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ต่อมาพยาบาลบอกว่าให้น้องกินยานอนหลับเพื่อให้น้องไม่ดิ้นตอนที่เข้าเครื่องสแกน แต่กินเข้าไปได้แค่สักพัก น้องมีอาการริมฝีปากซีดขาว น้องสำลักยาออกมาโดนแขนแม่ เมื่อยาโดนแขนแม่มีอาการแสบร้อนและผิวหนังเริ่มไหม้ แม่ได้แจ้งทางพยาบาลไปว่าน้องมีอาการผิดปกติ แต่พยาบาลบนรถบอกให้น้องกินให้หมด หลังจากน้องกินหมด อาการน้องกลับ หนักขึ้น ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ทาง โรงพยาบาลแจ้งว่ายาที่น้องกินเข้าไปนั้นเป็นกรด คาดว่าพยาบาลให้น้องกินยาผิด ตอนนี้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ยังอยู่ในห้องไอซียู และอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย เนื่องจากน้องมีอาการปากบวมคอช้ำดำคล้ายรอยไหม้
โดยเพจเป็นหนึ่ง เผยแพร่เรื่องราวว่า แม่ของเด็กเล่าว่า หลังจากลูกเข้าห้องไอซียูได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลแรก เพื่อสอบถามว่ายาที่ให้ลูกกินเป็นยาอะไร แต่ โรงพยาบาลพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ อ้างต้องขอดูข้อมูล โดยครอบครัวจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต่อมาเพจ เป็นหนึ่ง แจ้งว่า ยาที่พยาบาลให้น้องกิน มีชื่อว่า TCA (กรดไตรคลอโรอะเซติก) ใช้ในการจี้-รักษา หูดหงอนไก่ เป็นยาใช้ภายนอก ผู้ใช้จะมีอาการระคายเคืองผิวหนัง แต่น้องกินเข้าไป
ล่าสุด อาการด.ช.อายุ 1 ขวบ 4 เดือน เบื้องต้นแพทย์แจ้งอาการของน้องหลังออกจากห้องผ่าตัด มีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศา พยาบาลต้องคอยเช็ดตัวให้ตลอดและดูแลอย่างใกล้ชิด บริเวณลำคอหลอดลมมีความเสียหายเล็กน้อยไม่น่าเป็นห่วงนัก เนื่องจากขณะที่รับประทานนยาเข้าไปจังหวะกลืนนั้นค่อนข้างเร็ว ยาไม่ได้แช่อยู่บริเวณลำคอนานมากนัก แต่มีสะเก็ดแผลเล็กๆ ในลำคออยู่บ้าง ที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณช่องท้องกระเพาะ เนื่องจากยาที่กินเข้าไปทั้งหมด ไปสะสมกันอยู่ที่กระเพาะอาหาร แพทย์จะรอดูอาการหลังจากนี้ 2-3 วัน ระหว่างนี้แพทย์จะสังเกตอาการของแผลในช่องท้องว่าจะ ดีขึ้นเองหรือแย่ลง ในระหว่างนี้น้องต้องงดน้ำงดอาหาร 100% ต้องให้สารอาหารผ่านหลอดเลือดดำ หากอาการยังไม่ดีขึ้นแพทย์จะส่งลำกล้องเข้าไปภายในกระเพาะอาหาร เพื่อประเมินอาการต่อไป
ขณะที่นพ.วันฉัตร ชี้แจงว่า ข้อมูล เบื้องต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องหกล้มมีปัญหาที่ศีรษะ เลยจะส่งตัวไปรับการรักษาสแกนสมอง ที่ร.พ.สมุทรปราการ แต่ในระหว่างที่สแกนสมอง จำเป็นที่จะต้องมีการให้ยาเพื่อให้มีอาการเคลิ้มเพื่อที่จะง่ายต่อการตรวจ ประเด็นคืออาจจะมีการคลาดเคลื่อน เตรียมยาที่จะให้น้องหลับเป็นยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดทำให้ตอนให้ยากับน้องเกิดอาการระคายเคืองขึ้นมา ขณะเกิดเหตุอยู่ในรถฉุกเฉิน หลังจากนั้นจึงนำเข้าห้องฉุกเฉินที่ร.พ.สมุทรปราการ เพื่อรับการดูแลเบื้องต้น หลังจากนั้นน้อง ก็หายใจติดขัด จะทำการใส่ท่อช่วยหายใจ และนำส่งร.พ.รามาธิบดี สาเหตุมาจากเริ่มต้นที่น้องป่วย เราก็ประเมินเบื้องต้นว่าน้องซึม เราอาจจะต้องสนใจในเรื่อง เลือดออกในสมองหรือเปล่า เราเลยต้องส่งน้องไปที่ร.พ.สมุทรปราการ เพื่อสแกนสมองเนื่องจากโรงพยาบาลบางจากไม่มีเครื่อง
สำหรับประเด็นการใช้ยาคาดว่าน่าจะสื่อสารคลาดเคลื่อนในเรื่องของขั้นตอนการเตรียมยา ขณะนี้โรงพยาบาลกำลังสอบสวนอยู่ ต้องเรียนให้ทราบว่า เราประสานกับทางจังหวัดซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก กำลังให้ทางโรงพยาบาลเตรียมรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ ส่งไปทางจังหวัดและคณะกรรมการสอบสวน รายละเอียดอยู่ในช่วงจัดเก็บข้อมูลเพื่อส่งจังหวัด กำลังพิจารณาดูอยู่ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น หลังจากเกิดเหตุขึ้นเราเองไม่ได้บ่ายเบี่ยง จริงๆ แล้วถ้าจะส่งตัวและข้อมูล เราจะส่งทุกอย่าง ให้กับทาง โรงพยาบาลทุกครั้งที่จะทำการรักษา เพราะฉะนั้นเราไม่ได้บ่ายเบี่ยง เราจึงต้องใส่ข้อมูลให้ไปทั้งหมด โดยรวมทั้งหมดอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ โดยปกติตัวยาทั้ง 2 ชนิด จะจัดวางแยกกัน ระหว่างยาใช้ภายนอกที่มีฤทธิ์เป็นกรด และยาใช้ภายใน แต่ต้องไปตรวจสอบว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร แต่โดยโฟลว์ของการจ่ายยาจะมีการจัดยาให้ตรงเป็นไปตามมาตรฐานของทุกโรงพยาบาล
เมื่อสอบถามว่า ยาทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะใกล้เคียงกันหรือไม่ ผอ.โรงพยาบาล ระบุว่า เท่าที่ทราบจากที่รับแจ้งมา ทั้งบรรจุภัณฑ์และสียาใกล้เคียงกันเบื้องต้น ได้มีการให้ เจ้าหน้าที่หยุดงานทันทีในระหว่างขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า ผู้ที่จ่ายยาให้เป็นทีมเภสัชกร หากพบว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมีความบกพร่องจริงจะถูกดำเนินการตามระเบียบราชการโทษสูงสุดคือไล่ออก ทางจังหวัดเองไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะตรวจสอบข้อมูล ให้ทำข้อมูลขึ้นไป และเน้นย้ำให้ทางโรงพยาบาลดูแลเด็กรายนี้ ในเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาเต็มที่ และทำเอกสารเพื่อยื่น ม.41 เพื่อการเยียวยากับน้องโดยตรง
ด้านน.ส.สุภัทรากล่าวว่า ทราบว่าตั้งแต่เมื่อคืนที่รับตัวน้องเข้าไป น้องมีอาการสั่นตลอด เนื่องจากไข้ขึ้นสูง 40 ต้องเช็ดตัวตลอดเวลาและต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ สายแหย่ทางจมูกเพิ่มขึ้นอีก 1 สาย ไม่แน่ใจว่าเป็นสายอะไร นอกจากนี้ยังมีการเจาะสายทางคอ เพื่อที่จะให้สารอาหารเพราะต้องงดข้าวงดน้ำ 100% ต้องให้สารอาหารน้องเพื่อไปฟื้นฟูกระเพาะที่โดนตัวยาดังกล่าวทำลายตั้งแต่ลำคอลงไปเป็นแผลเล็กน้อย แต่ที่อันตรายคือกระเพาะ โรงพยาบาลรามาฯ แจ้งว่าต้องดูอาการน้องประมาณ 1 สัปดาห์ และต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด แล้วเขาไม่สามารถส่องกล้องตลอดเวลาได้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อกระเพาะของน้อง เราใจไม่ดีตรงที่หมอ บอกว่าอาจจะมีกระเพาะรั่ว ถามว่าน้อง จะรอดไหม เขายังตอบไม่ได้เลย แจ้ง ไม่ได้ 100% แต่จะช่วยให้เต็มที่
ขณะที่ป้าของหนูน้อยเผยว่า รู้สึกเสียใจเพราะหลานยังเล็กนัก เป็นเราเองที่เป็นคนไปเอายาตัวนี้มาให้หลาน แล้วหลานได้ รับประทานเข้าไปรู้สึกเสียใจ อยากจะให้ทางทีมงานและบุคลากรทุกคนที่เป็นคนจัดยาหรือส่งออร์เดอร์ให้ออกมาชี้แจงและนั่งคุยกับครอบครัว เนื่องจากครอบครัวรู้สึกเสียใจอย่างมาก เพราะว่าลูกหลานใครๆ ก็รัก และถ้าไม่ออกมารับผิดชอบจะชี้ เรียงตัวเลย เพราะจำรูปพรรณสัณฐานคนพวกนั้นได้ทุกคน ไม่ว่าจะห้องยา คนส่งออร์เดอร์ หรือคนที่สั่งให้หลานหนูรับประทานยาจนหมดไซริงจ์
“จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และจะให้บุคคลที่บังคับให้หลานรับประทานยาออกมารับผิดชอบด้วยไม่เอาตัวแทน ขอเป็นบุคคลคนนั้นที่แจ้งไปเท่านั้น ส่วนขณะเกิดเหตุที่ทานยาได้เกิดบนรถฉุกเฉิน เนื่องจากใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้วจึงป้อนยาให้กับหลาน และเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าต้องให้กินให้หมด แต่ขณะยิ่งกินก็ขาวเลย เหมือนหมากฝรั่งแข็งๆ” ป้าของเด็กกล่าว