เดชอิศม์เลขาพรรค สาธิตไขก๊อกอีกคน นายกฯทัวร์กาญจน์

‘เฉลิมชัย’ ฉลุยหัวหน้าปชป.คนใหม่ ลั่นงานแรกสร้างเอกภาพในพรรค ‘นราพัฒน์’ รั้งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรค ‘เดชอิศม์’ เลขาฯ พรรคตามคาด ‘อภิสิทธิ์’ ถอนตัวหลัง ‘ชวน’ เสนอชื่อชิงตำแหน่งหัวหน้า พร้อมประกาศลาออกจากสมาชิกพรรค ‘สาธิต’ โบกมือลาตามไปด้วย ‘มาดามเดียร์’ ยังกั๊กจะอยู่หรือไป แต่ของดร่วมกิจกรรมพรรคไว้ก่อน ‘เศรษฐา’ยกคณะลุยเมืองกาญจน์ ชูจังหวัดต้นแบบแก้ปัญหา ฮึ่มผู้ว่าการ ททท. มัวแต่ไปต่างประเทศกับจังหวัดใหญ่ๆ ไม่ดูแลจังหวัดที่เดือดร้อน ชาวบ้านแห่รับ ชูป้ายเชียร์นายกฯ รอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น

ปชป.ถกใหญ่เลือกหัวหน้าพรรค
เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นัดประชุมใหญ่วิสามัญ แต่เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะเปิดประชุมได้ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรค เป็นประธานการประชุม แจ้งว่าองค์ประชุมครบแล้ว 260 คน และขอเปิดการประชุมในเวลา 10.10 น. โดยแจ้งที่ประชุมว่าเป็นการประชุมครั้งที่ 3 สืบเนื่องจาก การประชุมใหญ่ 9 ก.ค. และ 6 ส.ค. องค์ประชุมไม่ครบ 250 เสียงตามที่กฎหมายกำหนด

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำของพรรคทุกฝ่ายมาอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ ยังเตรียมองค์ประชุมสำรอง 150 คน

‘ชวน’เสนอชื่อ‘อภิสิทธิ์’
จากนั้นเข้าสู่การเสนอชื่อหัวหน้าพรรค นายชวนกล่าวเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ว่า สถานการณ์การเมืองคนที่จะเลือกมาต้องไม่ด้อยกว่าพรรคอื่น และเชื่อว่าจะนำพรรคไปสู่แนวทางประชาธิปไตย และฟื้นฟูพรรคได้ โดยมีผู้รับรองชื่อนายอภิสิทธิ์ ครบ 169 เสียง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นหนี้บุญคุณพรรคและมีคนคาดหวัง บางคนโทรศัพท์บอกว่าตนเห็นแก่ตัวที่ไม่เข้ามากอบกู้พรรค พรรคมีกระบวนการ ไม่ใช่ว่าใครนึกอย่างนั้น อย่างนี้แล้วมากำหนดได้ คนภายนอก ส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ หลายเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ตนประหลาดใจและสะเทือนใจ เราตระหนักเพียงใดว่าพรรคอยู่ในภาวะ ยิ่งกว่าวิกฤต หลายคนบอกมีขึ้นมีลง แต่มีลงไม่ได้แปลว่าจะมีขึ้น ถ้าไม่เรียนรู้สรุปบทเรียน การสนับสนุนผู้สมัครและพรรค ไม่มียุคใดที่ทำได้มากเท่ายุคของนายเฉลิมชัย แต่ความพร้อมที่มากที่สุดกลับมาพร้อมความพ่ายแพ้ทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุด มีการ พูดว่าการเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้ว ฝ่ายอนุรักษ์ ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่คำตอบ ฝ่ายประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่คำตอบ อุดมการณ์พรรคที่เคยพูดว่าเราเป็นพรรคที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่ระยะหลังมีการประเมินว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคประชาธิปไตยแล้ว

ปิดห้องคุย – นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปิดห้องคุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ก่อนถอนตัวจากการชิงหัวหน้าพรรค ปชป. และลาออกจากสมาชิกพรรค จากนั้นที่ประชุมเลือกนายเฉลิมชัยเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ฯ กทม. เมื่อ 9 ธ.ค.

มาร์คปิดห้องคุยต่อ-ก่อนลาออก
“ผมได้ข้อสรุปว่าวันนี้ไม่ใช่เรื่องใครแพ้ หรือชนะ แต่วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ ไม่มีความเป็นเอกภาพแท้จริง ผมลงแพ้ก็น่าจะมีปัญหา ผมชนะก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นหลายเดือน ที่ผ่านมา เมื่อนายชวนเสนอชื่อผม ผมถามท่านรักษาการหัวหน้าพรรค พักการประชุม แล้วคุยกับผมหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายเฉลิมชัย ด้กล่าวว่า จะคุยกับตน 2 คน ใช่หรือไม่ แล้วสั่งพักการประชุม 10 นาที เพื่อไปพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์

เวลา 11.40 น. กลับมาเปิดประชุม อีกครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อที่ประชุมพร้อมน้ำตาคลอว่า จากการพูดคุยเข้าใจตรงกันทุกอย่าง ได้เรียนรักษาการหัวหน้าพรรคจะขอถอนตัวจากการสมัครหัวหน้าพรรค และขอลาออกจากสมาชิกพรรค แต่ยืนยันไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดเป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ ธรณี รับใช้บ้านเมืองวันข้างหน้า ถ้าช่วยพรรค ในวันข้างหน้าได้ตนไม่ปฏิเสธ หวังว่า ผู้บริหารชุดใหม่จะทำงานได้สำเร็จตามที่นายเฉลิมชัยกล่าวไว้กับตน

ทั้งนี้ อดีตสส. และสมาชิกพรรคหลายคน ถึงกับตกตะลึง โดยน.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ นางกันตวรรณ ตันเถียร อดีตสส.พังงา ถึงกับน้ำตาซึม

88.5%เลือก‘เฉลิมชัย’หน.พรรค
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการเสนอชื่ออีกครั้ง โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ เสนอชื่อนายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่นายขยัน วิพรหมชัย อดีตสส.ลำพูน เสนอชื่อน.ส.วทันยา บุนนาค มีเสียงรับรองเพียงพอ แต่เนื่องจากเป็นสมาชิก ไม่ถึง 5 ปี และไม่เคยเป็นสส.พรรค ขัดข้อบังคับพรรค ข้อ31(6) และข้อ32(1 ) จึงต้อง ใช้เสียง 3 ใน 4 ของผู้มาประชุม หรือ 195 เสียง เพื่อยกเว้นข้อบังคับดังกล่าว ปรากฏว่า น.ส.วทันยา ได้เพียง 139 เสียง เท่ากับ ที่ประชุมไม่อนุญาตให้ลงสมัคร ผู้สมัครจึงเหลือนายเฉลิมชัย คนเดียว

นายเฉลิมชัยลุกขึ้นกล่าวความในใจ ภายหลังเข้าเคลียร์ใจส่วนตัวกับนายอภิสิทธิ์ ว่า การตัดสินใจของตนวันนี้มันเจ็บ ทำลาย สิ่งที่ตนสร้างมาทั้งชีวิต ตนเข้าใจ ขอยืนยันว่าตนกรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้าไม่เป็น สีอื่น ตนมีความจำเป็นและอยากเห็นพรรคเดินไปข้างหน้า จะทำให้พรรคมีเอกภาพ ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค

“ที่สำคัญที่ผมได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ เมื่อครู่ ได้ยืนยันกับนายอภิสิทธิ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ ไม่ใช่เราจะไม่เป็น แต่เราไม่เคยเป็น ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ 22 ปี หลายสิ่งที่ผ่านมาอาจทำให้พรรคสะดุด ผมจะพยายามทำทุกอย่าง ผมมาทำงานในภารกิจหนึ่ง ผมจะพยายามทำให้พรรคมีเอกภาพ ทำให้ดีที่สุด และไม่มีวันทำลายหลักการและอุดมการณ์ของพรรค

จากนั้นเป็นการเข้าคูหาลงคะแนน ก่อนที่ เวลา 13.30 น. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ กกต.ประจำพรรค ประกาศผลลงคะแนนว่าที่ประชุมเลือกนายเฉลิมชัย ด้วยคะแนน 88.5 เปอร์เซนต์ ถือว่านายเฉลิมชัย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9

‘เดชอิศม์’นั่งเลขาฯตามคาด
เวลา 13.30 น. เข้าสู่การเลือกรองหัวหน้าพรรคประจำภาค 5 คน และรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ 8 คน ผลปรากฏว่า นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายไชยยศ จิรเมธากร อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน นายประมวล พงศ์ถารวาเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรอง หัวหน้าพรรคภาคกลาง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช เป็นรองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกทม.

ส่วนรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ 8 คน นายเฉลิมชัย เป็นผู้เสนอ 1.นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตรมช.มหาดไทย 2.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตรองเลขาธิการพรรค 3.พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาราเล่ สส.สงขลา 4.นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ 5.นายธารา ปิตุเตชะ อดีตสส.ระยอง 6.น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรค 7.นายมนตรี ปาน้อยนนท์ อดีตสส.ประจวบฯ และ 8.นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์

จากนั้นเลือกเลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย เสนอชื่อ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เป็นเลขาฯ พรรค ส่วนรองเลขาฯ พรรค ประกอบด้วย 1.น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง 2.นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบฯ 3.น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง 4.นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีตสส.กทม. 5.นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และ6.นางกันตวรรณ ตันเถียร อดีตสส.พังงา

ตำแหน่งเหรัญญิกพรรค นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ สส.กทม. นายทะเบียนพรรค นายวิรัช ร่มเย็น อดีตสส.ระนอง ส่วนโฆษก พรรคยังคงเป็น นายราเมศ รัตนะเชวง เช่นเดิม โดย กก.บห.มีทั้งหมด 41 คน

งานแรกสร้างเอกภาพในพรรค
นายเฉลิมชัยให้สัมภาษณ์หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า แนวทางฟื้นฟูพรรคอันดับแรกต้องสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค ขอให้ทุกคน ทุกรุ่นมาช่วยกัน และคณะทำงานต่างๆ ของ กก.บห.ชุดใหม่ต้องพร้อมทำงานทันที และประเมินผลทุกๆ 3 เดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อคืน 8 ธ.ค. และตนเพิ่งตัดสินใจ รับที่จะเป็นหัวหน้าพรรคในเวลา 22.00 น. ในคืนดังกล่าว 3 เดือนแรกได้บอกแล้วว่าต้องมีอะไรที่เป็นรูปธรรมให้เห็นว่าพรรคมีการเปลี่ยนแปลงจริง “ผมคิดว่าวันนี้ คนประชาธิปัตย์ยังรักพรรค หวังอย่างยิ่งว่าเราจะมาช่วยกันสร้างพรรค”

นายเฉลิมชัยยังกล่าวถึงการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ ว่าได้เรียนกับนายอภิสิทธิ์ว่าไม่ออกได้หรือไม่ แต่ท่านบอกว่าเพื่อให้ท่านสบายใจและไม่ถูกวิจารณ์ว่าเข้ามา ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของ กก.บห.พรรค ตนก็ต้องเคารพการตัดสินใจ แต่ท่านก็ยังบอกว่าพร้อมกลับมา ซึ่งตนก็พร้อมและยินดีอยากให้กลับมา “ผมกับท่านอภิสิทธิ์ไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกันสักนิดเดียว ผมยังพูดเหมือนเดิมว่ามองตาก็รู้ใจ ผมทำงาน กับท่านมานานจนกระทั่งเรารู้ใจซึ่งกันและกัน เพียงแต่ว่าการพูดกันในวันนี้เป็นการพูดเปิดในสิ่งที่ผมเจออะไร แล้วท่านคิดอะไรมาแลกเปลี่ยนกัน เชื่อว่าทั้งท่านและผมกรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้า ผมรักพรรค ท่านรักพรรค”

ไม่ปฏิเสธจ่อร่วมรัฐบาล
นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ตนมาวันนี้มาแค่เพื่อแก้วิกฤตของพรรค ให้พรรคเดินไปได้ และเป็นการประกาศชัดเจนว่าประชาธิปัตย์ จะมีการปรับเปลี่ยน เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ และคนนอกเข้ามาพรรคมากขึ้น

เมื่อถามว่าการพูดกับนายอภิสิทธิ์ เกี่ยวกับการเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องลาออก นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่ได้คุยรายละเอียดตรงนั้น ยืนยันว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน วันที่ 12 ธ.ค. เปิดสมัยประชุมสภาเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ที่สมบูรณ์และเข้มแข็งที่สุด

เมื่อถามว่าแสดงว่าประชาธิปัตย์จะไม่ไป ร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าแสดงว่าในอนาคตหากมีการทาบทามหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พรรคพร้อมจะไปร่วมรัฐบาล นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เราต้องนึกถึงประโยชน์ของประเทศชาติและพรรค ไม่ใช่ตัวบุคคล

เมื่อถามว่ามีการลาออก 2 คน ทั้ง นายอภิสิทธิ์ นายสาธิต อีก 4 เสียงไม่ได้ มีมติให้เป็นหัวหน้าพรรคจะสร้างเอกภาพอย่างไร นายเฉลิมชัยกล่าวว่าตนจะพยายามให้เต็มที่ จะคุยกับทุกฝ่ายว่าวันนี้จะขอให้ทุกคนมาช่วยกัน ส่วนผู้อาวุโสในพรรคทั้งนายชวน นายบัญญัติ ก็ต้องไปพูดคุยเพราะท่านเป็นปูชนียบุคคล เราต้องไปปรึกษาท่าน อยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครรักพรรคน้อยกว่าใคร

มาร์คยันไม่มีอะไรค้างคาใจ
ภายหลังประกาศลาออก นายอภิสิทธิ์เดินทางกลับทันทีและให้สัมภาษณ์เพียงว่า พูดไปหมดแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรค้างคาใจ ส่วนบทบาททางการเมืองจากนี้จะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้คิด

เมื่อถามว่าคาดการณ์ล่วงหน้าว่าหากพูดคุย กับนายเฉลิมชัย แล้วจะลาออกจากพรรค นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบ เมื่อถามว่า ระหว่างการคุยกันนายเฉลิมชัยบอกว่าจะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทำให้ตัดสินใจลาออก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวท่านก็พูดเอง เมื่อถามว่า การตัดสินใจลาออกวางแผนไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบ พร้อมเดินขึ้นรถ โดยมีสมาชิกพรรควิ่งจับมือ ซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่าเดี๋ยวเจอกัน

สาธิตประกาศทิ้งปชป.ตาม
นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยเหตุผล 4 ข้อ 1.มีการเปลี่ยนแปลงเชิงอุดมการณ์อย่างมาก การประชุมเลือกหัวหน้าและกก.บห.เหมือนรู้ผลล่วงหน้า ทิศทางพรรคที่ผ่านมาถึงวันนี้ละทิ้งอุดมการณ์ เห็นชัดในการจัดตั้งรัฐบาลมีการไปลงมติให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรคมีมติงดออกเสียง 2.คนกลุ่มหนึ่งในพรรคให้ความสำคัญกับคำว่าพรรคพวกมากกว่าจุดยืน อุดมการณ์ ปราศจากจุดยืนทางการเมือง 3.ทิศทางพรรคไม่เปิดโอกาสให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 4. คนที่จะมานำพาพรรคไม่รักษาสัจวาจา อย่าว่าแต่เป็นผู้บริหารพรรคเลย เป็นนักการเมือง ก็เป็นไม่ได้

จึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาผูกพันกับพรรค และจะดูว่าคนที่จะบริหารพรรคจะนำพาพรรคไปสู่จุดไหน จะติดตามเฝ้าดู ถ้ามีโอกาสก็พร้อมกลับมาร่วมงานกับเพื่อนสมาชิก ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจจะไปพรรคไหน การลาออกเป็นการตัดสินใจของตนคนเดียวและคิดว่าจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่มีแนวความคิดตรงกันก็แล้วแต่จะตัดสินใจ ตนไม่ได้ชวนใคร

หมอสุรันต์ออกอีกคน
นอกจากนี้ นายสุรันต์ จันทร์พิทักษ์ อดีตสส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ เฟซบุ๊ก “ขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอดีตสส.คนที่ 3 ที่ลาออกจากสมาชิกพรรคในวันเดียวกัน

เดียร์งดกิจกรรมร่วมกับพรรค
ด้านน.ส.วทันยา บุนนาค ให้สัมภาษณ์หลังไม่สามารถลงสมัครหัวหน้าพรรคได้ว่า ตนลงสมัครเพราะหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น แต่วันนี้แสงแห่งความหวัง แสงแห่งความเปลี่ยนแปลงมันไม่เกิดขึ้น แล้วเราจะคาดหวังแสงแห่งศรัทธาจากประชาชนคืนมาได้อย่างไร

เมื่อถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ต้องขอประเมิน ทบทวน และรอดูทิศทางของพรรค ตอนนี้ ตัดสินใจว่าจะยังไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่ยังจะทำงานที่สัญญาไว้กับประชาชน เช่น การ ขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ หรือที่ทำเพื่อประชาชน แต่งานที่ทำร่วมกับพรรค จะงดเว้นไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจน

นายกฯย้ำไม่ล็อบบี้กฤษฎีกา
ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีประชาชนเรียกร้องโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่างต่อเนื่อง มีความคืบหน้าอย่างไรว่า เป็นไปตามที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่าส่งคำถามให้คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ทุกอย่าง มีความคืบหน้า ส่วนจะตอบกลับอย่างไรยังไม่ทราบ ตนไม่ได้คุย แต่ยืนยันเราทำดีที่สุด ให้เหตุผลที่ดีที่สุดไปแล้ว ไม่ต้องล็อบบี้

เมื่อถามคำถามที่ส่งมีเนื้อหาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราพูดคุยกันว่าโครงการดังกล่าวเร่งด่วนจำเป็นหรือไม่ โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็น และโครงการนี้ รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นการยกระดับ ไม่ใช่การโยนภาระให้นายจ้างอย่างเดียว ตนพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมให้ประชาชนที่อยู่ชายขอบ

มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ตทันพ.ค.67
“โครงการดิจิทัลวอลเล็ตหากออกเดือน พ.ค.67 อยากให้คิดตามเงินจะเข้าระบบ 4-5 แสนล้านบาท การจ้างงานและการผลิตจะสูงขึ้นหรือไม่ นายจ้างจะมีรายได้สูงขึ้นหรือไม่ ขายของจะดีขึ้นหรือไม่ จึงอยากจะวิงวอนและอ้อนวอน ไม่รู้จะใช้คำ อะไรแล้ว” นายเศรษฐากล่าว เมื่อถามว่ามั่นใจโครงการจะคลอดตามกำหนดเดือน พ.ค.67 นายกฯ กล่าวว่า ยังมั่นใจ ยังไม่มีตัวชี้วัดอะไรออกมาว่าจะไม่สำเร็จ เมื่อถามว่ามีแนวทางสำรองหรือไม่หากมีปัญหา จนโครงการไม่ได้ออกมาตามกำหนด นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าปัญหาคืออะไร คำถามที่ออกมาหรือข้อโต้แย้งคืออะไร

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตรัฐบาล ทุ่มเวลาให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ออกมาช้า นายกฯ ย้อนว่า สื่อเห็นว่าตนทำแต่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านตนทำเรื่องหนี้ นอกระบบ สัปดาห์ก่อนโน้นลงพื้นที่ ดูเรื่องชายแดนที่ จ.สระแก้ว ก่อนหน้าก็ไปเมืองซานฟรานซิสโก ร่วมประชุมเอเปค ทำอยู่เรื่องเดียวหรือไม่ 12 ธ.ค.นี้ก็จะแก้เรื่องหนี้อีก การท่องเที่ยวเราก็ทำ เราทำหลายเรื่องอย่างเต็มที่ จากนั้นนายกฯ ถามติดตลกว่าวันนี้วันอะไร เมื่อนักข่าวตอบว่าวันเสาร์ นายกฯ ย้อนว่า “แล้วส่วนมาก เขาทำอะไรกัน”

ทักทาย – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ โบกมือทักทายประชาชนและนักท่องเที่ยวบนขบวนรถไฟเส้นทางน้ำตก-ธนบุรี ขณะจอดบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี ระหว่างยกคณะไปตรวจราชการ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

เศรษฐายกคณะลุยเมืองกาญจน์
เวลา 09.00 น. นายเศรษฐานำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการจ.กาญจนบุรี จุดแรกที่ศูนย์ประสานงาน อ.ท่ามะกา พบปะประชาชนชาวกาญจนบุรี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ในฐานะอดีตนายกอบจ.กาญจนบุรี เจ้าของพื้นที่เก่า และสส.กาญจนบุรี ประกอบด้วยสส.เพื่อไทย นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.เขต 1 นายชูศักดิ์ แม้นทิม สส.เขต 2 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.เขต 4 นายพนม โพธิ์แก้ว สส.เขต 5 รวมทั้ง นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน สส.เขต 3 พรรคภูมิใจไทย ต้อนรับ

รวมถึงประชาชนที่มาต้อนรับ ถือป้ายสนับสนุนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตข้อความ “ยินดีต้อนรับท่านนายกฯ ชาวกาญจน์รักนายกฯ นิด” “เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รออยู่นะคะท่าน” บางส่วนเขียนนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ 8 เรื่อง นายกฯ ทักทายประชาชน ที่มาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้

นายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ยินดีมากที่ได้กลับมาจ.กาญจนบุรี อีกครั้ง หลังเลือกตั้ง ตลอด 3 เดือนที่บริหารพบว่าบ้านเมือง มีปัญหาเยอะ แต่เรามีรัฐมนตรีและทีมงานที่พร้อมจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เสียงสะท้อนเหมือนกันหมดคือเรื่องปากท้อง หนี้สิน ยาเสพติด ที่ทำกิน ราคาเกษตร การค้าขายระหว่างพรมแดน รัฐบาลนี้ไม่ได้ นิ่งนอนใจ

ยกแม่แบบทำงานบูรณาการ
เวลา 13.00 น. ที่ อบจ.กาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม นายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าโอท็อป สินค้าวิสาหกิจชุมชนของกาญจนบุรี นิทรรศการผ้าไทยใส่ให้สนุก ชมผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มเกษตรกร รุ่นใหม่ (ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์) โดยให้ความ สนใจการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ระบุว่าต้องการโรงงานแปรรูปและพร้อมหากจะมาตั้งที่กาญจนบุรี

จากนั้น นายกฯ ประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวม จ.กาญจนบุรี ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ จังหวัดเสนอแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาที่ดิน ระบบระบายน้ำท่วม การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน เป็นต้น

นายกฯ กล่าวว่า ได้รับฟังบรรยายสรุป รู้สึกผู้บริหาร สส. อบจ. ผู้ว่าฯ ทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ถือเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้ว่าฯ โตที่นี่ เกิดที่นี่ ตั้งแต่ปลัดจังหวัดและจะอยู่ที่นี่ต่อไป หวังว่าจะทำงานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประชาชน และทำงานร่วมกับสส.ทุกพรรค ทุกคนได้อย่างดีมากให้ความเป็นกลาง จังหวัดอื่นไม่ต้องคิดมาก เอากาญจนบุรีเป็นแม่แบบ ขอฝากนายอนุทิน ให้เป็น คู่คิดด้วย อย่าไปคิดเป็นพรรคไหน มาทำเพื่อ พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นการดีทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

ฮึ่มททท.ดูแลท่องเที่ยว
นายกฯ กล่าวว่า การบรรยายสรุปที่นี่ ดีกว่าจังหวัดอื่นๆ ที่ไปมา ความพร้อม ทุกอย่างมีหมด อาจเป็นเพราะมีรัฐมนตรีมาครบทุกกระทรวงก็ได้ ต่อไปนี้คงจะต้องมาครบทุกกระทรวง ขอย้ำบางเรื่องเช่น การแก้ปัญหาจัดสรรที่ดิน ตั้งแต่ปี 2481 มีปัญหามานานมาก มีพื้นที่ที่ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง ต้องยกเลิกบ้าง และมีการออกโฉนดใหม่ อยากสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทสส. รมว.เกษตรฯ มหาดไทย รวมถึงทางจังหวัดให้ช่วยพูดคุยกันให้จบ อยากให้จบชื่อรุ่นนี้ จึงต้องฝากผู้ว่าฯ ด้วย หากแก้ปัญหาเรื่องที่ดินได้จะแปลงสินทรัพย์ ให้เป็นทุนได้อย่างดีมาก

พร้อมกำชับการแก้ปัญหาน้ำแล้ง ส่วนศักยภาพการค้าทางชายแดน ไม่อยากให้พี่น้องกาญจนบุรีหมดหวัง ถ้าเราวางตัวเป็นศูนย์กลางได้ เจรจาทุกอย่างสงบสุขได้ ชายแดนเรากับพม่าเกือบ 2,000 ก.ม. เป็นทางผ่านไปถึงอินเดีย เราสามารถเป็นผู้เล่นสำคัญในการนำความสงบมาได้

การท่องเที่ยวว่าแปลกใจที่ผู้ว่าฯ บอกว่า กาญจนบุรี เป็นอันดับ 3 นักท่องเที่ยว 1 คน ใช้เงินแค่ 1,000 กว่าบาท แสดงว่ามาเช้าเย็นกลับ โรงแรมที่จ.กาญจนบุรี มี 600 กว่าแห่ง ฝากทีมงานให้ไปพูดคุยกับผู้ว่าการ ททท. มัวแต่ไปอังกฤษ เบอร์ลิน อยากให้มาดูกาญจนบุรี ดูแลจังหวัดที่เดือดร้อน ไปจังหวัดใหญ่ๆ เชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดแบบนี้เป็นอันซีน ช่วงหนึ่งนายกฯ ยังถาม ททท.กาญจนบุรี ฝากให้ดูเรื่องการท่องเที่ยว เพราะจังหวัดนี้มีศักยภาพสูง อย่าตะแบงแค่ตัวเลขอย่างเดียว คนมาเยอะไม่ช่วย รายได้ รายจ่ายต่อหัว ระยะเวลาท่องเที่ยว ต้องลงพื้นที่ให้หนัก มาพูดคุยกับผู้บริหารจังหวัด ผู้ว่าฯ สส.

เที่ยวงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว
เวลา 14.35 น. นายเศรษฐาพร้อมคณะ เยี่ยมชมงาน “สัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ประจำปี 2566” ที่ต.ท่ามะขาม โดยทักทายประชาชนและถ่ายภาพร่วมกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่เป็นที่ระลึก และเดินเยี่ยมชมบริเวณทางรถไฟสะพานข้าม แม่น้ำแคว

เมื่อนายกฯ ถึงที่จัดงาน ประชาชนที่ยืนรอ เข้ามามอบดอกไม้ ขอถ่ายรูป ผูกผ้าขาวม้า บางคนโผเข้าสวมกอดนายกฯ พร้อมเอ่ยแซว “นายกฯ งวดนี้ขอ 30 นะคะ” นายกฯ ยิ้มเขินและกล่าวขอบคุณ และระหว่าง เดินชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีการถ่ายรูปกับรัฐมนตรี และสส.เป็นที่ระลึก ขณะที่เดินผ่านประชาชนที่นำปลาไหลมาวางขายให้นักท่องเที่ยวได้เดินหลบคณะนายกฯ แต่นายเศรษฐาเรียกและขอเหมาซื้อปลาไหล ปล่อยกลางสะพานลงสู่แม่น้ำ โดยนายกฯ และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ มอบเงินค่าปลา คนละ 1,000 บาท

เวลา 15.10 น. นายกฯ แวะตรวจเยี่ยมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ที่จะเปิดให้บริการฟรี ช่วง 28 ธ.ค.66- 3 ม.ค.67 ช่วงอ.เมือง จ.นครปฐม ถึง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี 2568

บินเปิดมหกรรมศิลปะเชียงราย
หลังจบภารกิจที่จ.กาญจนบุรี นายกฯ ขึ้นเครื่องบินของทอ. จากโรงเรียนการบิน ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปยัง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อเป็น ประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมศิลปะ ร่วมสมัยระดับนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่หอศิลป์ ร่วมสมัยเมืองเชียงราย หรือ Chiang Rai International Art Museum (CIAM) ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธาน คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดงาน

ชลน่านประกาศชัยชนะ‘ควิกวิน’
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ประกาศชัยชนะ 1 ในนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 100 วัน จากนโยบายมะเร็งครบวงจรว่า หนึ่งในโครงการภายใต้นโยบายมะเร็งครบวงจรที่ประสบความสำเร็จล่วงหน้าไปแล้ว ก่อนจะครบ 100 วัน คือการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี โดยหลังจากเริ่มคิกออฟ การฉีดวัคซีนให้ได้ 1 ล้านโดสภายใน 100 วันไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยจัดให้ทุกจังหวัดรณรงค์ฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนหญิงกลุ่มเป้าหมายอายุ 11-20 ปีอย่างต่อเนื่อง และขยายการฉีดไปกลุ่มอายุเดียวกันที่อยู่นอกระบบโรงเรียนด้วย ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ส่งผลให้วันนี้ สธ.ฉีดวัคซีนได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านโดสแล้ว โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1,036,891 โดส ถือเป็นความสำเร็จที่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเร็วกว่ากำหนดที่คิดว่า จะทำให้สำเร็จ

“วันนี้ผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี มากกว่า 1 ล้านคน ได้รับการปกป้องจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งของผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งแล้ว อยากให้ทุกคนร่วมยินดี ในความสำเร็จครั้งนี้ด้วยกัน และขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงานที่ช่วยกันจัดหาวัคซีน ได้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค” นพ.ชลน่านกล่าว

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กนักเรียนหญิงอายุ 11-20 ปี พร้อมกัน 1 ล้านคน เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะส่งผลดีไปในภายหน้าหลายสิบปี ทำให้ประชากรกลุ่มฉีดวัคซีนนี้มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงมากกว่า 10,000 ราย และหากกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีน HPV เข็มที่ 2 โดยห่างจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 6 เดือน จะมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมาย หญิง 11-20 ปีในประเทศไทย มี 3.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนในปีนี้รวมกับที่เคยได้วัคซีนมาแล้วในอดีตทั้งหมด 2.2 ล้านคน จึงเหลือกลุ่มเป้าหมายเพียง 1.6 ล้านคนที่จะทยอยเข้ารับวัคซีนต่อ รวมถึงการจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่ 2 ในอีก 6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ จะรณรงค์ให้ผู้หญิงอายุ 30-60 ปีเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วย เพื่อเป้าหมายสตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูก ตามนโยบายมะเร็งครบวงจรของกระทรวงสาธารณสุข

‘ทวี’บินลงใต้-ลุยแก้ยาเสพติด
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ห้องประชุมปัญจเพชร ชั้น 3 ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในมิติของศาสนา การพัฒนา และชุมชนพหุวัฒนธรรม ปี 2567 โดยมีพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาฯ ศอ.บต. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รองแม่ทัพภาคที่ 4 /รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายของรัฐบาลโดยป.ป.ส.ที่กำกับดูแลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินว่ารัฐบาลมีความจริงจังและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา และทำให้ปริมาณการค้ายาเสพติดจะต้องลดลงและหมดไป พร้อมทั้งลดจำนวนผู้เสพผู้ใช้ ตลอดจนจำนวนผู้ติดยาเสพติดรายใหม่ถึงแม้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป แต่ยังมีพืชบางชนิดเช่นใบกระท่อมและกัญชาที่เป็นวาระทางกฎหมาย ในส่วนของใบกระท่อมที่จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนและเคร่งครัด ดังนั้นปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาเร่งด่วนและเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า ในที่ประชุมศอ.บต.ได้นำเสนอกรอบการแก้ไขปัญหา โดยสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับพื้นที่ปลายบูรณาการส่งเสริมและขยายผลบทบาทกลไกภาคประชาสังคมระดับพื้นที่หมู่บ้านชุมชน สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนองค์กรต่างๆ ในพื้นฐานการกระจายบทบาทและทรัพยากรอย่างเหมาะสม ซึ่งกลไกของภาคประชาสังคมในการเสริมสร้างพลังในการป้องกันยาเสพติดด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน