ผนึกตร.ไซเบอร์ยึด6หมื่นรายการ ตัดวงจรแก๊งคอล

กสทช.ผนึกตำรวจไซเบอร์ทลายคลังเก็บอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อน ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามนโยบายรัฐบาล พบเครื่องมือต้องสงสัยสำหรับใส่ซิมการ์ดที่แก๊งมิจฉาชีพอาจใช้หลอกหลวงชาวบ้านเพียบ เกือบ 6 หมื่นรายการ มูลค่า 2 ร้อยล้าน ทีมโฆษกรัฐบาลเตือนเบอร์อันตราย โทร.หลอกดูดเงินในมือถือเกลี้ยงบัญชี

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโน โลยีฯ, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านอาชญากรรมเทคโนโลยี, นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และชุดปฏิบัติการ กสทช. พร้อมด้วยตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) แถลงผลการกวาดล้างคลังอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อนกวนสัญญาณมือถือ มุ่งตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

พล.ต.อ.ณัฐธรกล่าวว่า สืบเนื่องจาก กสทช. และตำรวจ ร่วมกันจับกุมและตรวจยึดอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อน และอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ก่ออาชญากรรม อาทิ กล่องบรรจุซิมอิเล็กทรอนิกส์ (Sim box), เสาสัญญาณปลอม (False base station) ฯลฯ ได้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อได้ว่ามีการลักลอบนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยการแยกชิ้นส่วน หรือซุกซ่อนมากับอุปกรณ์ประเภทอื่นโดยผิดกฎหมาย

สกัดแก๊งคอล – พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. พร้อมด้วยตำรวจไซเบอร์ แถลงกวาดล้างอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนครั้งใหญ่ ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบายของนายกฯ ที่กสทช. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.

จากการสืบสวนทราบว่า มีแหล่งจำหน่ายและคลังเก็บสินค้าอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นผิดกฎหมายกระจายอยู่หลายพื้นที่ ประกอบกับมีการแจ้งเบาะแสว่ามีอุปกรณ์ส่งสัญญาณกวนมือถือ ทำให้คุณภาพของสัญญาณโทรศัพท์ลดลง เอื้อต่อแก๊งอาชญากรออนไลน์ กสทช.จึงขอหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าตรวจค้นคลังสินค้าต้องสงสัยใน จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้น แม้ไม่พบอุปกรณ์ดังกล่าวโดยกายภาพ แต่พบเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อน ลักษณะคล้ายกล้องวงจรปิดใส่ซิมการ์ดและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงยึดอายัดส่งตรวจพิสูจน์ถึงวัตถุประสงค์การใช้ และจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6 ที่กำหนด “ห้ามมิให้ผู้ใดทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต” ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านพล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวเสริมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำงานใกล้ชิดกับกสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้สามารถยึดของกลางได้ 58,400 รายการ มูลค่ากว่า 2 ร้อยล้านบาท จึงส่งตรวจพิสูจน์ถึงวัตถุประสงค์การใช้ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ตำรวจและกสทช.จะบูรณาการเดินหน้ากวาดล้างแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตัดต้นตอแก๊งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมออนไลน์ ไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมเถื่อนที่ใช้กระทำความผิดได้โดยง่าย ป้องกันคนไทยไม่ให้ถูกหลอกลวง

วันเดียวกัน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ใช้เบอร์ 08-2810-3575 โทร.หาประชาชนและหลอกลวง โดยให้กดยกเลิกสิทธิ์โครงการของรัฐที่หมดเขตไปแล้ว และให้ประชาชนล็อกอินใส่ยูเซอร์เนม และรหัสของแอพฯ “เป๋าเงิน” ในลักษณะจงใจหลอกลวงประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะไลน์ อีกทั้งยังแอบอ้างว่าได้รับเอกสารสิทธิพิเศษจากกระทรวงการคลัง ซึ่งมีการลงนามโดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อเพราะเป็นการแอบอ้างของมิจฉาชีพ ดังนั้นหากมีเบอร์ดังกล่าวโทร.ติดต่อเข้ามา อย่าได้รับ และขอให้บล็อกทันที ยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่ให้เจ้าหน้าที่ใดๆ ติดต่อหาประชาชนเพื่อให้ยกเลิกสิทธิ์โครงการของรัฐทั้งนั้น และไม่มีการมอบสิทธิใดๆ ให้แก่บุคคลในการกระจายเงินในรูปแบบต่างๆ ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูล รวมถึงกระทรวงการคลังไม่ได้มีแอพพลิเคชั่นไลน์แต่อย่างใดด้วย








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน