ครม.ตีกลับค่าแรงให้ไปคิดสูตรใหม่
‘เศรษฐา’ ลั่นเดินหน้าสาวให้ถึงตัวการหมูเถื่อน ดีเอสไอเผยยังไม่พบนักการเมืองใหญ่มีเอี่ยว นายกฯปรับประชุมครม.เริ่ม 10 โมง หวังกินข้าวกับรมต.กระชับสัมพันธ์ เผย ‘พิพัฒน์’ ดึงกลับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ไปคิดสูตรใหม่ หวังตัวเลขมากกว่าเดิม ด้านรมว.แรงงานมั่นใจทันเริ่ม 1 ม.ค.67 ‘ภูมิธรรม’ ยันไม่ดึงปชป.ร่วมรัฐบาล ‘อนุทิน’ ระบุรัฐบาล 314 เสียงปึ้กมาก นายกฯ ปัดไม่รู้ระเบียบใหม่ราชทัณฑ์ ด้าน ‘ทวี’ แจงยึดหลักนิติธรรม ไม่เกี่ยวตัวบุคคล ‘อิ๊ง’ ขอดูหลักเกณฑ์ ‘แม้ว’ เข้าเงื่อนไขคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ ‘จุรินทร์’ ถามมีนายกฯ ไว้ทำไมถ้าปล่อยให้นักโทษไปติดคุกที่บ้าน
‘เศรษฐา’ปรับถกครม.เป็น10โมง
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเริ่มเวลา 10.00 น. ถือเป็นสัปดาห์แรกที่ปรับเวลาประชุมจากเดิม 09.00 น. เป็น 10.00 น. หลังจากนี้ครม.จะเริ่มประชุมเวลาดังกล่าว
เนื่องจากที่ผ่านมาครม.เลิกประชุมเร็ว ทำให้นายกฯ ไม่มีช่วงกินมื้อกลางวันร่วมกับครม.ของพรรคร่วมรัฐบาล จึงเปลี่ยนเวลาประชุม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ภายในรัฐบาลให้ดียิ่งขึ้น ส่วนงานประชา สัมพันธ์ของแต่ละกระทรวงก่อนประชุมครม. จะให้เน้นไปที่งานใหญ่ๆ ตามเทศกาลของแต่ละกระทรวงเท่านั้น
เผย‘พิพัฒน์’ดึงกลับขึ้นค่าแรง
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการไตรภาคีมีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อ วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2566 ทั้ง 77 จังหวัด ในอัตรา 2-16 บาทว่า เรื่องของแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานได้นำเสนอต่อที่ประชุมครม.โดยนายพิพัฒน์ได้สรุปเอง บอกว่าจะต้องนำกลับไปตั้งข้อสังเกตและพิจารณาสูตรการคิดค่าแรงใหม่ ท่านนำมาเสนอและดึงกลับไปเองจึงแจ้งเพื่อทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นการตั้งข้อสังเกตไปแล้ว ต้องแล้วแต่และต้องให้เกียรติคณะกรรมการไตรภาคี พูดได้แค่นี้ ต่อข้อถามว่าจะทันช่วงปีใหม่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าอาทิตย์หน้าอาจจะนำเข้าที่ประชุมครม.หรือไม่เกิน 2 อาทิตย์อาจจะเป็นวันที่ 25 ธ.ค.หรืออะไรสักอย่างตรงนั้น น่าจะเอาเข้ามาทันได้
ต่อข้อถามว่า ตัวเลขที่นายกฯ ตั้งใจไว้อยู่ที่เท่าไหร่ นายเศรษฐากล่าวว่าไม่ใช่ตัวเลขปัจจุบัน แต่ต้องฟังเขาก่อน มีข้อกฎหมายอะไรหลายๆ อย่าง ที่ทักท้วงเข้ามา แต่สิ่งที่ตนต้องการไม่ใช่ตัวเลขจำนวนนี้ เมื่อถามว่า จะได้ตัวเลข 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศหรือไม่ นายเศรษฐาไม่ตอบคำถาม
คิดสูตรใหม่-ทันเริ่ม 1 ม.ค.67
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุครม.มีมติรับทราบ มติคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 หรือบอร์ดไตรภาคี ที่เห็นชอบการปรับอัตราค่าจ้าง ขั้นต่ำ ปี 2567 เพิ่มขึ้นวันละ 2-16 บาท หรือเฉลี่ย 2.37% แต่เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น กระทรวงแรงงาน จึงขอเสนอกลับไปพิจารณารายละเอียด เพิ่มเติมอีกครั้ง คาดว่าจะนำกลับเข้ามาในครม.ก่อนสิ้นปี 2566 นี้
“วันนี้กระทรวงแรงงาน เสนอมติของคณะกรรมการค่าจ้างเข้ามาครม.ตามกำหนด แต่ในการประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกตและขอนำกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม เพราะส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการนำหลักการคำนวณ ค่าจ้างขั้นต่ำ โดยใช้ฐานปี 2563-2564 มาเป็นสูตรคำนวณ โดยจะเสนอไปยัง คณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณาเพิ่มเติมใหม่อีกครั้ง” นายพิพัฒน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบนี้เมื่อนำกลับไปพิจารณาใหม่ จะทำให้เกิดความล่าช้าหรือไม่นั้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า การดำเนินการจะทำให้เร็วที่สุดและจะได้ข้อสรุปในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั่วประเทศเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567
อภิปรายงบ 67 ตามขั้นตอน
นายเศรษฐากล่าวว่า ในที่ประชุมครม. ตนได้สั่งการ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกงานกาชาด ขอให้รัฐมนตรีช่วยไปเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2566 จัดระหว่างวันที่ 8-18 ธ.ค.ที่สวนลุมพินี กทม.และช่วยสนับสนุนสินค้าโอท็อปด้วย ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 นายเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวว่าไปตามขั้นตอน ซึ่งมี ขั้นตอนอยู่แล้ว
ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชี รายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงข้อเสนอฝ่ายค้านขอ ให้เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ออกไป จากเบื้องต้นกำหนดไว้วันที่ 3-4 ม.ค.2567 ด้วยเหตุผลสส.อาจศึกษา เนื้อหาร่างพ.ร.บ.งบประมาณไม่ทัน ว่า ต้องหารือในวิปรัฐบาล สาระสำคัญของ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้งบ หากจะเลื่อนต้องฟังความเห็นของหลายฝ่าย โดยเฉพาะต้องรับฟังรัฐบาลด้วย เพราะขณะนี้เกินกรอบ ระยะเวลาการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณมา 4 เดือนแล้ว
หนุ่มบุกชกผู้ช่วยสส.ในทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.35 น. ช่วงเลิกประชุมครม. เกิดเหตุวิวาทขึ้นภายในทำเนียบรัฐบาล บริเวณร้านกาแฟ APCD 60+ ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างของตึกบัญชาการ 1 สถานที่ประชุมครม. ทราบต่อมาผู้ก่อเหตุ คือ นายอิทธิพล (ไม่ทราบนามสกุล) อ้างว่ามาพบนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการ นายกฯ ฝ่ายการเมือง กับผู้ช่วยสส.ของ นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย แต่กลับตรงเข้ามาทำร้ายร่างกาย ชกที่หน้าผู้ช่วย สส.ของนายชูชัย ที่นั่งอยู่บริเวณร้านกาแฟโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ใกล้เคียงเข้าไปห้ามปรามก่อน แยกคู่กรณีออกจากกัน พร้อมไปแจ้งความที่สน.ดุสิต
ต่อมานายสมคิด เปิดเผยว่า บุคคลที่ ก่อเหตุได้แอบอ้างว่าจะมาพบตน โดยติดบัตรแสดงตัวของเดิมสมัยรัฐบาลที่แล้วเข้ามา ยืนยันว่าตนไม่ได้นัดหมายบุคคล ดังกล่าว ยอมรับว่าเคยเจอเพียงแค่ครั้งเดียวที่มากับนายเวียง วรเชษฐ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แล้ว จึงไม่ทราบสาเหตุการเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลและไปก่อเหตุชกต่อย ซึ่งได้กำชับไปทางผู้อำนวยการกองสถานที่และรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ให้ตรวจสอบเรื่องการเข้าออกของผู้ติดตามบางส่วนที่ยังใช้บัตรอนุญาตเดิมผ่านเข้าออก
‘เสี่ยอ้วน’ลั่นไม่ดึงปชป.ร่วมรบ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค จะมีการปรับครม.หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องของพรรคประชา ธิปัตย์ที่มีการแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ ครม.ก็เดินหน้าทำงานต่อไป ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในทางการเมืองพรรคเพื่อไทยจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีเรื่องแบบนั้น ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกัน ด้วยดี และคุยกันดี ต่อข้อถามว่ารัฐบาล 314 เสียง ถือว่าเหนียวแน่นไม่ต้องเอาใครมาเพิ่ม นายภูมิธรรมกล่าวว่า 314 เสียง ขณะนี้ทำงานได้อยู่ เอาใครมาเพิ่มหรือไม่เอาใครมาเพิ่ม ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาคิด วันนี้ครม.ยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังคุยกันรู้เรื่องดีทุกฝ่าย ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ทุกพรรค
ต่อข้อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับนายเฉลิมชัย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะส่วนตัวยังไม่เคยเจอนายเฉลิมชัย ตั้งแต่เข้ามาร่วมรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาเป็นอะไหล่ให้รัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่วันนี้ไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดทำงานได้ด้วยดี ต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่าต่อไปการผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะง่าย พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่กล้ากดดัน นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิด แบบนั้น พรรคร่วมรัฐบาลทำงานกันดีอยู่แล้ว คุยกันได้ เรายึดเรื่องเหตุผลปัญหาของประเทศและประชาชน
‘หนู’ชี้ 314 เสียงปึ้ก-ดักคอเกมต่อรอง
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของเฉลิมชัย ทำให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลมากยิ่งขึ้น และอาจดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลว่า นายเฉลิมชัยเป็นเพื่อนของตน หากคิดแต่เรื่องการต่อรอง ไม่ใช่รัฐบาลแล้ว เรามี 314 เสียงแล้ว มีความมั่นคง คงไม่มีใครไปต่อรองอะไร ทำงานให้เต็มที่ดีกว่า ผลงานก็เกิดกับรัฐบาล
หากมีคำว่าต่อรองเข้ามาถือว่าไม่ใช่พวกเดียวกันแล้ว 253 เสียง ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รอดมา 4 ปี ผ่านวิกฤตการณ์มากมายแต่อยู่มาได้ เพราะมีเจตนารมณ์เดียวกันคือการทำงานให้บ้านเมือง ตรงนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากกว่า เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้เกมนี้เพื่อต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กังวล เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
เลือดสีฟ้าไหลอีก-โหรสว.ก็ไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ ประชุมใหญ่สามัญประจำปี เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เป็นเลขาธิการพรรค ส่งผลให้สมาชิกพรรคทยอยลาออกต่อเนื่อง เริ่มจาก 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค 2.นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรค 3.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตสส.ตรัง 4.นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ อดีตสส.บัญชี รายชื่อ 5.นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และอดีตสส.ภูเก็ตหลายสมัย
6.น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีตสส.กทม. 7.นายวิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัครสส.กทม. 8.นายธนวัฒน์ ภูเก้าล้วน อดีตผู้สมัคร สส.กระบี่ 9.นายวิบูลย์ ศรีโสภณ สมาชิกพรรค ตลอดชีพตั้งแต่ 22 ธ.ค.2541 10.นายสุรันต์ จันทร์พิทักษ์ อดีตสส.กทม. 10.นายบุญเลิศ ไพรินทร์ หรือโหรสว. อดีตสว. และอดีตสส. ฉะเชิงเทรา 11.นางอานิก อัมระนันทน์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ
‘อานิก’ซัดจ้องร่วมรบ.พันทาง
นางอานิก อัมระนันทน์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตนอาสาตัวเข้ามาช่วยงานพรรคประชา ธิปัตย์หลังการเลือกตั้งปี 2548 เพราะต้องการเป็นอีกแรงหนึ่งที่ร่วมต้านระบอบทักษิณ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคใน วันเดียวกันหลังจากที่เข้ามาพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็น ครั้งแรก ตนเข้ามาแล้วจึงได้มาอ่านอุดมการณ์พรรค อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ และประทับใจยิ่งขึ้นเมื่อได้สัมผัสผู้คนภายในพรรคที่ยืนอยู่ด้วยอุดมการณ์นั้น
“การเปลี่ยนแกนนำเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 แสดงให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ลดความเป็นสถาบันลงไปมาก อีกทั้งมีเสียงพร่ำอยากร่วมรัฐบาลพันทาง ที่มีทั้งพรรค ของทักษิณและพรรคสืบทอดอำนาจรัฐประหารด้วย แม้อุดมการณ์ที่เขียนไว้จะยังอยู่ บุคลากรที่มีอุดมการณ์ก็คงยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ประชาธิปัตย์ในปัจจุบันไม่ใช่พรรคการเมืองที่ดิฉันภาคภูมิใจที่จะเป็นสมาชิกเสียแล้ว พรรคประชาธิปัตย์อยู่ มายาวนาน ผ่านวิกฤตมาบ้างแล้ว หวังว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาเป็นสถาบันควบคู่กับการเมืองประชาธิปไตยของประเทศไทย ได้อีก”นางอานิกระบุ
‘พนิต’รู้บทละครฉากใหญ่
ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงคำกล่าวของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ที่กล่าวใน การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 4 เม.ย 2534 ข้อความว่า “เราจะพูดแต่ความจริง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงบางอย่างหรือความจริง อาจจะไม่ไปสบอารมณ์บุคคลบางคน หรือบุคคลบางกลุ่มในสังคมไทย” ก่อนที่ จะระบุถึงเหตุการณ์วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่มีหลายคนถามตนว่าลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือยัง หรือบางท่านถามว่า ยังอยู่ ปชป. อยู่หรือเปล่า ไม่เห็นช่วง เลือกตั้งหัวหน้าที่ผ่านมา
วันนี้ต้องขอออกมาแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เป็นไปตามที่วิเคราะห์ไว้ทุกประการ กับโฉมหน้าหัวหน้าพรรค กก.บห.พรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ หลังรับทราบข้อมูล เห็นความเคลื่อนไหวเบื้องหน้าเบื้องหลังเปรียบดังละครฉากใหญ่ และเป้าหมายทางการเมืองของทุกฝ่ายทุกขั้วอย่างชัดเจน ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง โดยสรุปว่ายังไม่เห็นแสงสว่างแห่งความเปลี่ยนแปลงหรือฟ้าหลังฝนในเร็วๆ นี้
“ผมจึงกล้าที่จะลาออกจากสมาชิกพรรคจากบ้านสีฟ้าที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาตลอด 20 ปี ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล่วงหน้าก่อน 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2566 ด้วยอาการหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันเลือกหัวหน้าพรรค ในวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ เกิดขึ้น หลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องน้อมรับผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกเรา จนทำให้พรรคเดินมาไกลถึงขณะนี้ และขอให้ทุกคนโชคดี และพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ” นายพนิตระบุ
โฆษกยัน‘เฉลิมชัย’พร้อมพิสูจน์
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสมาชิกพรรคทยอยลาออก ว่า เคารพในการตัดสินใจ อาจมีเหตุผลส่วนตัวได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาร่วมดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในวันข้างหน้า ต้องย้ำว่าเมื่อพรรคผ่าน ขั้นตอนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและ กก.บห.แล้ว ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำงาน มุ่งมั่น ฟื้นฟู พัฒนาพรรคให้ก้าวเดินต่อไป เป็นหน้าที่ทุกคนในพรรคก็ต้องหาวิธีการช่วยสนับสนุนตามภาระหน้าที่ที่ทำได้ คนที่เป็นผู้บริหารมาแล้วก็ไป แต่โจทย์ใหญ่สำคัญที่สุดคือพรรคประชาธิปัตย์ต้องอยู่ต่อไป
ส่วนผู้บริหารมีความท้าทายที่สำคัญ คือการทำงานอย่างหนัก ให้เวลาเป็น เครื่องพิสูจน์ หากทำไม่ได้สมาชิกพรรค ไม่ยอมรับก็ต้องสิ้นสุด นายเฉลิมชัย ก็พร้อมพิสูจน์ด้วยการทำงาน ส่วนการ ยึดอุดมการณ์ของพรรค กก.บห.ชุดใหม่ย่อมใช้เป็นแนวทางดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่แล้ว จึงขอให้สมาชิกรวมใจกัน จับมือร่วมกันทำงานสนับสนุนให้พรรคก้าวไปสู่ความมั่นคงต่อไป
‘นิด’ไม่รู้กฎคุก-‘อิ๊ง’อู้อี้ดูเกณฑ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเอื้อต่อนายทักษิณ ชินวัตร ว่า ไม่ทราบเรื่องเลย เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับตน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายเศรษฐาไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค เพื่อไทย กล่าวกรณีกำหนดการพักรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณ ที่จะครบกรอบ 120 วันในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะขอขยายเวลาหรือไม่ หรือจะใช้สิทธิ์ตามประกาศระเบียบของกรมราชทัณฑ์การ คุมขังนอกเรือนจำว่า จะต้องดูหลักเกณฑ์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่ากฎเกณฑ์รายละเอียดเป็นอย่างไร วันนี้ขอเน้นให้เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ให้กับงานที่มาก่อน
‘ทวี’แจงยึดนิติธรรม-ไม่เกี่ยว‘แม้ว’
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ระเบียบดังกล่าวออกตามกฎหมายราชทัณฑ์ ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมครหาเรื่องนี้ค่อนข้างมาก พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ขอไปดูรายละเอียดก่อน เป็นเรื่องของคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่ประชุมไว้หลายเดือนแล้ว เท่าที่ตรวจสอบมีปลัดกระทรวงลงไปดูแลอยู่ ต้องยอมรับวันนี้กรณีเรือนจำเมื่อมีเรื่องหลักนิติธรรม กรมราชทัณฑ์ได้คะแนนเรื่องนี้ 0.25 จากคะแนนเต็ม 1 ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานเยอะ เนื่องจาก ไม่ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม หรือกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทำหนังสือมาถึงรัฐบาลชุดที่แล้ว การปฏิบัติทั้งหมดจะไม่เอาตัวบุคคลมาตั้ง
เราจะมีกฎกระทรวงตามมาตรา 89/1 ของวิอาญา เพราะตอนนี้นักโทษที่อยู่ในเรือนจำคือ นักโทษระหว่างไปขังอยู่กับนักโทษเด็ดขาดซึ่งส่อขัดรัฐธรรมนูญ กรณีเรือนจำจะมีกฎหมายระบุไว้ ซึ่งผู้ต้องขัง จะมีสถานที่ควบคุม ทุกคนคือติดคุกเหมือนเดิม แต่รายละเอียดจะมีคณะกรรมการที่จะประชุม มีตัวแทนทั้งศาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดตนมอบปลัดกระทรวงเข้าไปดูแลหลังมีข่าว ปลัดบอกว่าการดำเนินการไม่มีเรื่องตัวบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องแต่จะดูเรื่องหลักเกณฑ์ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ เมื่อถามว่าแม้ไม่ระบุตัวบุคคล แต่นายทักษิณเข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ไม่ตอบคำถาม
‘สมศักดิ์’โยนสื่อตรวจสอบเอง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจาก พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 แต่กฎหมายรอง หรืออนุบัญญัติต่างๆ ต้องมีออกมาให้ครบ เหมือนบางกระทรวงที่มีกฎหมายแต่ไม่สามารถออกอนุบัญญัติ ได้ ทำให้ใช้กฎหมายได้ไม่ครบถ้วน ส่วนรายละเอียดให้สื่อไปตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายทักษิณ จะได้รับประโยชน์จากระเบียบดังกล่าวหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปดูรายละเอียด เพราะไม่ได้ติดตาม ต่อข้อถามว่าผู้พิจารณาว่าระเบียบดังกล่าวครอบคลุมไปถึงนายทักษิณได้เป็นใคร นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงและเจ้าหน้าที่พิจารณา รายละเอียดตนไม่ได้ดู เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์เรื่องดังกล่าวมีการปูทางไว้ตั้งแต่สมัยนายสมศักดิ์ เป็นรมว.ยุติธรรมในรัฐบาลที่ผ่านมา นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ กฎหมายมีมาตั้งแต่ปี 2560 และต้องมีอนุบัญญัติในทุกมาตรา เพื่อประโยชน์การบริหาร
‘จุรินทร์’ถามมีนายกฯไว้ทำไม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชี รายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอถามนายเศรษฐา กับ พ.ต.อ.ทวี ว่า ปล่อยให้กรมราชทัณฑ์ลักไก่ออกระเบียบให้นักโทษไปติดคุกที่บ้าน เพื่อรองรับนักโทษชั้นพิเศษได้อย่างไร ถ้าทำได้ต่อไปคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีความหมาย ศาลตัดสินจำคุกไม่ต้องสนใจ เพราะกรมราชทัณฑ์สั่งให้ ไปติดคุกนอนเสวยสุขอยู่กับบ้านได้ แล้วคุกจะมีไว้ทำไม มีไว้ขังคนจนกับคนไม่มีอำนาจเท่านั้นหรือ
“ถ้าจะบอกว่าไม่ขอแทรกแซงกระทรวงยุติธรรม หรือกรมราชทัณฑ์ แล้วกรณี ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีไตรภาคีที่เป็นองค์กรตามกฎหมายดูแล เขามีมติตามกฎหมายแล้ว ทำไมไปสั่งให้เขาทบทวน เรื่องนี้ถ้านายกฯไม่ทำอะไร จะมีคำถามว่าจะมีนายกฯ ไว้ทำไม มีไว้ดูแลประชาชนหรือมีไว้ดูแลนักโทษเทวดา” นายจุรินทร์กล่าว

กำลังใจ – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมด้วยรมว.และรมช.เกษตรฯ ออกมาพบกลุ่มเกษตรกร ผู้เลี้ยงสุกรที่มาให้กำลังใจในการแก้ไขปัญหาหมูเถื่อน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ วันที่ 12 ธ.ค.
นายกฯ รุดพบผู้เลี้ยงสุกร
เวลา 11.42 น. นายเศรษฐาได้เดินไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อพบกับเกษตรกร ผู้เลี้ยงสุกร นำโดยนายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ
นายสิทธิพันธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายกฯ ที่มาช่วยปราบปรามเรื่องหมูเถื่อน จากปัญหาลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศที่เข้ามาแย่งตลาด สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถขายเนื้อสุกรได้เกินราคาต้นทุน เนื่องจากหมูเถื่อนมีต้นทุนการผลิตที่ ต่ำกว่าประเทศไทยมาก ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น และบางส่วนถึงกับต้องออกจากอาชีพไปพร้อมกับหนี้สิน แต่หลังจากที่นายกฯ เข้ามารับตำแหน่งและบริหารราชการ แผ่นดินตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาการจัดการคดีหมูเถื่อนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาหมูหน้าฟาร์มยังต่ำกว่าต้นทุนแต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้เลี้ยงสุกร แห่งชาติ ขอความกรุณานายกฯ เพื่อ ต่อยอดในการแก้ปัญหาอีก 9 ประเด็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับภาคปศุสัตว์ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศได้รับความเป็นธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยสมาคมและผู้เลี้ยงสุกรยินดีให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ จากนั้นตัวแทนเกษตรกรได้ยื่นหนังสือต่อ ร.อ. ธรรมนัส เพื่อให้ต่อยอดการแก้ปัญหา
โวเข้ามา 3 เดือนแก้หมูเถื่อนได้
ด้านนายเศรษฐากล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ได้สละเวลามาให้กำลังใจ ความจริงไม่ต้องมาขอบคุณก็ได้เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอยู่แล้ว ปัญหานี้หมักหมมมา 3-4 ปีแล้ว รัฐบาลนี้เข้ามายังไม่ถึง 3 เดือน รมว.เกษตรและสหกรณ์และรมช.เกษตรและสหกรณ์ทุกคนได้นำเรื่องนี้ขึ้นมาทำงานอย่างจริงจัง และทุกคนยังคงทำงานกันต่อไป ในส่วนของอักษรย่อที่เกี่ยวข้องกับหมูเถื่อนนั้นจะต้องสาวกันต่อไป แต่ต้องขอความกรุณา เราเองใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาหมักหมมมา 3-4 ปีแล้ว เรามาเพียงแค่ 3 เดือนก็จัดการได้ เฉพาะช่วงนี้ ขอให้มีความอดทนกันหน่อย รัฐบาลจะมุ่งมั่นทำงานต่อไปไม่มีการปกปิด ไม่มีการเอื้ออำนวยให้กับใครทั้งสิ้น
“รมว.และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ทำงานกันอย่างเต็มที่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเราได้มองข้ามไปอีกว่า ไม่ใช่แค่การปราบหมูเถื่อนเพียงอย่างเดียว สำหรับประชาชนที่เดือดร้อนขณะนี้เรามีการเตรียมพันธุ์หมูและเงินทุนไว้ เพื่อที่จะไปดำเนินการจัดการให้กับรายย่อยและรายการเพื่อกลับมาฟื้นฟูอาชีพที่สุจริตอีกครั้ง ขอให้มีความอดทนเพราะรัฐบาลนี้มีความเข้าใจถึงความต้องการของประชาชน” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อ 11 ธ.ค. มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน (ปปง.) ว่าได้มีการอายัดทรัพย์ไปบางส่วนแล้ว ซึ่งต้องสาวต่อไป และทำงานกันต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถสาวถึงต้นตอตัวการใหญ่ได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีความพยายาม ต้องดูว่าตัวการใหญ่นั้น ใหญ่แค่ไหนเท่านั้นเอง
เดินหน้าสาวถึงตัวการใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีหมูเถื่อนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คงอยู่ในขั้นตอน การพิจารณาของดีเอสไอ ต่อข้อถามว่า เมื่ออยู่ในขั้นตอนสุดท้ายจะเปิดเผยรายชื่อได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องว่าไปตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อถึงเวลาต้องเปิดชื่อ ถ้าหากไม่เสียรูปคดี
ต่อข้อถามว่ามีการพูดกันว่าอาจไม่สาวไปถึงต้นทาง แต่อาจจะได้ลูกกระจ๊อกเป็นไอ้ห้อยไอ้โหน กลัวจะเป็นมวยล้มต้มคนดูของรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่เอาจริง นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้คอยดูต่อไป แต่ยินดีรับฟังเสียงสะท้อนของปัญหา เมื่อถามว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้าจะเห็นราคาหมูของชาวบ้านดีขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า นั่นคือความตั้งใจของรัฐบาลนี้ ที่ดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกร
เมื่อถามว่าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีเครื่องเอกซเรย์ทำไมถึงมองไม่เห็นว่ามีหมูเถื่อน นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้เลย ว่าเป็นเรื่องอะไร เครื่องเอกซเรย์ ตู้คอนเทนเนอร์ ใครซื้อมา ตนไม่ทราบว่าเพิ่งซื้อมาใน 3 เดือนนี้หรือไม่ แต่แน่นอนหากมีการร้องเรียนมาตนต้องเข้าไปดูถึงความเหมาะสมของอุปกรณ์ และหากมี การทุจริตประพฤติไม่ชอบ รัฐบาลนี้ ไม่ปล่อยไว้แน่นอน เมื่อถามว่าไม่ว่าจะเป็นข้าราชการกรมศุลกากรหรือนายทุนใหญ่ หรือนักการเมืองจะได้เห็นโดนคดีนี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าเขาทำผิดก็ต้องโดน แต่อย่าเพิ่งไปตั้งธง
ตั้งชุดพญานาคราชลุยต่อ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับนโยบายจากนายกฯ ในการตั้งชุดปฏิบัติการพญานาคราชเพื่อเดินหน้าต่อ โดยจะมีการสุ่มตรวจสินค้าต่างๆ เอาจริงกับสินค้าทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะหมูเถื่อน ตลอดการดำเนินการ ทุกขั้นตอนจะมีการรายงานผลทั้งหมดให้ นายกฯ รับทราบ
ส่วนกรณีคดี 161 ตู้คอนเทนเนอร์น่าจะจบแล้ว เป็นคดีพิเศษที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล คาดว่าจะสาวไปถึงต้นตอทั้งหมด ผู้สื่อข่าวถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่าในขั้นตอนการดำเนินงานอาจเจอตอ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มี เอากฎหมาย เอาความถูกต้องเป็นหลัก
เมื่อถามถึงการเปิดเผยรายชื่อนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อนได้เมื่อไร ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ เพราะเป็นเรื่องคดีพิเศษ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ส่งข้อมูลให้หมดแล้ว ก็รับทราบและได้รับรายงานมาโดยตลอด
ปปง.-ดีเอสไอเร่งขยายผล
ที่สำนักงานปปง. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการปปง. พร้อม นายวิทยา นีติธรรม โฆษก ปปง., พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงผลความคืบหน้ากลุ่มขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม
พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 22 ราย แบ่งเป็น บุคคลธรรมดา 12 ราย นิติบุคคล 10 ราย และจะมีการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอีก 1 ราย กรรมการ บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด โดยพนักงานดีเอสไอส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 59/2566 ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 1 คดี เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.พ.ศ.2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณายังไม่ส่งสำนวนกลับมา
รวมทั้ง มีการแยกคดีพิเศษกับบริษัท ชิปปิ้งเอกชน 9 คดี ประกอบด้วยคดีพิเศษที่ 101-109/2566 ที่นำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย เกี่ยวข้องกับอีก 2,385 ตู้ ปริมาณ 59,625 ตัน และมีเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วยงาน เชื่อมโยงกับ 2 คดีจาก 9 คดีพิเศษที่แยกมา หลังพบหลักฐานเส้นทางการเงินและขณะนี้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ก่อนส่งสำนวน ป.ป.ช. ในขั้นตอนไป
พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นห้องเย็น จ.นครปฐม 2 แห่ง และรวบรวมหลักฐานขยายผลเพิ่มเติมพบว่ามี 3 บริษัทชิปปิ้งที่แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ใช้บริการเอเยนต์เพื่อโอนเงินจากประเทศไทยไปยังต่างประเทศ เกี่ยวข้อง 282 ตู้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษี และเตรียมขยายผลรับเป็นคดีพิเศษ เพราะอยู่ในขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ตั้งแต่ปี 2564-ปัจจุบัน
ยังไม่พบนักการเมืองใหญ่เอี่ยว
ดีเอสไอจะเรียก 4 กรรมการตัวแทนบริษัทกลุ่ม จ.นครปฐม มาสอบปากคำเพิ่มเติม ภายในสัปดาห์นี้ เพราะเป็นผู้รับเงินโอน 259 ล้านบาท จากบริษัท นายวิรัช และนายธนกฤต ภูริฉัตร (สองพ่อลูก) กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด แต่ไม่มีการ ทำธุรกรรมซื้อขาย ก่อนโอนต่อ บริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช และโอนเงินต่อไปต่างประเทศ
“ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลไปถึงนักการเมืองระดับประเทศ ส่วนที่มีคลิปเสียงบุคคลใกล้ชิดนักการเมืองเพื่อเรียกรับเงิน 10 ล้านบาท เพื่อเคลียร์คดีหมูเถื่อนนั้น ยังไม่มีการเรียกผู้ใดมาชี้แจง ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ส่งรายชื่อมาให้ดีเอสไอขอตรวจสอบรายละเอียด อีกครั้ง” พ.ต.ต.ณฐพลกล่าว
ด้านนายวิทยากล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 24 รายการ มูลค่าประมาณ 53 ล้านบาท และ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมไว้ชั่วคราว 28 รายการ (ที่ดิน รถยนต์ และเงินในบัญชีเงินฝาก) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท รวมขณะนี้ทั้งหมด 90 ล้านบาท
วุฒิสภาไฟเขียว‘สุเมธ’นั่ง‘ตศร.’
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาเป็นประธานการประชุม พิจารณาให้ความเห็นชอบนายสุเมธ รอยกุลเจริญ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตศร.) ด้วยเสียงเห็นชอบ 207 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง ไม่ออกเสียง 4 เสียง
ก่อนลงมตินายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. หารือว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 201(2) และ พ.ร.บ.วิธีการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดคุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี และไม่เกิน 68 ปี ในวันที่ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหา แต่ 12 ธ.ค.2566 นายสุเมธมีอายุ 68 ปี 2 เดือน 24 วัน เกิน 68 ปี จะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้านนายประสิทธิ ปทุมรักษ์ สว. คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ ยืนยัน คุณสมบัตินายสุเมธไม่ขัดรัฐธรรมนูญเพราะเกิด 16 ก.ย.2498 ศาลปกครองเสนอชื่อ 16 ก.ค. 2566 ขณะนั้นอายุ 67 ปี 10 เดือน ยังไม่ถึง 68 ปี